ต้องโทษตัวเอง

เป็นการตกรอบต่อหน้าแฟนบอลของในบ้าน และโทษใครอื่นไม่ได้เลยนอกจาก "ตัวเอง"

ทีมปืนใหญ่มีโอกาสมากมายที่จะเป็นผู้ชนะ แต่กลับทำไม่ได้ จึงต้องหยุดเส้นทางเอาไว้เพียบรอบ 3 เป็นปีที่สองติดต่อกัน 

เรียกง่ายๆ ว่า ตกรอบตั้งแต่นัดแรกกันเลยทีเดียวเพราะรอบนี้คือรอบที่ทีมพรีเมียร์ลีกลงสนามเป็นนัดแรก 

มิเกล อาร์เตต้า มุ่งมั่นอย่างมากในการพาทีมลงเล่นในเอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นรายการที่เขาได้แชมป์แรกกับทีม และหากไม่นับคอมมิวนิตี้ ชิลด์ อีกสองครั้ง แชมป์เอฟเอ คัพ นี้ก็เป็นแชมป์เดียวที่ได้จนถึงตอนนี้

เป็นแชมป์รายการสำคัญสำหรับ อาร์เตต้า และสำคัญต่อสโมสร อาร์เซน่อล ที่เป็นเจ้าของแชมป์มากสุด 14 สมัย

ทว่าพวกเขากลับไม่แสดงให้เห็นว่าช่ำช่องในรายการนี้มากกว่าใคร และหมดลุ้นความฝันแชมป์สมัย 15 ตั้งแต่ไก่โห่

หากไม่นับช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกที่รูปแบบแทบไม่มีอะไรให้พูดถึง และค่อนข้างเนือยด้วยซ้ำ ช่วงเวลาที่เหลือจนถึงการต่อเวลา อาร์เซน่อล น่าจะชนะได้แบบง่ายดายด้วยซ้ำจากสถานการณ์หลายอย่างที่เป็นใจ

ดีโอโก้ ดาโลต์ ได้ใบแดงในนาที 61 หลังฟาวล์ใส่ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จนเป็นใบแดงที่สอง แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือ 10 คนกับช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงสุดท้าย

จากนั้นเพียงนาทีเศษ อาร์เซน่อล ตามตีเสมอได้จาก กาเบรียล มากัลเญส ที่แก้ตัวได้สำเร็จ หลังมีส่วนผิดพลาดในจังหวะเสียประตูแรกให้ผีแดง

ตัวผู้เล่นมากกว่า และได้ประตูตีเสมอในทันที ช่วงเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกับการเล่นในบ้านด้วยจึงน่าจะเป็นการพับสนามเพื่อยิงแซงไม่ยาก

ไค ฮาแวร์ตซ์ ผิดหวังกับผลงานตัวเองอย่างที่สุด

มันควรจะเป็นแบบนั้นเพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีถัดมาก็มาได้จุดโทษในจังหวะเรียกฟาวล์ของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ฝั่งปีศาจแดงและแฟนบอลส่วนใหญ่มองว่าไม่ใช่จุดโทษอย่างแน่นอน

ทว่า มาร์ติน โอเดการ์ด ที่รับหน้าที่ในช่วงไม่มี บูคาโย่ ซาก้า กลับซัดไปติดเซฟ อัลตาย บายินดีร์ 

มันเหมือนสัญญาเตือนแรกๆ ว่าคงไม่ใช่วันของ อาร์เซน่อล เพราะจากนั้นมีโอกาสแบบไหลมาเทมา แต่วืดวาดไปหมด

ช่วงที่ตัวผู้เล่นเท่ากันในหนึ่งชั่วโมงแรกของเกม อาร์เซน่อล ไม่ได้ลุ้นยิงเข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว แต่จากนั้นโอกาสจะแจ้งมาเพียบ ขณะที่ฝั่งปีศาจแดงต้องปรับโหมดเน้นรับในแดนตัวเองและหาโอกาสสวนกลับ

ไค ฮาแวร์ตซ์  ได้ยิงจ่อๆ ซัดหลุดกรอบเหลือเชื่อ ขณะที่ เดแคลน ไรซ์ ที่ลงมาเป็นสำรองก็น่าจะมีบนสกอร์บอร์ดทั้งจังหวะโหม่งเผาขนติดเซฟ และยิงมุมแคบผ่านเสาไกลออกหลัง

ในช่วงต่อเวลา อาร์เซน่อล ทิ้งโอกาสไปอีกเช่นกันทั้งจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ และ ฮาแวร์ตซ์  จนทำให้เกมตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ

เมื่อถึงช่วงเวลาตัดสินกันด้วยลูกนิ่ง 12 หสาแบบนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เสียเปรียบใดๆ อีกแล้ว และในทางกลับกันกลับเหนือกว่าในเรื่อง "ขวัญกำลังใจ" หลังผ่านช่วงเวลายากลำบากร่วมหนึ่งชั่วโมงมาได้

และไม่แปลกใจที่ อาร์เซน่อล จะลงเอยด้วยการเป็นผู้แพ้ และผู้แพ้ตัวจริงประจำแมตช์ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น ฮาแวร์ตซ์ ที่ในเวลาปกติก็พลาดโอกาสทองสองครั้งจะแจ้ง และมายิงจุดโทษพลาดอีก 

ตลอด 120 นาที อาร์เซน่อล มีโอกาสลุ้นยิงทั้งหมด 33 ครั้ง และมีค่า xG สูงถึง 3.87 หรือมีโอกาสชัดเจนที่น่าจะได้ประตูเกือบ 4 ลูก ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ที่เพียง 0.33

ทว่าเกมจบที่ 1-1 ซึ่งแน่นอนว่าเครดิตส่วนหนึ่งต้องชม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สู้กันได้ดีจริงๆ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรทั้งใบแดง จุดโทษ และการเล่นในฐานะทีมเยือน 

แต่ทั้งหมดทั้งมวล อาร์เซน่อล ต้องโทษตัวเองเป็นหลักกับการตกรอบในครั้งนี้

เป็นอีกครั้งที่พวกเขาสร้างโอกาสได้ แต่จบสกอร์ไม่ได้ ซึ่งว่าไปแล้ว การสร้างโอกาสจะแจ้งทำได้ดีกว่านัดที่เสมอ ไบรท์ตัน ในลีก และแพ้ นิวคาสเซิ่ล คาบ้านในถ้วยคาราบาว คัพ ด้วยซ้ำ

เกมรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้สมบูรณ์แบบ และมีข้อผิดพลาดอยู่เรื่อยๆ ทว่าในจังหวะสุดท้ายพวกเขากัดไม่ปล่อยและทุ่มสุดตัว คนแรกพลาด คนสองช่วย คนสามเข้าซ้อน ทำให้ตามบล็อก และป้องกันโอกาสที่น่าจะเสียประตูไปได้ เช่นเดียวกับ บายินดีร์ ที่เซฟจนเป็นฮีโร่ของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย 

ปัญหาอยู่ที่เกมรุก อาร์เซน่อล ที่ไม่เด็ดขาด และคว้าโอกาสไว้ไม่ได้ 

บูคาโย่ ซาก้า ไม่อยู่ ความหวังอันดับสองอย่าง โอเดการ์ด ก็มาพลาดจุดโทษอีก แถมหลายจังหวะในเกมก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ 

คนอื่นๆ จึงยากจะระดับทีมได้ แถม กาเบรียล เชซุส ที่ทำท่าว่าเริ่มคืนฟอร์มในช่วงหลังก็มาเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรก ส่อแววพักยาวไปอีกราย

เท่ากับว่าในสองนัดหลังสุดที่เป็นบอลถ้วยสองรายการ อาร์เซน่อล ลงเล่นในบ้านคิดเป็นเวลา 210 นาที แต่ทำได้เพียงประตูเดียว และมาจากผู้เล่นกองหลัง

คำถามดังๆ เกี่ยวกับหน้าเป้าที่ไว้วางใจได้ ใช้โอกาสไม่เปลือง และมีความเป็น "เพชฌฆาต" จึงดังขึ้นอีกครั้ง 

กาเบรียล เชซุส ยังไม่ตอบโจทย์ เขาจัดอยู่ในประเภท "มาพักเดียวหายพักใหญ่" แถมเจ็บบ่อย ขณะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเพราะไม่ใช่ดาวยิงโดยธรรมชาติ 

ฮาแวร์ตซ์ ทำได้ดีมากในฤดูกาลที่แล้วที่เป็นฤดูกาลแรกกับทีม เช่นเดียวกับหลายนัดในฤดูกาลนี้ แต่เขาไม่ใช่คนที่จะปักหลักเป็นความหวังในตำแหน่งนี้ถาวร บทบาทที่เหมาะคือสลับกับกองหน้าอีกราย และเป็นอะไหล่ในตำแหน่งแนวรุก 

ขณะที่ผู้เล่นคนอื่นก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีทั้ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เลอันโดร ทรอสซาร์ ไม่ต้องนับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม หลายคนนับวันรอส่งกลับ เชลซี ตั้งนานแล้ว

ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ 5 ที่ อาร์เตต้า คุมทีมเต็มฤดูกาล เขาควรพาทีมคว้าแชมป์สักรายการให้ได้ แต่ตอนนี้หายไปแล้วหนึ่ง และนับสองด้วยก็ได้ในถ้วยคาราบาว คัพ ที่สถานการณ์ยากต่อการพลิกเข้าชิง 

ในลีกตามหลัง ลิเวอร์พูล 6 คะแนน โดยที่หงส์แดงมีเกมตกค้างหนึ่งนัดซึ่งไม่ใช่ช่องว่างที่มากเกินไป และทีมของ อาร์เน่อ สล็อต จะมีพลาดอีกแน่ 

ทว่าปัญหาคือ อาร์เซน่อล จะไล่กวดทันได้อย่างไรด้วยสภาพทีมที่เจ็บกันระนาวในทุกนัดที่ลงสนาม และด้วยฟอร์มการเล่นแบบนี้ 

ส่วนในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังเป็นเส้นทางอีกยาวไกล เอาเป้าหมายเบื้องต้นผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ให้ได้ก่อน ค่อยว่ากันที่เหลือ

เกมรับ อาร์เซน่อล ไม่ได้แย่ กองกลางไม่ได้แย่ ตัวผู้เล่นโดยรวมไม่ได้แย่ สามารถลุ้นแชมป์ได้ แต่วิธีการเล่นเกมรุกที่ตอนนี้หวังผลได้แค่ลูกตั้งเตะ ก็ยากจะไปถึงเป้าหมาย

จากการให้สัมภาษณ์ของ มิเกล อาร์เตต้า เขายังคงพูดในทำนองเดิมไม่คิดจะเสริมหน้าเป้าในตลาดรอบนี้ และหวังจะพาทีมกลับสู่เส้นทางที่ควรเป็นอีกครั้งให้ได้ด้วยผู้เล่นทีมี

แต่สารภาพตามตรง ทั้งฟอร์มการเล่น ทั้งสภาพทีม และความมั่นใจตอนนี้ 

ยากเหลือเกินที่ อาร์เซน่อล จะกลับสู่ฝั่ง หรืออาจทำได้แต่คงสายเกินไป