ชัยชนะที่คู่ควร
จังหวะผิดพลาดของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อาลีสซง เบ็คเกอร์ จนเปิดโอกาสให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้ส้มหล่นยิงประตู 2-1 ถูกมองว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แต่ในภาพรวมตลอด 90 นาที อาร์เซน่อล ทำได้ดีกว่าชัดเจนและสมควรเป็นผู้ชนะในเกมบิ๊กแมตช์ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
มิเกล อาร์เตต้า วางแผนการเล่นได้ดี และที่ดียิ่งกว่าคือ นักเตะเล่นได้ตามแผนที่วางเอาไว้ และหลายจังหวะทำได้ดีกว่าที่คาดด้วยซ้ำ
อาร์เตต้า เลือกปรับสองจุดจากนัดชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 2-1 ด้วยการขยับส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ขึ้นไปเล่นฟอลส์ไนน์แทน กาเบรียล เชซุส ที่บาดเจ็บไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง อีกตำแหน่งคือหย่อน จอร์จินโญ่ ลงมาช่วย เดแคลน ไรซ์ กับ มาร์ติน โอเดการ์ด ในแดนกลาง
กลายเป็นสองจุดที่ทำให้การเล่นของ อาร์เซน่อล มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการเจอกับทีมจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล
ฮาแวร์ตซ์ อาจดูไม่อันตรายในจังหวะยิงประตูเหมือนเช่นตอนหลุดไปดวล อาลีสซง ก็ยิงแทบไม่ห่างตัวก่อนโชคดีบอลจังหวะสองเข้าทาง บูคาโย่ ซาก้า ได้ปิดจ๊อบ
แต่การวิ่งทำทางของดาวเตะทีมชาตเยอรมนีมีประโยชน์มาก รบกวนแนวรับของ ลิเวอร์พูล ได้ต่อเนื่อง เป็นตัวเป้าที่เพื่อนร่วมทีมฝากบอลทิ้งไปให้ได้
ความแข็งแกร่งของร่างกายเหมือนจะเป็นรองเซนเตอร์หงส์แต่กลายเป็นว่าชิงเหลี่ยมและรอจังหวะเก็บบอลได้ดีและเรียกฟาวล์ได้บ่อยครั้ง
ฮาแวร์ตซ์ ทำให้ โจ โกเมซ ได้ใบเหลือง และใบเหลืองทั้งสองใบของ อิบราฮิโม่ โกนาเต้ จนต้องถูกไล่ออกช่วงท้ายก็มาจากการฟาวล์ ฮาแวร์ตซ์
ขณะที่ จอร์จินโญ่ ก็ช่วยให้แดนกลาง อาร์เซน่อล เหนือกว่าผู้มาเยือนชัดเจนด้วยการคอยเข้าบีบไล่บอล-แย่งบอลกลับมาครอง ถ่ายบอลออกซ้าย-ขวา และหากมีช่องตรงหน้าก็จ่ายยัดให้เพื่อนได้อย่างไม่ลังเล
เมื่อรวมกับมาตรฐานของ เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งยกระดับการเล่นขึ้นไปอีก
อาร์เซน่อล กับ ลิเวอร์พูล เล่นในรูปแบบคล้ายกันโดยที่แดนกลางเป็นพื้นที่สำคัญ หากตรงกลางคอนโทรลการเล่นได้ ออกบอลได้ โอกาสยิงประตูจะมาเองโดยอัตโนมัติ
ซึ่งพอเป็น อาร์เซน่อล ที่ทำได้ดีกว่า จังหวะพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายของ ลิเวอร์พูล ก็มีมากกว่า และสามารถขึ้นนำก่อนตั้งแต่สิบห้านาทีแรก
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หลุดตำแหน่งขยับขึ้นสูงช่วยบีบแดนกลางที่เป็นรองเจ้าถิ่น มาร์ติน โอเดการ์ด จึงเห็นพื้นที่่ข้างหลังได้กระแทกบอลจังหวะเดียวให้ ฮาแวร์ตซ์ หลุดเข้าไปยิงทันทีก่อนจบที่ ซาก้า ซ้ำดาบสองเข้าไป
อาร์เซน่อล เน้นเกมตรงกลางมากเป็นพิเศษ ต่างจากหลายนัดที่เกมรุกขึ้นริมเส้นสองฝั่งทั้ง ซาก้า และ มาร์ติเนลลี่
เกมรุกต่อบอลกันได้ ขณะที่เกมรับก็ปิดพื้นการจ่ายบอลของ ลิเวอร์พูล ได้ดีด้วยการยืนตำแหน่งหลายชั้น แดนบนมี ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ มาร์ติน โอเดการ์ด คอยไล่
หากหลุดมาตรงกลางก็ยังมี เดแคลน ไรซ์ กับ จอร์จินโญ่ อีกชั้น ส่วนด่านสุดท้ายเป็นคู่เซนเตอร์ วิลเลี่ยม ซาลีบา กับ กาเบรียล มากัลเญส
แดนกลางหงส์ขึ้นเกมที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นหลัก แต่เกมนี้โดนเข้าถึงตัวเร็วแทบไม่มีเวลาให้คิด จึงไม่สามารถตั้งเกมได้
การขาด วาตารุ เอ็นโด ที่เพิ่งเสร็จภารกิจทีมชาติทำให้ตรงกลางของหงส์แดงไม่แน่นเท่าที่ควร แถม โดมินิค โซโบสไล ก็ไม่สมบูรณ์ ตรงนี้ทำให้คุณภาพดร็อปไป ต่างจาก อาร์เซน่อล ที่แดนกลางแกร่งขึ้นเมื่อใช้ จอร์จินโญ่ เล่นแทน เอมิล สมิธ โรว์
ตลอดครึ่งแรก อาร์เซน่อล ทำได้เกือบสมบูรณ์แบบ มีเพียงจังหวะพลาดจนเสียประตูเท่านั้นเองที่เป็นรอยแผลที่ทำให้บางคนวิตกว่าอาจทำตัวเองอีกครั้งเหมือนหลายนัดที่เล่นได้ดีแต่กลับไม่ชนะ
จังหวะเสียประตูตีเสมอนี้ วิลเลี่ยม ซาลีบา บังบอลไม่ขาดเสียท่าลูกขยันของ หลุยส์ ดิอาซ ที่จิ้มบอลจนได้ก่อนไปโดน กาเบรียล มากัลเญส เปลี่ยนทางเข้าประตู
ประตูนี้สำคัญต่อ ลิเวอร์พูล มากเพราะรูปเกมเป็นรองแต่กลับเดินเข้าห้องแต่งตัวด้วยสกอร์ที่เท่ากันได้ ทำให้ครึ่งหลังดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นพอสมควร และได้โจมตีเกมรับฝั่งขวาของ อาร์เซน่อล อย่างต่อเนื่อง
เป็นช่วงยี่สิบนาทีแรกของครึ่งหลังที่หงส์แดงเล่นในเกมของตัวเองได้บ้าง แต่แล้วก็มาพลาดอย่างไม่น่าเชื่อในจังหวะของ ฟาน ไดค์ กับ อาลีสซง
ฟาน ไดค์ ยอมรับหลังเกมว่าเขาน่าจะตัดสินใจจังหวะนี้ได้ดีกว่านี้หรือไม่ก็เคลียร์ทิ้งไปเลย และเมื่อพลาดทั้งการตัดสินใจและการเล่นก็เสียประตูไปเลย
โมเมนตัมของ อาร์เซน่อล กลับมาเหมือนครึ่งแรกอีกครั้งที่เป็นฝ่ายคอนโทรลทุกอย่างได้เหนือกว่า และปิดโอกาสลุ้นของ ลิเวอร์พูล ได้เกือบหมด
ตำแหน่งแบ็กซ้ายที่ โอเล็กซานเดอร์ บาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่งให้ ยาคุบ คีวิออร์ ลงเล่นแทน ก็ไม่ได้กลายเป็นบ่อให้ถูกโจมตีซึ่งส่วนหนึ่งเพราะ ลิเวอร์พูล ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ด้วย ความอันตรายในเกมรุกฝั่งนี้ก็หายไป
ในทางตรงกันข้าม พื้นที่ฝั่งนี้กลับเป็นจุดบอดของ ลิเวอร์พูล ที่ในช่วงแรก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก็เอา มาร์ติเนลลี่ ไม่อยู่ในหลายครั้ง พอเปลี่ยนให้ โจ โกเมซ โยกจากซ้ายมาเล่นแทนได้ราวครึ่งชั่วโมงก็ต้องปรับใหม่เนื่องจาก โกนาเต้ ถูกไล่ออก โกเมซ ต้องขยับเข้าในและให้ หลุยส์ ดิอาซ ถอยไปเล่นแบ็ก
สุดท้าย อาร์เซน่อล จึงโจมตีพื้นที่ตรงนี้จาก เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่พลิกหนี ดิอาซ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ก่อนลุยเองและเลือกยิงเองแฉลบปลายสตั๊ด ฟาน ไดค์ ก่อนลอดขา อาลีสซง เข้าประตู
ประตูนี้เป็นเหมือนโบนัสแทร็กสำหรับ อาร์เซน่อล ที่คอนโทรลเกมได้ยอดเยี่ยมหลังได้ประตู 2-1 ไม่ได้ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล กลับสู่เกมที่ถนัดอีกเลย
อาร์เซน่อล จึงได้ชัยชนะที่สมควรได้กับฟอร์มการเล่นที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้แบบไร้ข้อโต้แย้ง และการฉลองหลังเกมแบบเต็มที่ก็บ่งบอกได้อย่างดีว่าเป็นชัยชนะที่ล้ำค่ามากเพียงใด
ลูกทีมของ อาร์เตต้า แพ้เกมนี้ไม่ได้เพราะจะทำให้ตามหลัง ลิเวอร์พูล เพิ่มเป็น 8 คะแนนซึ่งอาจทำให้โอกาสลุ้นแชมป์กลายเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น
แต่พอชนะได้ก็บีบช่องว่างให้เหลือ 2 คะแนน และทำให้ ลิเวอร์พูล ได้พบกับความพ่ายแพ้ในเกมลีกเป็นนัดแรกนับตั้งแต่เกมดราม่ากับ สเปอร์ส เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
อาร์เซน่อล เคยเสียหลักพักใหญ่ด้วยการแพ้ 3 นัดติดในทุกรายการก่อนช่วงเบรกสองสัปดาห์ แต่การกลับมาชนะได้ 3 นัดติดและโดยเฉพาะนัดล่าสุดที่ชนะคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล ก็น่าจะทำให้ได้กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวอีกครั้ง
เป็นชัยชนะที่คู่ควรและสุดสำคัญต่อเป้าหมายในฤดูกาลนี้อย่างยิ่ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT