:::     :::

เอียน ไรท์ : ยอดดาวซัลโวขวัญใจแฟนปืน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นักฟุตบอลบางคนอาจเป็นตัวจบสกอร์ชั้นยอด และนักเตะบางรายอาจทำประตูแห่งความทรงจำ ทว่าสำหรับ เอียน ไรท์ แล้ว เขาเป็นและทำได้ทั้ง 2 อย่าง

ตำนานอาร์เซน่อลมักพบวิธีในการส่งบอลไปกองก้นตาข่ายได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการชิพ 30 หลาอย่างเหนือชั้น หรือการจิ้มด้วยปลายเกือกในระยะแค่ 2 หลา ผลงานถล่มประตูของ ไรท์ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในดาวซัลโวที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

และแน่นอน ไรท์ ยังเต็มไปด้วยสีสัน เขาเปี่ยมด้วยพลังอย่างเป็นธรรมชาติทั้งในและนอกสนาม ดาวเตะจอมซ่าสร้างบรรยากาศสนุกสนานทั้งในห้องแต่งตัวและการเต้นฉลองประตูที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วม ไม่แปลกที่แฟนบอลอาร์เซน่อลต่างตะโกนร้องเพลง "เอียน ไรท์ ไรท์ ไรท์!"

ในแง่ของฟุตบอลแล้ว ไรท์ เริ่มต้นค่อนข้างช้า เขาเซ็นสัญญาอาชีพกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อสิงหาคม 1985 เพียง 3 เดือนก่อนครบรอบวันเกิด 22 ปีของตัวเอง มันดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับปัจจุบันนี้ 

เมื่อไรท์ย้ายมาอยู่กับอาร์เซน่อล ในเดือนกันยายน 1991 ด้วยสถิติสโมสร 2.5 ล้านปอนด์ มันทำให้บางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการย้ายทีมครั้งนี้

ณ ตอนนั้น อาร์เซน่อลคือแชมป์เก่า อลัน สมิธ คว้าดาวซัลโว 2 จาก 3 ฤดูกาล ขณะที่ เควิน แคมป์เบลล์ ทะยานขึ้นมาจากทีมเยาวชน เพื่อเสริมความดุดันในแนวรุก ซึ่งเต็มไปด้วยไหวพริบและจินตนาการจาก อันเดอร์ส ลิมพาร์ และ พอล เมอร์สัน เกิดคำถามว่า อาร์เซน่อลต้องการ เอียน ไรท์ จริงๆ หรือ?


จอร์จ เกรแฮม รู้ดีกว่าใคร และมันถูกพิสูจน์ในทันที ไรท์ทำประตูในการประเดิมสนามให้อาร์เซน่อล จากเกม ลีก คัพ ที่พบเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนกดแฮตทริกในนัดแรก เกมลีกที่เจอเซาธ์แฮมป์ตัน 

เพียงไม่นาน ทุกหย่อมหญ้าในไฮบิวรี่ต่างโค้งคารวะให้กับไรท์ ดูเหมือนดาวยิงหน้าใหม่กำลังเขียนบทละครสำหรับตัวเอง ในวันสุดท้ายของฤดูกาล ไรท์ทำแฮตทริกเพื่อแซงหน้า แกรี่ ลินิเกอร์ ของสเปอร์ส และคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีก

แม้ไรท์ทำประตูอย่างถล่มทลาย กระนั้น แรงจูงใจในการลุ้นแชมป์ของอาร์เซน่อลลดน้อยลงไปในกลางยุค 90 หลังเกรแฮมปล่อยตัวลิมพาร์และ เดวิด โรคาสเซิ่ล และเลือกใช้มิดฟิลด์พันธุ์ดุมากกว่าจอมสร้างสรรค์เกม 

ปืนใหญ่กลายเป็นทีมที่เน้นเกมรับ มันเป็นยุคที่ทีมมักชนะ 1-0 อยู่เสมอ และคุณสามารถคาดเดาได้ว่า ส่วนหนึ่งของประตูเหล่านั้นมาจากการสังหารของไรท์

ดับเบิ้ลแชมป์บอลถ้วยในปี 1993 ไรท์ทำประตูในนัดแรกและนัดรีเพลย์ เอฟเอ คัพ ที่พบ เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์ ตามด้วยแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ 1994 นั่นคือแชมป์แรกๆ ในเส้นทางค้าแข้งของไรท์ 

อย่างไรก็ดี หัวหอกจอมซ่าพลาดลงเล่นนัดชิงชนะเลิศอันลือลั่น จากชัยชนะเหนือปาร์ม่า หลังเสียบหนักในรอบตัดเชือก เลกสอง และทำให้ติดโทษแบน นั่นเป็นตัวอย่างอันชัดเจนที่สุดที่แสดงให้เห็นว่า อารมณ์อันพลุ่งพล่านของไรท์ทำให้เขามีปัญหาในบางครั้ง


เมื่อไรท์พร้อมลงสนาม ประตูมากมายต่างไหลมาเทมา ไรท์ยิงประตูได้ในทุกรอบของ คัพ วินเนอร์ส คัพ 1995 ยกเว้นเพียงนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งบางที ไรท์อาจทำประตูได้ หาก จอห์น ฮาร์ทสัน ไม่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันสำหรับประตูตีเสมอ อย่างไรก็ดี ไรท์เป็นดาวซัลโวสูงสุดของอาร์เซน่อล 6 ฤดูกาลติดต่อกัน

การเข้ามาของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ในซัมเมอร์ 1995 คือการทำให้ไรท์กลับมาร้อนแรงเช่นเดิม ตำนานดัตช์เป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบของไรท์ การโจมตีคู่แข่ง การเลือกเส้นทางวิ่งอย่างชาญฉลาด และพลังงานในการตะลุยของไรท์ สอดคล้องกับการผ่านบอลระดับมันสมองของเบิร์กแคมป์ 

อย่างไรก็ดี หลัง 2 ฤดูกาลที่ประสานงานร่วมกัน มันชัดเจนว่า ไรท์เริ่มช้าลงแล้ว

ฤดูกาล 1997/98 เป็นฤดูกาลสุดท้ายของไรท์ในสีเสื้อกันเนอร์ส มันเป็นฤดูกาลอันโลดโผน ไรท์หายหน้าไปหลายครั้งเนื่องจากอาการบาดเจ็บ รวมทั้งการโผล่ขึ้นมาของ นิโกล่าส์ อเนลก้า กระนั้น ไรท์ปิดฉากฤดูกาลด้วยเหรียญแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมาอย่างเนิ่นนาน 

แน่นอน ไรท์กลายเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของอาร์เซน่อล หลังทุบสถิติของ คลิฟฟ์ บาสติน เมื่อ 13 กันยายน 1997 ซึ่งไรท์ต้องการ 2 ประตูในเกมกับโบลตันเพื่อทำสถิติใหม่ 179 ประตูกับอาร์เซน่อล 

หลังเกมผ่านไป 20 นาที ไรท์ซัดเรียดตุงตาข่าย ก่อนถลกเสื้อที่มีข้อความ "179 ลุยมันเลย!" 


ความจริงแล้ว ประตูนั้นทำให้ไรท์ทาบสถิติของบาสตินด้วยจำนวน 178 ประตู และจากนั้นอีกแค่ 5 นาที ข้อความบนเสื้อดังกล่าวก็กลายเป็นความจริง ด้วยการชาร์จเผาขนแค่ 2 หลาตุงตาข่ายอันว่างเปล่า

หากประตูทำลายสถิติคือประตูที่ง่ายที่สุดของไรท์กับอาร์เซน่อลแล้วล่ะก็ มันยังมีอีกหลายลูกที่ศูนย์หน้าฝีเท้าคมทำให้มันมองดูง่ายดายเสียเหลือเกิน ทั้งลูกชิพอันบ้าคลั่งในเกมกับสวินดอน, ลูกชิพสุดทึ่งแมตช์ดวลเอฟเวอร์ตัน, ลูกยิงเท้าซ้ายเกมพบโอแซร์ ... และอีกประตูแล้วประตูเล่า 

เมื่อนับรวมทุกรายการ ไรท์ทำ 185 ประตูจาก 288 เกมที่ลงเล่นให้อาร์เซน่อล ก่อนมันถูกทำลายสถิติโดยนักเตะสุดพิเศษอย่าง เธียร์รี่ อองรี ในปี 2005

จากนั้น ไรท์ ย้ายไปอยู่กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, กลาสโกว์ เซลติก ก่อนแขวนสตั๊ดกับเบิร์นลี่ย์ ในดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 1999/2000


เมื่อปี 2008 ไรท์ รั้งอันดับ 4 สำหรับการจัดอันดับ 50 ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อาร์เซน่อล และในปี 2022 ศูนย์หน้าจอมซ่าติดโผฮอล ออฟ เฟม พรีเมียร์ลีกด้วย

ปัจจุบัน ไรท์ทำหน้าที่กูรูลูกหนังให้กับหลายรายการและหลายช่อง รวมถึงทำกิจกรรมกับ อาร์เซน่อล โดยตลอด

ตอนที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ไรท์อายุ 34 ปีแล้ว 7 ปีของเขากับอาร์เซน่อลเหมือนกับพายุหมุนที่พัดผ่านไฮบิวรี่ แม้ท้ายที่สุดแล้วมันอ่อนแรงตามกาลเวลา ทว่า ความทรงจำมากมายที่เหล่ากันเนอร์สมีต่อไรท์นั้นไม่มีวันจางหายไปง่ายๆ


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด