:::     :::

เจ็บซ้ำซาก พรากชัยปืน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาการบาดเจ็บส่งผลกระทบต่อผลงานของ อาร์เซน่อล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยในตอนนี้

อาร์เซน่อล มีโอกาสดีที่จะเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในเกมบิ๊กแมตช์ล่าสุด หากไม่เจออาการบาดเจ็บเข้ามาแทรกอีกครั้ง 

มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งมากในการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่นี้ 

มิเกล อาร์เตต้า มีปัญหาให้ต้องแก้ไขมาตลอดหลายนัดหลังที่ไม่สามารถใช้งานผู้เล่นตัวหลักหลายคน บางคนเจ็บยาว บางคนฟิตกลับมาเจ็บซ้ำ หรือกลับมาได้ก็ต้องมีสักคนแตะมือสลับเข้าโรงพยาบาลแทน

ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล เจอปัญหาใหญ่คือ อาการบาดเจ็บของ มาร์ติน โอเดการ์ด, บูคาโย่ ซาก้า, ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ และ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ รวมถึงการติดโทษแบนของ วิลเลียม ซาลีบา

ซาก้า กับ ทิมเบอร์ ผ่านความฟิตช่วยทีมได้ทันหวุดหวิด สภาพทั้งคู่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่สถานการณ์จำเป็นทั้งด้วตัวเองที่ต้องการลงสนาม และทีมที่ต้องการตัวเลือกเพิ่ม

ซาก้า กลับมาประจำเกมรุกฝั่งขวาอีกครั้ง หลังจากทดลองใช้ทั้่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ กาเบรียล เชซุส แต่ไม่เวิร์กสักราย

ส่วน ทิมเบอร์ เสียบในตำแหน่งแบ็กซ้ายแทน คาลาฟิออรี่ ขณะที่การขาดหายไปของ ซาลีบา ก็เป็น เบน ไวท์ ขยับจากแบ็กขวามาเล่นแทนในตำแหน่งเซนเตอร์ร่วมกับ กาเบรียล มากัลเญส พร้อมกับถอย โธมัส ปาร์เตย์ ไปอุดแบ็กขวา

ทุกอย่างขยับเขยื้อนกันหมดราวกับผ่าตัดศัลยภาพที่เอาเนื้อหนังจากส่วนหนึ่งไปแปะอีกส่วน และก็ติดอีกส่วนไปแปะจากส่วนที่เพิ่งถูกตัดไปหยกๆ

ถือว่าเสี่ยงไม่น้อยกับการเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นในหลายจุด แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น และในแง่หนึ่ง แต่ละเคยก็เล่นในตำแหน่งที่ไม่ได้เล่นประจำกันอยู่แล้ว


ซาก้า ซัดเด็ดขาดในประตูแรก

ใน 45 นาทีแรก อาร์เซน่อล ทำทุกอย่างออกมาได้ดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีผิดพลาดบางอย่าง แต่ภาพรวมคือผ่านฉลุย

การครองบอล การสร้างสรรค์โอกาส การเป็นฝ่ายคอนโทรลการเล่นได้ และสกอร์ที่ขึ้นนำ 2-1 

ปาร์เตย์ กับตำแหน่งแบ็กขวาไม่ได้เป็นจุดบอดอย่างที่หลายคนหวาดหวั่นเพราะต้องรับมือกับ หลุยส์ ดิอาซ ปีกตัวจี๊ด ลิเวอร์พูล

แม้ไม่มีส่วนกับสองประตูที่ทีมทำได้ แต่ถือว่า ปาร์เตย์ โดดเด่นและทำได้น่าประทับใจมากในตำแหน่งแบ็กขวาที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง เหนียวแน่น และหยุดจังหวะการเล่นของ ดิอาซ ได้บ่อยครั้ง 

ขณะที่แดนกลางที่ เดแคลน ไรซ์ ถอยมาเล่นในบทบาทหมายเลข 6 อีกครั้ง พร้อมกับมี มิเกล เมริโน่ คอยช่วยเหลือ ก็คุมเกมได้เหนือกว่าแดนกลาง ลิเวอร์พูล 

ตำแหน่งเซนเตอร์ที่ ไวท์ ได้จับคู่กับ กาเบรียล เหมือนสองปีแรกที่ย้ายมา อาร์เซน่อล ไม่ได้ถูกทดสอบมากนัก แถม ไวท์ ยังมีจังหวะเปิดบอลยาวขึ้นหน้าจนกลายเป็นแอสซิสต์ที่ บูคาโย่ ซาก้า ปล่อยทีเด็ดแตะหลบ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ก่อนยิงแสกหน้า ควีวิน เคลเลเฮอร์ ตุงตาข่าย

แม้มีจังหวะพลาดที่เสียท่าลูกเตะมุมจน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้โหม่งตีเสมอ 1-1 แต่ทีมปืนใหญ่ก็ทำให้เห็นว่าพวกเขายังมีลูกเซตพีซที่พึ่งพาได้กับลูกเปิดฟรีคิกฝั่งขวาของ เดแคลน ไรซ์ ที่เข้าหัว มิเกล เมริโน่ เต็มดอก

เมริโน่ ทำประตูแรกในสีเสื้อปืนใหญ่ได้สำเร็จ และเกิดขึ้นในเกมใหญ่ที่สำคัญอย่างมาก และทำให้หลายคนนึกถึงลูกโหม่งในช่วงยูโร 2024 ที่โขกประตูชัยให้สเปนดับฝันเจ้าภาพเยอรมนีในรอบก่อนรองชนะเลิศ

อาร์เซน่อล จึงผ่าน 45 นาทีแรกได้ยอดเยี่ยม แต่ใน 45 นาทีหลังกลับเป็นเรื่องราวที่ต่างออกไป


มิเกล เมริโน่ ทำประตูแรกในสีเสื้อปืนใหญ่

ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องบุกมากขึ้นเพื่อพลิกสถานการณ์ให้ได้ ต้องกล้าเสี่ยงกว่าเดิม พวกเขาต่อบอลในแดน อาร์เซน่อล ได้ดีขึ้นชัดเจนในช่วงเกือบสิบนาทีแรกหลังรีสตาร์ตกันใหม่

เกมของ อาร์เซน่อล ดร็อปลงไป และจุดที่ส่งผลต่อการเล่นชัดเจนคืออาการบาดเจ็บของ กาเบรียล มากัลเญส ที่เหมือนจะฝืนเล่นต่อได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออกในนาที 54

ยาคุบ คีวิออร์ ถูกส่งลงมาแทน และกลายเป็นว่าช่วง 40 นาทีสุดท้ายของเกมคือครั้งแรกในมากกว่าสองปีที่คู่เซนเตอร์ปืนใหญ่ไม่มีทั้ง กาเบรียล หรือ ซาลีบา คนใดคนหนึ่งอยู่ในสนาม

เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยนับตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 ที่ ซาลีบา กลับมาจากปล่อยยืมตัวและกลายเป็นตัวหลักจับคู่กับ กาเบรียล จนได้รับการยกย่องว่าเป็นคู่เซนเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกคู่ของพรีเมียร์ลีก

แต่นาทีนี้ คู่เซนเตอร์ปืนคือ เบน ไวท์ กับ ยาคุบ คีวิออร์ ขณะที่แบ็กขวาเป็นกองกลางอย่าง ปาร์เตย์ รับหน้าที่จำเป็น 

จากนั้นไม่นาน แบ็กโฟร์ชุดเก่งหายหมดเกลี้ยงเมื่อ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ เจ็บซ้ำไปอีกรายซึ่งน่าจะมาจากพยายามเร่งฟิตเพื่อให้ทันเกมนี้ เขาถูกเปลี่ยนออกในนาที 76 โดยมีเจ้าหนู ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี่ 

ในการเจอกับทีมที่เกมรุกดุดันและอันตรายที่สุดอีกทีมของพรีเมียร์ลีก แต่แผงแนวรับ อาร์เซน่อล กลับเป็นตัวเลือกสำรองหรือฉุกเฉินทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ปาร์เตย์, ไวท์, คีวิออร์ และ ลูอิส-สเคลลี่ ที่เพิ่งอายุครบ 18 ปีได้เดือนเดียว และมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก 1 นาทีถ้วนตอนเป็นสำรองในเกมเยือน แมนฯ ซิตี้

ด้วยสถานการณ์ที่ ลิเวอร์พูล ต้องบุกมากขึ้น บวกกับอาการบาดเจ็บของสองผู้เล่นเกมรับ อาร์เซน่อล ทำให้โมเมนตัมของเกมเปลี่ยนไปเลย

จะเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นปืนใหญ่ออกอาการ "แหยง" และ "ไม่กล้า" เล่นเกมรุกเหมือนในครึ่งแรก ความมั่นใจดร็อปลงเพราะพะวงในเกมรับที่อยู่ในสภาพไม่สมประกอบ


อาการบาดเจ็บของ กาเบรียล กลายเป็นอีกจุดเปลี่ยน

เดแคลน ไรซ์ ที่เคยยืนกลางสนามเพื่อจ่ายบอลออกซ้าย-ขวาเพื่อขึงเกมรุกใส่ผู้มาเยือน ก็ต้องถอยลงต่ำเหมือนเป็นเซนเตอร์อีกคน เช่นเดียวกับปีกสองข้างทั้ง ซาก้า และ มาร์ติเนลลี่ ที่ลงมาช่วยแบ็กมากขึ้น

สุดท้ายด้วย "คุณภาพ" ของผู้เล่นเกมรับชุดสำรองก็กลายเป็นรอยโหว่ให้หงส์แดงโจมตีก่อนนำมาซึ่งประตู 2-2 ในที่สุด

ลูอิส-สเคลลี่ กับ คีวิออร์ รับผิดชอบไปร่วมกันกับการโดนเจาะพื้นที่เกมรับฝั่งซ้าย และก็ต้องชมการเข้าทำของ ลิเวอร์พูล ที่ยอดเยี่ยมด้วยเพราะเป็นการตัดบอลในแดนตัวเองก่อนโจมตีคืนทันทีและจบด้วย ดาร์วิน นูนเญซ จ่ายให้ โม ซาลาห์ แปง่ายๆ

อาร์เตต้า ติงลูกทีมที่ในครึ่งหลังไม่กล้าเล่นเหมือนครึ่งแรก และการเสียประตูจากจังหวะสวนกลับแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย ทีมสมควรเก็บชัยชนะได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้

ผู้เล่นปืนใหญ่ต้องการรักษาระดับการเล่นให้ได้ตลอด 90 นาทีอยู่แล้วเพราะเคยมีบทเรียนมาหลายครั้ง เพียงแต่สถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างครึ่งหลังโดยเฉพาะอาการบาดเจ็บส่งผลต่อการเล่นจริงๆ 

ท้ายที่่สุดจึงลงเอยด้วยการที่่ อาร์เซน่อล เก็บได้เพียงคะแนนในบ้าน พร้อมกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บที่ตามเล่นงานไม่เลิก




คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด