ปัญหาไม่รู้จบ (สกอร์)
เป็นนัดที่สองติดต่อกันในลีกที่ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ และเก็บเพิ่มมาเพียงคะแนนเดียว
จากที่มีโอกาสบีบช่องว่างเหลือ 2 คะแนนในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ทั้งเลื่อนแข่ง และสะดุด กลายเป็นว่ายังตามอยู่ 6 คะแนน และแข่งมากกว่า 1 นัด
ปืนใหญ่พลาดอะไรไปจึงไม่สามารถเช็กบิลก๊วนทอฟฟี่ได้?
ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ครองบอลได้มากกว่าตามคาด และมากถึง 77 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงผ่านบอลอีก 682 ครั้ง ขณะที่ทีมของ ฌอน ไดซ์ ได้ผ่านบอลเพียง 209 ครั้ง
โอกาสลุ้นยิงประตูมีพอสมควรโดยเฉพาะ มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ได้ส่องเน้นๆ ถึง 3 ครั้งในครึ่งแรก ทว่าเข้ากรอบครั้งเดียวซึ่งติดเซฟของ จอร์แดน พิคฟอร์ด
นอกจากลูกยิงติดเซฟลูกนี้ของ โอเดการ์ด แล้ว โอกาสจะแจ้งสุดที่น่าจะได้ประตูมีอีกเพียงครั้งเดียวจาก บูคาโย่ ซาก้า ในครึ่งหลัง
ที่เหลือไม่ใกล้เคียงที่จะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย แถมต้นเกมเกือบโดนส่องก่อนด้วยจากการหลุดไปซัดในเขตโทษของ อับดูลาย ดูกูเร่ ยังดีที่ กาเบรียล มากัลเญส ซึ่งหายเจ็บกลับมาลงตัวจริงอีกครั้ง พุ่งบล็อกได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ความเด็ดขาด และความแม่นยำคือสิ่งที่ อาร์เซน่อล ขาดหายไปในช่วงนี้
ครองบอลเยอะ แต่จังหวะจะแจ้งมีน้อย
ครองบอลได้ ผ่านบอลได้ สร้างโอกาสได้ แต่โอกาสที่น่าจะเป็นประตูมีน้อย และค่า xG นัดล่าสุดก็อยู่เพียง 1.42
เอฟเวอร์ตัน เซตเกมมาสู้ได้ค่อนข้างโอเค ตรงกลางที่มีทั้ง อิดริสซ่า กาน่า เกย์, โอเรล ม็องกาล่า และ อับดูลาย ดูกูเร่ ทำให้ อาร์เซน่อล เจาะลำบาก และต้องออกด้านข้างเป็นหลักก่อนหาทางครอสเข้าเขตโทษอีกที
ปกติ อาร์เซน่อล ทำได้ดีกับการเจาะด้านข้างโดยเฉพาะฝั่งขวาของ บูคาโย่ ซาก้า ที่อันตรายทั้งยิงเอง เปิดเข้ากลาง หรือเรียกเตะมุม ส่วนฝั่งซ้ายของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ไม่ได้มีประสิทธิภาพเทียบเท่า แต่ก็ยังหาทางเอาเตะมุมได้บ่อย และฟูลแบ็กยังพะวงในความเร็ว
พอได้เตะมุมก็มีลุ้นประตูทันที แต่ไม่ใช่สำหรับนัดนี้เพราะเป็นการเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่เชี่ยวชาญลูกกลางอากาศไม่แพ้กัน ยี่ห้อ ฌอน ไดช์ รับประกันได้
อาร์เซน่อล ได้เตะมุม 8 ครั้ง แต่ไม่อันตรายเหมือนที่เคยทำได้ และได้ครอสบอลจากด้านข้างอีก 28 ครั้ง แต่เข้าเป้าเพียง 7 ครั้ง
คู่เซนเตอร์ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ กับ จาร์ราด แบรนธ์เวต เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมกับการป้องกันลูกกลางอากาศ มีความตื่้นตัวอยู่ตลอดเวลาทำให้ตามบล็อก ตามรบกวนโอกาสที่จะลุ้นประตูของ อาร์เซ่นอล ได้
นอกจากดักเก็บลูกกลางอากาศได้ดีแล้ว ยังไม่ปล่อยให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้เล่นง่าย ทำให้ดาวเตะทีมชาติเยอรมนีได้สัมผัสบอลเพียงแค่ 38 ครั้ง แถมเป็นการจับบอลในเขตโทษเพียง 4 ครั้ง และแทบไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันในเกมนี้
เอฟเวอร์ตัน บีบให้ อาร์เซน่อล ต้องออกด้านข้างแล้วเปิด เพราะพร้อมอยู่แล้วในการรับมือกับลูกกลางอากาศ ทิศทาศ Direction of play ของปืนใหญ่จึงคล้าย "เกือกม้า" ที่ตรงกลางเจาะไม่ได้ แต่หนักไปทางถ่ายจากซ้ายไปขวา หรือไม่ก็ขวามาซ้าย วนไปวนมาอยู่อย่างนี้
พอถูกบีบให้เล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สปีดในการเล่นจะลดลงไปตามธรรมชาติ ผู้เล่นเอฟเวอร์ตันจึงมีเวลาในการเซตตำแหน่งในเกมรับกันได้ค่อนข้างแน่น ไม่โดนลูกชิ่ง 1-2 ที่รวดเร็วเล่นงาน
ขนาด โอเดการ์ด ที่เป็นคนคุมจังหวะเร็ว-ช้าในการเล่นของทีม ก็เร่งจังหวะไม่ขึ้นในครึ่งหลัง เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มักถูกเปลี่ยนตัวออก แต่ครั้งนี้โดนถอดออกตั้งแต่นาที 62 โดยมี อีธาน วาเนรี่ ลงเล่นแทน
แน่นอนว่าการเปลี่ยนกัปตันทีมออกโดยที่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บ กลายเป็นจุดที่ถูกพูดถึงมากสุด ซึ่งในมุมของ อาร์เตต้า เขาอยากเห็นพลังก้อนใหม่เติมลงไป
หาก วาเนรี่ พลิกเกมได้ มีส่วนได้ประตู ทุกคนก็จะยกย่อง อาร์เตต้า ว่าแก้เกมได้ดี แต่หากเจ้าหนูวัย 17 ปี ทำอะไรไม่ได้ กุนซือปืนโตก็รู้ว่าเสียงวิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นกับการถอดผู้เล่นสำคัญออกไป
สิ่งที่เกิดขึ้่นเป็นอย่างหลัง วาเนรี่ มีวูบวาบบางจังหวะ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เช่นเดียวกับตัวสำรองอื่นอย่าง กาเบรียล เชซุส
ส่วน โธมัส ปาร์เตย์ ก็ถูกส่งลงไปเล่นแบ็กขวาอีก ไม่ได้ปั้นเกมตรงกลางซึ่งเมื่อรวมดับ เดแคลน ไรซ์ ที่ถูกถอดออกไปพร้อม โอเดการ์ด ก็เท่ากับว่าพื้นที่ตรงกลางไม่มีสามกองกลางตัวเก่งอยู่เลย
ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล จึงไม่สามารถหาทางเจาะประตู เอฟเวอร์ตัน ได้ แม้การเล่นแทบพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว และจำต้องยอมรับคะแนนเดียวที่ได้
กลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสำหรับ มิเกล อาร์เตต้า หลังทำประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ไม่ได้ 3 นัดติดในลีกเข้าให้แล้ว
โอกาสดีๆ หลุดลอยไปอีกครั้ง และไม่รู้จะลอยมาแบบนี้อีกทีเมื่อไหร่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT