:::     :::

ปราบนักบุญก่อนเบรก

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะส่งท้ายก่อนเบรกทีมชาติพร้อมรักษาผลงานไร้พ่ายเอาไว้ได้ หลังแซงชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้สำเร็จ

2 ประตูใน 10 นาทีจาก ไค ฮาแวร์ตซ์ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทำให้ทีมกลับมาได้เต็มตัว หลังพลาดปล่อยให้ เซาธ์แฮมป์ตัน พลิกนำก่อนสุดช็อกจาก คาเมรอน อาร์เชอร์ ก่อนที่ บูคาโย่ ซาก้า จะมายิงปิดท้ายการันตี 3 แต้มในบ้าน

ชัยชนะนัดนี้ยังเป็นการชนะเกมพรีเมียร์ลีกในบ้านนัดที่ 400 ของ อาร์เซน่อล ซึ่งกลายเป็นทีมที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ทำได้ต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (428 นัด) 

ด้วยการปรับทีมหลายตำแหน่งของ มิเกล อาร์เตต้า ส่งผลให้การเล่นของทีมลงตัวเท่าที่ควรโดยเฉพาะครึ่งแรก

อาร์เตต้า เลือกให้ โธมัส ปาร์เตย์ เล่นแบ็กขวาแก้ขัดในวันที่ทั้ง เบน ไวท์ และ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ ยังไม่ฟิตกลับมา ขณะที่ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ เป็นเพียงสำรองเพราะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่นัก

ขณะที่แนวรุกให้โอกาสทั้ง กาเบรียล เชซุส เล่นหน้าเป้า และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ออกสตาร์ตตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม

อาร์เซน่อล ใส่เบียร์บุกตั้งแต่เริ่มเกม ควบคุมทุกอย่างได้เหนือกว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ทั้งการครองบอล การจ่ายบอล โอกาสลุ้นยิง และเตะมุมลูกถนัดถึง 8 ครั้ง

แต่ในรูปแบบที่เหนือกว่า โอกาสจะแจ้งในการได้ประตูมีน้อยมาก และต้องรอจนถึงช่วงทดเจ็บกว่าจะได้ยิงเข้ากรอบครั้งแรกและครั้งเดียวตลอด 45 นาทีแรกจาก โธมัส ปาร์เตย์ 


ฮาแวร์ตซ์ ยิงตีเสมอได้เฉียบขาด

เกมรับนักบุญช่วยกันเล่นอย่างเต็มที่ สามารถบล็อกลูกยิงปืนใหญ่ได้ถึง 7 ครั้ง โดยอารอน แรมส์เดล ที่กลับมาเยือนถิ่นเก่าอีกครั้ง ได้ออกแรงเซฟครั้งเดียวเท่ากับ เดวิด ราย่า 

เป็นครึ่งแรกที่ผิดคาดมากกับสกอร์ที่ยัง 0-0 ลูกเตะมุมที่ อาร์เซน่อล เคยทำได้ดีก่อนหน้านี้ ไม่สามารถโจมตีผู้มาเยือนได้ 

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ แรมส์เดล ที่รู้ลึกกลยุทธิ์นี้พอตัวในช่วงที่อยู่กับปืนใหญ่ เลยช่วยเพื่อนใหม่หาทางรับมือได้

แล้วเรื่องที่แฟนบอลในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นหลังเริ่มครึ่งหลังได้ 10 นาที มาเตอุส แฟร์นานเดซ แย่งบอลจากได้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ก่อนเปลี่ยนจากรับเป็นรุกทันทีสาดยาวไปให้ คาเมรอน อาเชอร์ ที่ลากตัดเข้าเขตโทษแล้วซัดด้วยขวาส่งบอลเบียดเสาไกลสุดแม่นยำ

ประตูนี้เหมือนปลุกให้ อาร์เซน่อล ตื่นตัว และใช้เวลา 3 นาทีในการตามตีเสมอจากตัดบอลได้เช่นกันโดย บูคาโย่ ซาก้า ที่จ่ายต่อให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ โยกให้บอลไหลเข้าซ้ายแล้วกดเน้นๆ เช็ดเสาเข้าไป

อาร์เซน่อล ตีเสมอได้เร็วและจังหวะพอเหมาะกำลังจะปรับเกมรุกช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่ อาร์เตต้า ส่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เลอันโดร ทรอสซาร์ ตามด้วย มิเกล เมริโน่ ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, กาเบรียล เชซุส และ จอร์จินโญ่

3 ผู้เล่นสำรองที่ลงมาทำให้ อาร์เซน่อล ปรับแท็กติกเป็น 4-4-2 ที่ใช้บ่อยในช่วงไม่มี มาร์ติน โอเดการ์ด ซึ่งยังพลาดช่วยทีมเป็นนัดที่ 7 ติดต่อกันจากอาการบาดเจ็บ 


มาร์ติเนลลี่ ลงสำรองยิงแซง

มาร์ติเนลลี่ ลงไปยืนปีกซ้าย, เมริโน่ ยืนคู่กับ เดแคลน ไรซ์ ตรงกลาง และ ทรอสซาร์ เล่นหน้าสลับกันเป็นตัวเป้ากับ ฮาแวร์ตซ์ 

แท็กติกเหมือนปรับไม่เยอะ แต่การขยับ ไค จากตรงกลางขึ้นมาเล่นข้างหน้าที่เจ้าตัวเล่นตลอดในช่วงหลัง และมีกลุ่มตัวจริงอย่าง ซาก้า, มาร์ติเนลลี่ และ ทรอสซาร์ เล่นร่วมกัน เกมรุกของปืนใหญ่ก็มีประสิทธิภาพและลื่นไหลมากกว่า

สเตอร์ลิ่ง มีความจี๊ดจ๊าด และเล่นงานแนวรับนักบุญได้ในหลายจังหวะ ขณะที่ เชซุส ก็ความสามารถเฉพาะตัวดี แต่ต้องยอมรับการเล่นของทั้งคู่ยังจูนกับเพื่อนไม่ลงตัวดีนัก

สเตอร์ลิ่ง เพิ่งมาใหม่พอเข้าใจได้ แต่ เชซุส ที่อยู่กับทีมเป็นฤดูกาลที่ 3 น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าทำให้จังหวะการเล่นของทีมสะดุดหลายครั้งเพราะหวงบอลมากเกินไป จึงหวะที่ควรจ่ายไม่จ่าย จังหวะยิงไม่ยิง 

ไม่แปลกที่เขากลายเป็นสำรองของ ฮาแวร์ตซ์ ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วทั้งๆ ที่อดีตแข้ง เชลซี ไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติ

10 นาทีหลังตีเสมอ อาร์เซน่อล แซงนำสำเร็จจากโมเมนต์อันยอดเยี่ยมของนักเตะพิเศษ 

บูคาโย่ ซาก้า ทำหนึ่งในแอสซิสต์ที่ดีสุดตลอดกาลในเอมิเรตส์ ด้วยการตักบอลข้ามแนวรับนักบุญเลยไปเสาไกลจนเกือบหลุดออกหลัง ทว่าเป็นสิ่งที่ตั้งใจอยู่แล้วเพื่อเปิดให้ มาร์ติเนลลี่ เข้าชาร์จ

การเล่นจังหวะนี้ต้องมีความเข้าใจและเชื่อใจกันสูงระหว่างนักเตะทั้งสองคนซึ่ง ซาก้า และ มาร์ติเนลลี่  มีตรงนี้อยู่แล้ว 

จุดเริ่มต้นต่างกัน ซาก้า เป็นเด็กฝึกในทีมเยาวชน ส่วน มาร์ติเนลลี่ มาจากบราซิล แต่เล่นให้ชุดใหญ่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และกลายเป็นกำลังสำคัญมาตลอด 4-5 ปีหลังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและเป็น "สัญลักษณ์" ยุคใหม่ของทีม


แรมส์เดล ได้รับการต้อนรับอย่างดีทั้งจากแฟนปืนและ ราย่า

มาร์ติเนลลี่ กล่าวถึงเพื่อนรักว่า "มันเป็นบอลที่น่าเหลือเชื่อจากเจ้าบี และผมก็อยู่ตรงนั้น ผมรู้ว่าเมื่อมีคนเปิดบอล และก็รู้ว่าต้องทำอะไร สำหรับผมเป็นประตูที่สวยงาม ผมแค่พยายามจะยิงประตู และผมมีความสุขกับประตูนี้มาก เป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ"

"เขาเป็นคนดีมากด้วย เราดีใจมากที่ได้เขามาเป็นหนึ่งในกัปตันทีม เขาสุดยอดมาก เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีสุดในโลกตอนนี้ก็ว่าได้"

นักเตะที่มีคุณภาพ นักเตะที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ดังได้ ต้องมีช็อตแบบนี้ จังหวะการเล่นที่ชี้ขาดชัยชนะให้ทีมได้ซึ่ง บูคาโย่ ซาก้า มีตรงนี้ และช่วยทีมได้อีกครั้ง 

2 แอสซิสต์ล่าสุดนี้ก็ทำให้ปีกขวัญใจแฟนบอลปืน กลายเป็นผู้เล่นที่ทำแอสซิสต์ได้มากสุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปฤดูกาลนี้ และยังแซงหน้าการทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกของปีกตำนานรุ่นพี่อย่าง โรแบร์ ปิแรส ได้อีกด้วย

รูปเกมครึ่งหลังเปิดมากขึ้น เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ได้อยู่ในแดนตัวเองเป็นหลักเหมือนครึ่งแรก พวกเขากล้าเล่นกล้าพาบอลเลี้ยงเพื่อสร้างโอกาสลุ้นประตู ไทเลอร์ ดิบลิ่ง มีจังหวะลากหนี ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ได้สวยๆ เช่นเดียวกับ มาเตอุส แฟร์นานเดส ที่มีบทบาทในเกมรุกกว่าครึ่งแรก

45 นาทีแรก นักบุญได้ผ่านบอลเพียง 159 แต่ 45 นาทีหลังเพิ่มขึ้่นเป็น 224 ครั้ง ซึ่งมากกว่าทีมปืนใหญ่ที่ทำได้ 189 ครั้ง ทั้งที่ครึ่งแรกผ่านบอลไปมารวม 345 ครั้ง


ซาก้า เด่นสุดๆ ด้วยผลงาน 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์

แต่การเล่นแบบนี้ของทีมเยือนก็เข้าทาง อาร์เซน่อล ที่ได้มีจังหวะดักสวนกลับบ้างซึ่งฤดูกาลนี้ทีมของ อาร์เตต้า เล่นแบบนี้ได้เชี่ยวชาญขึ้น ใช้เกมรับที่เหนียวแน่นเป็นฐาน และเปลี่ยนจากรับเป็นรุกโจมตีคู่แข่ง ไม่ใช่อยู่ในโหมดตั้งหน้าตั้งตาบุกอย่างเดียวเหมือนแต่ก่อน

เซาธ์แฮมป์ตัน ของกุนซือ รัสเซล มาร์ติน เป็นทีมที่เสียประตูจากความผิดพลาดของตัวเองมากสุดในลีกซึ่งประตู 1-1 ที่จ่ายพลาดโดน ซาก้า ดักได้ก่อนแอสซิสต์ ก็เป็นลูกที่ 5 ในฤดูกาลที่พลาดเองแล้วเสียประตู

ไม่ต่างจากประตูปิดท้ายที่ เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส พยายามพักอกเอาบอลเล่นแต่กลายเป็นเด้งเข้าทาง ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เสียหลักล้มไปแล้วแต่ยังตวัดบอลให้ เลโอ ทรอสซาร์ ลากไปจนเข้าเขตโทษก่อนโดนเบียดไม่ได้ยิง แต่ ยูกินาริ ซูกาวาระ ที่เกี่ยวบอลไปเล่นก็ยังแตะบอลเข้าทาง ซาก้า วิ่งมายิงไม่เหลือซาก

นี่แหละคือปัญหาของ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ทำให้พวกเขาเสียไปประตูมากเป็นอันดับสองรองจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 4 ทีมที่ยังไม่ชนะใครในตอนนี้ อีกสองผู้ร่วมชะตากรรมคือ อิปสวิช ทาวน์ และ คริสตัล พาเลซ

อาร์เซน่อล จึงเก็บชัยชนะได้ตามเป้าแม้ไม่ง่ายเหมือนที่คาดเอาไว้ ทำให้ชนะตลอด 4 นัดที่ปักหลักในบ้านต่อเนื่อง และตามหลัง ลิเวอร์พูล คะแนนเดียวเท่าเดิม

ได้แยกย้ายไปเล่นทีมชาติได้แบบไม่มีอะไรน่ากังวลหรือเสียดาย ก่อนกลับมาลุยกันใหม่ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า




คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด