:::     :::

สิงโตหัดบิน แต่ร่วงไม่เป็นท่า

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ทีมชาติอังกฤษปราชัยคาบ้านสุดช็อกต่อทีมชาติกรีซในเกมที่พยายามฝืนทำบางสิ่งเกินไปจนกลายเป็นความล้มเหลว

ลี คาร์สลี่ย์ กุนซือขัดตาทัพทำเซอร์ไพรส์ตั้งแต่การจัดตัวที่เลือกเล่น "False nine" ไม่มีกองหน้าอาชีพ และยัดตัวปั้นเกมลงพร้อมกันถึง 5 คน

แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีมมีปัญหาบาดเจ็บไม่ถูกเสี่ยงใช้งาน แต่อีกสองตัวเลือกทั้ง โอลลี่ วัตกิ้นส์ และ โดมินิค โซลันกี้ ก็เป็นเพียงสำรอง 

จู๊ด เบลลิงแฮม กับ ฟิล โฟเด้น ถูกวางบทบาทสลับกันเล่นกองหน้า ขณะที่ แอนโธนี่ กอร์ดอน กับ บูคาโย่ ซาก้า ลุยริมเส้นสองข้าง พร้อมถอย โคล พาลเมอร์ ไปยืนคู่กับ เดแคลน ไรซ์ ตรงกลาง

ย้อนไปในยูโร 2024 ที่ผลงานของ แฮร์รี่ เคน ไม่เปรี้ยงปร้างมากนัก กูรูบางรายแนะนำให้ดร็อปหัวหอกจาก บาเยิร์น มิวนิค เป็นสำรองบ้างซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนัก

คาร์สลี่ย์ ได้จัดทีมตรงตามความเห็นของกูรูแบบเลี่ยงไม่ได้ด้วยการที่ เคน มีปัญหาสภาพร่างกาย แต่เขาทำเซอร์ไพรส์กว่าตรงที่ไม่ได้ให้โอกาสกองหน้ารายอื่นลงแทน

การขาดหน้าเป้าธรรมชาติ กลายเป็นเหตุผลสำคัญทำให้เกมรุกของอังกฤษมีปัญหาชัดเจน

เบลลิงแฮม กับ โฟเด้น รวมถึง กอร์ดอน พยายามสลับกันวิ่งเข้าเขตโทษเพื่อลุ้นจบสกอร์ แต่หลายจังหวะขาดความเข้าใจที่ดี ขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นตัดสินใจได้ยากในการเปิดบอลเข้าเขตโทษ

จังหวะนี้ใครควรเป็นตัวเป้าที่เพื่อนร่วมทีมเปิดบอลให้ จังหวะนี้ใครจะวิ่งเข้าเขตโทษ หรือจังหวะนี้ใครจะเป็นคนยิงประตู ฯลฯ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเล่นของทัพสิงโตคำราม


โฟเด้น และ จู๊ด ไม่ตอบโจทย์กับระบบ false 9

ด้วยศักยภาพโดยรวมที่เหนือกว่า อังกฤษหาโอกาสลุ้นทำประตูได้ แต่ความเฉียบคมเทียบกับตอนมี แฮร์รี่ เคน ปักหลักข้างหน้าไม่ได้

โอกาสยิงหน้าเขตโทษของ จู๊ด เบลลิงแฮม ในนาทีที่ 3 คือครั้งแรกและครั้งเดียวที่ทำให้ผู้รักษาประตูของกรีซต้องออกแรงเซฟ ที่เหลือแข้งสิงโตยิงทิ้งยิงขว้างไปเอง 

เวลาผ่านไปครบหนึ่งชั่วโมง ลี คาร์สลี่ย์ ก็ยอมรับสภาพว่าแผนการแรกไม่ได้ผล จึงตัดสินใจส่ง โอลลี่ วัตกิ้นส์ ลงมาเล่น ตามด้วย โดมินิค โซลันกี้ ในอีก 12 นาทีถัดมา

จากแรกเริ่มที่ออกสตาร์ตด้วยการเล่น "ฟอล์ส ไนน์" จนเหมือนว่ากล้าใช้แท็กติกเหนือชั้น แต่สุดท้ายวนกลับไปหาอดีตด้วยระบบดั้งเดิม 4-4-2 

วานเจลิส พาฟลิดิส ยิงให้กรีซนำ 1-0 ก่อนที่ เบลลิงแฮม ซัดหน้าเขตโทษตีเสมอ 1-1 ก่อนจบเกม 3 นาทีสุดท้าย แต่สุดท้าย พาฟลิดิส ก็มายิงอีกประตูช่วงทดเจ็บให้กรีซชนะไป 2-1 

กรีซ สมควรเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง และไม่ใช่เรื่องพลิกความคาดหมายแต่อย่างใดเพราะลูกทีมหนังจากดินแดนเทพนิยามทำผลงานได้ดีกว่าทัพสิงโต

ความมุ่งมั่นในการเล่น ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และแรงกระตุ้นจากข่าวเศร้าของ จอร์จ บัลด็อค เพื่อนร่วมทีมที่เพิ่งเสียชีวิตไปอย่างสุดช็อก ล้วนหล่อหลวมให้พวกเขาเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดในรอบหลายปีออกมาได้

นอกจาก 2 ประตูที่ทำได้แล้ว กรีซ ยังส่งบอลตุงตาข่ายได้อีก 2 ครั้งเพียงแต่ถูกจับล้ำหน้า และยังมีหลายจังหวะที่บีบให้แนวรับอังกฤษเล่นผิดพลาดเอง 


เกมรับผิดพลาดจนโดนกรีซเล่นงาน

จอร์แดน พิคฟอร์ด พลาดจะแจ้งคนแรกจนโดนยิงสวน บอลกำลังจะขามเส้นอยู่แล้วแต่ ลีวาย โคลวิลล์ ตามมเคลียร์ทิ้งได้แบบเส้นยาดงผ่าแปด

ขณะที่จังหวะอื่น เกมรับของทัพสิงโตก็สกัดบอลกันสะเปะสะปะ ยืนตำแหน่งมั่วซั่ว และเปิดพื้นที่ให้กรีซได้เล่นบอลในแดนตัวเองเยอะมาก

กรีซ ในช่วงหลังเริ่มยกระดับการเล่นขึ้นมาต่อเนื่อง และแพ้แค่นัดเดียวจาก 8 นัดหลังสุดก่อนลงเล่นที่เวมบลีย์ ซึ่งนัดเดียวที่แพ้ก็คือเกมเยือนทีมใหญ่อย่าง เยอรมนี ที่เกือบยันเสมอได้ด้วยหากไม่โดนยิงก่อนจบเกม 2 นาที

คาร์สลี่ย์ ยอมรับหลังเกมว่า "เราพยายามบางสิ่งที่แตกต่าง และพยายามใช้งานมิดฟิลด์มากเกินไป เราพยายามเล่น 20 นาทีเมื่อวาน เราลองเล่นกันดู และมันน่าผิดหวังที่ไม่ได้ผล"

"มันดูไม่สมจริงที่จะคาดหวังมากไป และเราจะพยายามอีกครั้ง ทุกประตูที่เสียมาจากความผิดพลาดซึ่งน่าผิดหวัง"

ตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่ หลายคนจับตามองว่า คาร์สลี่ย์ จะสามารถส่งผู้เล่นแนวรุกฝีเท้าดีอย่าง โฟเด้น, เบลลิงแฮม, พาลเมอร์ และ ซาก้า ลงพร้อมกันได้หรือไม่

เขาส่งทุกคนลงพร้อมกันทั้งหมดแถมมี กอร์ดอน อีกราย ทว่าแผนการเล่นที่เลือกกลับไม่ได้ช่วยให้แต่ละคนรีดเอาศักยภาพที่มีออกมาได้ 


ลี คาร์สลี่ย์ วางแผนพลาด

โฟเด้น, เบลลิงแฮม และ พาลเมอร์ ได้สัมผัสบอลในเขตโทษกรีซน้อยมาก พวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่ทดแทนการขาดหายไปของ เคน อย่างที่ควรจะเป็น 

การทดลองของ ลี คาร์สลี่ย์ ไม่ได้ผล และแย่ถึงขนาดแพ้ กรีซ คาบ้านจนกลายเป็นหนึ่งในความปราชัยที่น่าผิดหวังที่สุดของทีมชาติอังกฤษ


โฟเด้น, จู๊ด และ พาลเมอร์ ได้เข้าในเขตโทษกรีซน้อยมาก

กรีซ คือทีมแรงกิ้งต่ำสุด (อันดับ 48) ที่เอาชนะอังกฤษในเกมจริงจังได้ นับตั้งแต่ไอร์แลนด์เหนือ (อันดับ 116) เคยชนะในเดือนกันยายน ปี 2005 

และหากนับเฉพาะเกมในบ้านของอังกฤษ กรีซ ก็คือทีมที่แรงกิ้งต่ำสุดที่บุกหักคอสิงโตถึงถิ่นนับตั้งแต่มีการจัดอันดับแรงกิ้งในปี 1992 เป็นต้นมา 

การเลือกทดลองสิ่งใหม่ในยุคใหม่หลังการอำลาทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นเรื่องถูกต้องและควรทำสำหรับ ลี คาร์สลี่ย์

แต่ คาร์สลี่ย์ ทำตามเสียงรอบข้างมากไปจนทีมขาดสมดุล และฝืนตัวเอง เหมือนพยายามหัดให้สิงโตตัวนี้บินขึ้นฟ้า แต่ไม่ทันไรก็ร่วงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด