Never Say Never
แต่ละทีมเพิ่งลงสนามนัดที่ 13 ของฤดูกาลจากทั้งหมด 38 นัด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถานการณ์ในตารางที่น่าสนใจสุดคือ การนำโด่งของ ลิเวอร์พูล ที่โกยไปถึง 34 คะแนนจาก 13 นัดแรก
ลิเวอร์พูล ชนะได้ถึง 11 นัด สะดุดเพียง 2 นัดที่พลาดท่าพ่าย น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 คาบ้าน และตามตีเสมอ อาร์เซน่อล 2-2 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
"หงส์แดง" มาแรงจริงๆ ในฤดูกาลนี้ และถือว่าผิดคาดไม่น้อยเพราะเป็นฤดูกาลแรกหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ วางมือ และได้ อาร์เน่อ สล็อต เข้ามาคุมทีมแทน
การเปลี่ยนกุนซือใหม่ในรอบเกือบทศวรรษไม่ได้ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเสียเวลาใดๆ ในการจูนกันใหม่ พวกเขาเดินหน้าได้เร็วและแรงเหลือร้าย
ตรงกันข้ามกับ "แชมป์เก่า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อ่อนแรงลงไปมาก และเพิ่งปราชัยต่อ ลิเวอร์พูล ในนัดล่าสุดจนทำให้แพ้ 4 นัดติดในลีก
ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ยังไม่เคยมีทีมแชมป์ทีมใดที่แพ้ติดต่อกันมากขนาดนี้ในฤดูกาลต่อมา แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว
ผ่านมา 13 นัด แมนฯ ซิตี้ จึงตามหลัง ลิเวอร์พูล 11 คะแนน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นหากมองย้อนกลับไปในวันเริ่มฤดูกาล
แมนฯ ซิตี้ จะไล่ตาม ลิเวอร์พูล ได้ทันหรือไม่เป็นสิ่งที่หลายคนจับตามองอย่างมาก แต่อย่างน้อยทัพเรือใบสีฟ้าก็ไม่ได้กดดันหรือแบกความหวังในแบบ "ต้องแชมป์" เพราะพวกเขาได้มาอยู่แล้วตลอด 4 ปีหลังสุด หากจะมีหลุดมือไปบ้างในฤดูกาลนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์
ต่างจากบางทีมที่ว่างเว้นการเป็นแชมป์ลีกมานานมาก และพลาดโอกาสที่ดีสุดไปในสองฤดูกาลหลังสุด
แน่นอนว่าทีมนั้นก็คือ "อาร์เซน่อล"
อาร์เซน่อล เคยนำบนหัวตารางอยู่นานในฤดูกาล 2022/23 แต่ก็แผ่วปลายจนโดน แมนฯ ซิตี้ แซงคว้าแชมป์
เช่นเดียวกับฤดูกาลที่แล้วก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีกับการเป็นแชมป์เช่นกัน ทว่าก็ลงเอยเหมือนเดิมด้วยการอกหักอีกครั้ง
ฤดูกาลที่สามของการเป็นทีมลุ้นแชมป์ อาร์เซน่อล กดดันไม่ได้น้อยไปกว่าการลงป้องกันแชมป์ของ แมนฯ ซิตี้ และเผลอๆ อาจมากกว่าด้วยเพราะยิ่งห่างแชมป์นาน ยิ่งกลับมาเป็นแชมป์ได้ยาก
ตอนนี้ปืนใหญ่ตามหลังหงส์แดงอยู่ 9 คะแนนซึ่งเป็นตัวเลชที่เท่ากับ เชลซี ทีมร่วมกรุงลอนดอนที่มี 25 คะแนนเท่ากัน
ถามว่า "เยอะ" หรือไม่กับการตามขนาดนี้ คำตอบคือมีทั้ง "เยอะ" และ "ไม่เยอะ"
ด้วยฟอร์มตอนนี้ชอง ลิเวอร์พูล ที่ครบเครื่องสุดๆ การไล่ตามของทีมอื่นดูจะเป็นงานที่ยากมาก แถมทีมดังแห่งแอนฟิลด์ก็เคยมีประสบการณ์ลุ้นแชมป์มาหลายครั้ง ไม่ใช่ม้ามืดที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ เรื่องของประสบการณ์จึงมีเพียบในตัวผู้เล่นหลายคนของทีม
ลิเวอร์พูล ไม่ถูกมองว่าเป็น "ช้างบนต้นไม้" เหมือน อาร์เซน่อล ที่ไม่รู้ขึ้นไปนำจ่าฝูงได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือเดี๋ยวก็ลงมา ไม่ช้าก็เร็ว
9 คะแนนตอนนี้จึงมองได้ว่า "เยอะ" เพราะ ลิเวอร์พูล มีคุณสมบัติที่จะนำม้วนเดียวจบได้
แต่สำหรับ อาร์เซน่อล หรือกระทั่ง เชลซี และ แมนฯ ซิตี้ ที่มองว่าการแข่งขันยังอีกยาวไกล ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเช่นกันเพราะเป็นแบบนั้นจริงๆ
แถมในอดีตที่ผ่านมา หลายทีมก็เคยไล่กวดแซงหน้าทีมนำจนคว้าแชมป์มาแล้ว
แมนฯ ซิตี้ ทำได้ในสองฤดูกาลก่อนที่เคยตามหลัง อาร์เซ่นอล 8 คะแนนในเดือนมีนาคม แต่ปาดคว้าแชมป์ได้ และได้ก่อนจบฤดูกาลอีกต่างหาก
เช่นเดียวกับ อาร์เซน่อล ในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ก็เคยไล่ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด 12 คะแนน แต่แซงเข้าป้ายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรก
การแข่งขันฤดูกาลที่เหลืออีก 26 นัดถือว่ามากพอ เพราะนอกจากจำนวนนัดที่มากแล้ว ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้
เอาแค่ 13 นัดแรกที่ ลิเวอร์พูล นำ 9 คะแนน หรือ แมนฯ ซิตี้ แพ้ 4 นัดติด ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเชื่อหากไม่เห็นด้วยตาจริงๆ
อาร์เซน่อล จึงมีโอกาสในการลุ้นแชมป์ เช่นเดียวกับ แมนฯ ซิตี้ รวมถึง เชลซี ที่ฟื้นตัวได้อย่างจริงจังในฤดูกาลนี้กับกุนซือใหม่อย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า
สำหรับ อาร์เซน่อล ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้อง "ถอดใจ" หรือ "ยอมแพ้" พวกเขามีบทเรียนทั้งของตัวเองและคู่แข่งมากมายก่ายกองว่า "โอกาส" ยังมีเสมอหากการแข่งขันไม่จบ
ปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ของ อาร์เซน่อล เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้งโดยเฉพาะการคัมแบ็กของกัปตันทีม มาร์ติน โอเดการ์ด
การ "มี" หรือ "ไม่มี" โอเดการ์ด เป็นความต่างที่ชัดเจนดั่งที่เห็นได้กับผลงานตลอด 3-4 นัดหลังสุดที่กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
อาร์เซน่อล ติดเครื่องได้เต็มลำนับตั้งแต่จบเบรกทีมชาติรอบล่าสุดที่เริ่มจากเปิดรังดับซ่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่ผลงานมาแรงในฤดูกาลนี้ ต่อด้วยบุกสอนบอล สปอร์ติ้ง ลิสบอน ถึงบ้านทั้งที่ทีมดังของโปรตุเกสไม่แพ้ใครต่อหน้าแฟนบอลตัวเองมานานเกินหนึ่งปี และล่าสุดไล่ต้อน เวสต์แฮม ยับตั้งแต่ครึ่งแรก
แม้ตามหลังจ่าฝูงอยู่หลายคะแนน แต่ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า สามารรถเรียกบรรยากาศของการเป็นทีมลุ้นแชมป์กลับมาได้แล้ว ต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่สะดุดเป็นว่าเล่น
คุณภาพฝีเท้ามี ประสบการณ์ลุ้นแชมป์มี แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับ "หัวใจ" ที่พร้อมลุย และเชื่่อมั่นว่าทุกอย่างเป็นไปได้
อาร์เซน่อล รู้สึกแบบนั้นในตอนนี้ และจะไล่ล่า ลิเวอร์พูล ไปจนสิ้นเสียงนกหวีดยาวครั้งสุดท้าย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT