ย้ำแค้นดิ อีเกิ้ลส์

อาร์เซน่อล เพิ่งเปิดรังอัด พาเลซ ในถ้วยคาราบาว คัพ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก่อนย้ำแค้นต่อเนื่องในเกมลีกที่สนามเซลเฮิร์สต์ ปาร์ค สัปดาห์ล่าสุด 

หลังผ่านเกมคาราบาว คัพ ที่ อาร์เซน่อล คว้าตั๋วเข้ารอบตัดเชือกไปพบ นิวคาสเซิ่ล ได้สำเร็จ มิเกล อาร์เตต้า กลับมาใช้งานผู้เล่นชุดดีสุดอีกครั้ง

ปืนใหญ่เปลี่ยนทีม 7 ตำแหน่งเรียกตัวหลักได้กลับมาลุยตัวจริงทั้ง บูคาโย่ ซาก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, ไค ฮาแวร์ตซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด, วิลเลียม ซาลีบา และ กาเบรียล มากัลเญส รวมถึงเจ้าหนู ไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่ ที่เริ่มยึดตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้ายเป็นนัดที่สองติดต่อกันในลีก

ต่างจาก คริสตัล พาเลซ ของกุนซือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ที่จัดชุดเกือบดีสุดลุยบอลถ้วยมาแล้ว ทำให้ต้องเข็นตัวหลักลงต่อเนื่องในลีก

กลาสเนอร์ เปลี่ยนทีมเพียง 3 ตำแหน่งโดยเปลี่ยนเพราะสถานการณ์จำเป็นทั้ง ไดจิ คามาดะ เล่นแทน เอเบเรซี่ เอเซ่ ที่เจ็บ ขณะที่วิงแบ็กขวาเลือกใช้ เนธาเนียล ไคลน์ แทน ดาเนียล มูนญอซ ที่ติดโทษแบน ส่วน เทรโวห์ ชาโลบาห์ มีปัญหาในการรับมือ กาเบรียล เชซุส ในบอลถ้วย คริส ริชาร์ดส์ จึงได้โอกาสลุยแทน

เชซุส เล่นงาน พาเลซ อีกครั้ง

เทียบการโรเตชั่นผู้เล่นแล้ว พาเลซ เสียเปรียบมากกว่าเพราะใช้ตัวหลักลงตัวจริงกันเพียบในเกมบอลถ้วยกลางสัปดาห์ 

ทว่าด้วยการเล่นในบ้านที่มีเสียงเชียร์คอยหนุนหลัง รวมถึงฟอร์มช่วงหลังที่ทำได้ดี แข้งดิ อีเกิ้ลส์ ก็สู้ได้สนุกทีเดียว และสามารถไล่เพรสจนปืนใหญ่เล่นผิดพลาดจนเกือบเสียประตู

ก่อนแพ้ อาร์เซน่อล ในนัดกลางสัปดาห์ ทีมของกุนซือ กลาสเนอร์ เริ่มกลับมาทำฟอร์มได้โอเคเลยจากการแพ้แค่นัดเดียวใน 9 นัดหลังสุดทุกรายการ 

แม้เสียประตูไปก่อนจาก กาเบรียล เชซุส แต่ก็ตามตีเสมอได้เร็วจากความยอดเยี่ยมของ อิสไมล่า ซาร์ ที่ยิงได้ดีเหลือเกินโยกหนี วิลเลียม ซาลีบา ก่อนปั่นเสียบเสาไกลอย่างสมบูรณ์แบบ 

ความขยันในการไล่เพรสของ พาเลซ บีบให้ เดวิด ราย่า และ วิลเลียม ซาลีบา ผิดพลาด แต่ยังดีที่ อาร์เซน่อล ไม่เสียประตูจากสองจังหวะนี้

นอกจากไม่โดนลงโทษในความผิดพลาดของตัวเองแล้ว สิ่งที่ อาร์เซน่อล ทำได้ดีมากคือ ใช้โอกาสไม่เปลืองจนนำห่างถึง 3-1 ในครึ่งแรกทั้งที่ พาเลซ มีโอกาสยิงมากกว่าที่ 9 ครั้งต่อ 7 ครั้งด้วยซ้ำ

ความเฉียบคมคือจุดที่ปืนใหญ่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด 2 นัดที่เจอกับ พาเลซ และต้องชม กาเบรียล เชซุส ผู้ยิงรวม 5 ประตูเป็นพิเศษ

เชซุส เปิดหัวประตูแรกจากการยืนถูกตำแหน่งในเขตโทษ และบวกลูกสองหลังรอเก็บตกเตะมุมก่อนยิงเบียดเสาแรกเข้าไปอย่างแม่นยำ

ราย่า เซฟสำคัญช่วยทีมหลายครั้ง

ดาวยิงทีมชาติบราซิลยิงได้เพียง 2 ประตูตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา แต่การเจอ พาเลซ 2 นัดในรอบ 4 วันนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการปลดล็อกเรียกความมั่นใจอย่างแท้จริง 

ในรูปเกมที่ อาร์เซน่อล ไม่ได้เหนือกว่ามาก แต่นำห่างได้ 2 ประตูก่อนจบครึ่งแรกแบบนี้เป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องการอย่างยิ่งโดยเฉพาะข่าวร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างครึ่งแรกกับอาการบาดเจ็บของ บูคาโย่ ซาก้า

ซาก้า ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาที 24 หลังบาดเจ็บแฮมสตริงในจังหวะเปิดบอล เลอันโดร ทรอสซาร์ จึงได้ลงสนามมาแทน

ช่วงเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย อาร์เตต้า ปรับเกมก่อนส่ง เดแคลน ไรซ์ ลงแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่นัดนี้เล่นในตำแหน่งหมายเลข 8 ขณะที่ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ได้ลงมาอีกรายแทน ลูอิส-สเคลลี่ ที่สอบผ่านอีกนัด

ไรซ์ ลงมาได้ 2 นาทีมีส่วนทำให้ทีมนำห่าง 4-1 เลยกับจังหวะซัดในเขตโทษไปเข้าทาง มาร์ติเนลลี่ กระแทกบอลเปลี่ยนทางอีกทีตุงตาข่าย

สกอร์ 4-1 ยิ่งไม่ได้สะท้อนรูปเกมมากนักเพราะต้นครึ่งหลัง พาเลซ ได้ลุ้นยิงต่อเนื่องทั้งลูกโหม่งตามน้ำของ อิสไมล่า ซาร์ ต่อด้วยลูกยิงไกลของ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ที่ ซาร์ ได้ตามโหม่งซ้ำ แต่ทั้งหมดติดเซฟของ ราย่า 

ราย่า เป็นอีกคนที่ต้องได้รับคำชม เพราะหากไม่นับช่วงต้นเกมที่โดนบีบจนจ่ายพลาดเกือบเสียประตูแล้ว จังหวะอื่นทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมเป็นที่พึ่งพาได้เสมอ และเซฟช่วยทีมไป 5 ครั้งซึ่งล้วนเป็นจังหวะเซฟสำคัญทั้งสิ้น 

ซาก้า บาดเจ็บต้องพักหลายสัปดาห์

อาร์เซน่อล จึงกลับมาชนะในสกอร์ที่ขาดลอยพอสมควรทั้งที่โอกาสลุ้นประตูสูสีใกล้เคียงกันมาก และเป็นการกลับมาชนะในลีกนัดแรกรอบ 3 นัดหลังสุด ยังมีความหวังกับการลุ้นแชมป์แม้ตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ 6 คะแนน และแข่งมากกว่า 1 นัดก็ตาม

กาเบรียล เชซุส เจ้าของแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทั้งสองนัดที่ย้ำแค้น พาเลซ เปิดใจหลังเกมว่า "เราทำภารกิจสำเร็จ และผมก็มีความสุขมาก ๆ กับประตูที่ยิงได้ในฐานะตัวเป้าหมายเลข 9 ผมรู้ว่ามีความกดดันเสมอในการทำประตู ชัยชนะและ 3 คะแนนสำคัญมาก" 

"ผมรู้คุณภาพของผมเอง ผมรู้ว่าสามารถทำประตูได้ ผมเพียงพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการจบสกอร์เหมือนอย่างวันนี้ ผมเข้าใจว่าผมจำเป็นต้องอยู่ในเขตโทษมากขึ้นเพื่อยิงประตูให้ได้"

ปืนใหญ่ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ แต่ปัญหาต่อจากนี้คืออาการบาดเจ็บแฮมสตริงของ ซาก้า ที่ตามข่าวล่าสุดต้องพักราว 4-6 สัปดาห์ หรืออาจจะเป็น 8 สัปดาห์

นับว่าเสียหายอย่างมากกับการที่จะไม่มี ซาก้า ลงสนามไปอีกหลายนัด ทั้งที่เพิ่งผ่านช่วงยากลำบากในตอนที่ มาร์ติน โอเดการ์ด หายหน้าไปนานมากกว่าสองเดือน

บททดสอบฤดูกาลนี้หนักหน่วงจริง ๆ