เจาะแผนปืนสาดกระสุนเจ้าป่า
วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันอีกครั้งว่าทีเด็ดที่ทำให้เก็บชัยชนะในลีกรอบ 5 นัดหลังสุดมาจากอะไรกันบ้าง
∎∎∎
1. โอเดการ์ดยกระดับการเล่นขึ้นชัดเจน
มาร์ติน โอเดการ์ด ออกสตาร์ตตัวจริงเป็นนัดที่สองนับตั้งแต่หายเจ็บกลับมา และเป็นนัดแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ลงเล่นในเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
กัปตันทีมคนเก่งทำผลงานได้สมกับการที่แฟนบอลคาดหวัง และเป็นหัวใจของทีมในการสร้างสรรค์เกมรุกอย่างแท้จริง
อาร์เซน่อล สร้างโอกาสได้นับครั้งไม่ถ้วนซึ่งเหตุผลหลักคือการทำเกมของ โอเดการ์ด ที่เชื่อมการเล่นของทุกคนเข้าด้วยกันโดยเฉพาะการเล่นร่วมกับ บูคาโย่ ซาก้า ทางฝั่งขวา
การประสานงานระหว่าง โอเดการ์ด กับ ซาก้า มีความเข้าขารู้ใจกันอย่างมาก เกมรุกฝั่งขวากลับมาอันตรายและประสิทธิภาพอีกครั้ง
ทั้งคู่จ่ายบอลให้กัน 36 ครั้ง โดยที่ต่างฝ่ายต่างจ่ายให้กันเท่ากันที่ 18 ครั้ง และนอกจากเป็นจุดเริ่มต้นของประตูแรกแล้ว ยังทลายเกมรับของ ฟอเรสต์ ได้ต่อเนื่อง
การเล่นของ โอเดการ์ด ย้ำเตือนทุกคนอีกครั้งว่าทีมขาดอะไรไปในช่วงที่ดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์บาดเจ็บ
โอเดการ์ด จ่ายให้ ซาก้า
ซาก้า จ่ายให้ โอเดการ์ด
นอกจากทำแอสซิสต์เป็นนัดที่สองติดต่อกันแล้ว โอดการ์ด ยังสร้างโอกาสได้ถึง 6 ครั้ง จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 35 ครั้ง และได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งอีก 9 ครั้ง
แม้ไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตู แต่เป็นคนคอนโทรลเกมรุกของทีมที่คอยกำหนดทิศทางการเล่น ควบคุมจังหวะช้า-เร็ว และทำออกมาได้อย่างไหลลื่น เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ
เรียกได้ว่าฟุตบอลในแบบ อาร์เซน่อล ไหลผ่าน มาร์ติน โอเดการ์ด จริงๆ
2. การเล่นเป็นทีมอันสุดยอด
น็อตติ้ง ฟอเรสต์ ของกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ทำผลงานในฤดูกาลนี้ได้ดีมาก พวกเขามีคะแนนเท่า อาร์เซน่อล ก่อนลงสนาม และไม่แพ้ใครนอกบ้านเลยซึ่งหนึ่งในนั้นคือการบุกชนะ ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์
แต่ อาร์เซน่อล สามารถยัดเยียดความปราชัยนอกบ้านนัดแรกของเจ้าป่าได้สำเร็จ และปิดเกมรุกจนไม่สามารถยิงเข้ากรอบได้แม้แต่ครั้งเดียวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2023
เจ้าป่าซ่าไม่ออกในเกมนี้เพราะการเล่นเป็นทีมเวิร์กที่เข้มข้นจริงจังของปืนใหญ่ทั้งตอนได้ครองบอลและไม่ได้ครองบอล
ตำแหน่งการแทกเกิลชนะของ อาร์เซน่อล
อาร์เซน่อล ช่วยกันเล่นไปอย่างดี ทุกคนวิ่งและเคลื่อนที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้การเล่นของทีมมีความต่อเนื่อง
สถิติหลังเกมเผยว่า อาร์เซน่อล วิ่งเป็นระยะทางมากกว่า ฟอเรสต์ 7.95 กิโลเมตร โดยที่ มิเกล เมริโน่ กองกลางตัวใหม่ชาวสเปน วิ่งมากสุด 11.7 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีการวิ่งอย่างจริงจัง (Intensive runs) มากกว่าทีมเยือน 314 ครั้งตลอดการเล่น 100 นาที (รวมทดเจ็บ) และเป็น เมริโน่ คนเดิมที่ยิงแบบเอาจริงเอาจังนี้มากกว่าใครที่ 329 ครั้ง
นอกจากนี้ การเข้าแทกเกิลก็ทำได้ยอดเยี่ยมชนะ 13 จาก 15 ครั้ง หรือคิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์
3. ปาร์เตย์เนียนจัด
เกมนี้ จอร์จินโญ่ ได้โอกาสลงตัวจริงแทน โธมัส ปาร์เตย์ ในตำแหน่งหมายเลข 6 แต่จบ 45 นาทีแรกที่ จอร์จินโญ่ ติดใบเหลือง มิเกล อาร์เตต้า จึงเปลี่ยนให้ ปาร์เตย์ ลงเล่นในครึ่งหลัง
แม้ลงเป็นสำรองแต่ ปาร์เตย์ ก็งัดคุณภาพการเล่นออกมาให้เห็นตลอดการเล่นของครึ่งหลัง และทำประตูตั้งแต่ 7 นาทีแรกที่ลงสนามจากการยิงไกลหน้าเขตโทษถูกถนัดเข้าไปอย่างสวยงาม
นี่คือประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีกของ ปาร์เตย์ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก แอต.มาดริด และ 4 จาก 7 ลูกเป็นการยิงจากหน้าเขตโทษซึ่งแต่ละประตูก็งดงามอย่างยิ่ง
ปาร์เตย์ จ่ายบอลพลาดแค่ครั้งเดียว
นอกจากทำประตูแล้ว กองกลางทีมชาติกานายังจ่ายบอลเข้าเป้า 33 จาก 34 ครั้ง และชนะแทกเกิลได้ตลอด 4 ครั้ง
ช่วงครึ่งแรกที่ ปาร์เตย์ ลงเล่น อาร์เซน่อล ไม่ได้กดใส่ ฟอเรสต์ จนแทบพับสนามบุกเหมือนครึ่งแรก ตำแหน่งการเล่นของ ปาร์เตย์ จึงต่ำกว่า จอร์จินโญ่ และต้องออกบอลตั้งแต่ในแดนตัวเองบ่อยครั้ง
แต่ด้วยความสามารถและทักษะของ ปาร์เตย์ ก็สามารถดึงผู้เล่น ฟอเรสต์ ให้เข้าหาได้ ซึ่งนั่นทำให้พื้นที่ในแดนฟอเรสต์เปิดมากขึ้น และกลายเป็นผลดีสำหรับตัวรุกของทีมปืนใหญ่
ผลงานโดยรวมในฤดูกาลนี้ของ ปาร์เตย์ นั้นดีมากๆ และนัดล่าสุดก็ยังแสดงคุณภาพออกมาได้เหมือนเดิม
4. ซาก้ามาโหด
อีกคนที่ต้องชมเป็นพิเศษในชัยชนะล่าสุดของ อาร์เซน่อล คือ บูคาโย่ ซาก้า
ปีกตัวเก่งขวัญใจแฟนบอล อันตรายสุดๆ ในการขึ้นเกมฝั่งขวา และยิ่งได้ มาร์ติน โอเดการ์ด กลับมาเล่นด้วยยิ่งมีประสิทธิภาพ
อเล็กซ์ โมเรโน่ แบ็กซ้าย ฟอเรสต์ หัวหมุนตลอดทั้งเกมกับการต้องรับมือ ซาก้า ที่พาทัวร์แบบไม่คิดราคา ขณะที่ผู้เล่นแนวรับคนอื่นก็โดนเล่นงานไม่มีเว้นเช่นกัน
ซาก้า ทำประตูแรกให้ทีมขึ้นนำจากการยิงที่สุดยอดอีกครั้ง เขาทำชิ่งกับ โอเดการ์ด ก่อนลากหนีผู้เล่นฟอเรสต์หลายคนเพื่อหาช่องยิง
สุดยอดของลูกยิงประตูของ ซาก้า
จากเสาแรก มากลางประตู จนมาถึงเสาสอง ซาก้า เจอช่องจนได้ก่อนซัดหักข้อเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด แนวรับเจ้าป่าเอาไม่อยู่จริงๆ แม้รู้ทั้งรู้ว่าสไตล์การเล่นแบบนี้ของ ซาก้า ก็ตาม
ปีกทีมชาติอังกฤษสัมผัสบอลในเขตโทษฟอเรสต์ 10 ครั้ง จ่ายบอลสำคัญ 3 ครั้ง และหาโอกาสยิงไป 4 ครั้งก่อนเป็นหนึ่งประตูสุดสะใจ
แม้ตัวซัพพอร์ตอีกคนอย่าง เบน ไวท์ บาดเจ็บ แต่ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ ที่เล่นแทนก็ช่วยสนับสนุนการเล่นของ ซาก้า ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง "สามเหลี่ยมทองคำ" ที่ทรงประสิทธิภาพทางกราบขวาจึงกลับมาอีกครั้ง และทำให้เกมรุกของปืนใหญ่อันตรายสุดๆ
5. วาเนรี่นับหนึ่งในพรีเมียร์ลีก
อีธาน วาเนรี่ ยอดดาวรุ่งวัย 17 ปี ได้นับหนึ่งประตูแรกในพรีเมียร์ลีกเป็นที่เรียบร้อย หลังลงสำรองมาซัดลูกปิดท้าย
ด้วยวัย 17 ปี 247 วัน วาเนรี่ จึงเป็นนักเตะ อาร์เซน่อล อายุน้อยสุดอันดับสองยิงได้ในพรีเมียร์ลีก เป็นรองเพียง เชส ฟาเบรกาส คนเดียว โดย เชส เคยยิงประตูแรกตอนอายุ 17 ปี 113 วัน
วาเนรี่ ลงเป็นสำรองในนาที 82 และเริ่มทำในสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า อยากเห็นคือ "ความกล้า" ในการเล่นด้วยการเลี้ยงบอลจี้ใส่ มูรีโล่ ก่อนโยกหนีเข้าเขตโทษแล้วปั่นด้วยซ้ายเฉียดเสาออกหลังไปนิดเดียว
ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นไม่นานหลังจากนั้น เขาประสานงานทางฝั่งขวากับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่จ่ายคืนมาให้ซัดระยะ 12 หลาเข้าเสาแรกแม่นยำ
ก่อนหน้านี้ วาเนรี่ ยิงในคาราบาว คัพ ไปแล้ว 3 ประตู ทำให้ค่าเฉลี่ยประตูในฤดูกาลนี้ดีงามยิงได้ 1 ประตูทุกๆ 59.5 นาทีในทุกรายการ
อีธาน วาเนรี่ ทำสถิติอายุน้อยสุดลงเล่นพรีเมียร์ลีกเมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว และรอนานมากกว่า 2 ปีถึงจะยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกได้
แต่จากผลงานนัดนี้ก็เชื่อได้เลยว่าทั้งโอกาสลงสนามและจำนวนประตูน่าจะหลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT