เริ่มใหม่ที่ดูไบ

อาร์เซน่อล เพิ่งตกรอบตัดเชือกคาราบาว คัพ หลังไม่สามารถพลิกสถานการณ์จากที่แพ้คาบ้านต่อ นิวคาสเซิ่ล ในนัดแรก และโดนย้ำแค้นอีกนัดในเลกสองที่เซนต์ เจมส์ ปาร์ค
มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมทำเต็มที่แล้วในความพยายามลุ้นอีกเฮือก แต่ก็ต้องยอมรับว่า นิวคาสเซิ่ล ทำได้ดีกว่า และสมควรเป็นฝ่ายเข้าชิงชนะเลิศ
ในเกมดังกล่าวนั้น อาร์เตต้า เลือกใช้งานผู้เล่น 11 ตัวจริงจากนัดเดียวกับที่ถล่ม แมนฯ ซิตี้ 5-1 ในเกมลีกล่าสุด
ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ปรับแผนเล่นหลังห้าเน้นเกมรับเหนียวแน่น และรอโต้กลับ ไม่จำเป็นต้องเดินหน้าบุกเต็มตัวแม้เล่นในบ้านเพราะสกอร์ได้เปรียบจากนัดแรก
รูปเกมที่ออกมาเป็นไปตามที่ นิวคาสเซิ่ล วางแผนเอาไว้ และยิ่งเล่นก็ยิ่ง "ตัวใหญ่" ขึ้นกว่าทาง อาร์เซน่อล
อาร์เซ่นอล หาช่องเจาะไม่ง่าย และโอกาสดีสุดที่จะขึ้นนำก่อนจาก มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ซัดหลุดกรอบน่าเสียดาย จากนั้นไม่ถึงนาที นิวคาสเซิ่ล ก็เป็นฝ่ายขึ้นนำจากบอลยาวถึง อเล็กซานเดอร์ อีซัค ได้ชิ่งกับเพื่อนก่อนหลุดไปยิงหนีมือ ดาวิด ราย่า ชนเสา บอลเด้งเข้าง เจค็อป เมอร์ฟี่ ยิงตุงตาข่าย
ทั้งสกอร์จากนัดแรก ทั้งการขึ้นนำได้ก่อนในรังตัวเอง ทุกอย่างจึงเข้าทาง นิวคาสเซิ่ล ไปหมด แข้งสาลิกาเน้นเกมรับแน่นเหมือนเดิมมีสามเซนเตอร์ ฟาเบียน แชร์, สเวน บ็อตมัน และ แดน เบิร์น ยืนตระหง่านในเขตโทษ ขนาบด้วยแบ็กสองข้าง คีแรน ทริปเปียร์ และ ลูอิส ฮอลล์ ส่วนข้างหน้าก็มี บรูโน่ กิมาไรส์ และ ซานโดร โตนาลี่ คอยเก็บกวาด
เมื่อตัดบอลได้ในตัวเองก็สาดยาวไปข้าหน้าทันที เจค็อบ เมอร์ฟี่ กับ แอนโธนี่ กอร์ดอน รอด้านข้าง ส่วนตรงกลางปัก อเล็กซานเดอร์ อีซัค เอาไว้คนเดียวเพียงพอ
หมดลุ้นในคาราบาว คัพ ไปอีกรายการ
ปกติแล้ว หัวหอกตัวเป้าคนเดียวของหลายทีมมักจะไปไม่เป็นเมื่อเจอคู่เซนเตอร์ปืนใหญ่ทั้ง วิลเลียม ซาลีบา และ กาเบรียล มากัลเญส แต่ด้วยฟอร์มการเล่นและความมั่นใจตอนนี้ของ อีซัค ก็สามารถสู้และช่วงชิงจังหวะให้ทีมได้เปรียบหลายครั้ง ประตูแรกคือตัวอย่างชัดเจน
อาร์เซน่อล เจองานยากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่ง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ มาบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวตั้งแต่ครึ่งแรก ตัวสำรองเพียงคนเดียวที่จะพลิกเกมได้อย่าง อีธาน วาเนรี่ ก็ถูกใช้งานรวดเร็ว
วาเนรี่ เพิ่งยิงประตูซิตี้มาหมาดๆ แต่เกมนี้เจองานยากยิ่งกว่าเพราะ นิวคาสเซิ่ล เข้าถึงตัวเร็ว วิ่งสู้ฟัดตามเป็นเงา ขนาดรุ่นพี่ในทีมหลายคนยังพลิกบอลลำบาก หรือไม่ก็โดนตัดฟาวล์ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร
นิวคาสเซิ่ล เล่นตามจังหวะของตัวเอง และงัดแท็กติกที่ อาร์เซน่อล ใช้เล่นงาน แมนฯ ซิตี้ มาทำแสบใส่ปืนใหญ่เช่นกันกับการบีบเร็วตั้งแต่แดนบน และทำให้เกมรับปืนใหญ่พลาดจนเสียประตู
พอเป็น 2-0 และสกอร์รวมเป็น 4-0 ทุกอย่างก็แทบจบ มิเกล อาร์เตต้า เริ่มยอมรับสภาพถอดตัวหลักอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด, ยูร์เรียน ทิมเบอร์ และ โธมัส ปาร์เตย์ ออกไปพัก
แม้ผู้เล่นสำรองที่ลงไปแทนจะยังเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ท้ายที่สุด อาร์เซน่อล กับความหวังที่จะกลับมาคว้าแชมป์ลีก คัพ หลังห่างหายไปนาน 32 ปี ก็ต้องหยุดลงที่รอบตัดเชือก
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า และลูกทีมไม่มีเวลามาเสียมากนัก ทุกคนทำเต็มที่แล้ว และถ้าจะมีผิดพลาดมากสุดก็คงเป็นนัดแรกที่ทิ้งโอกาสลุ้นทำประตูมากมายไปจนทำให้งานนักสองยากเกินไป
ทีมต้องเดินหน้าต่อ และโฟกัสในอีกสองรายการที่เหลือคือ พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ด้วยสุดสัปดาห์นี้ที่เป็นเอฟเอ คัพ ซึ่งทีมตกรอบไปแล้วทำให้ไม่มีโปรแกรมลงสนามนาน 10 วัน อาร์เตต้า จึงนำลูกทีมเดินทางไปดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อเข้าแคมป์ฝึกซ้อมกันอีกครั้ง ก่อนกลับมาลงเล่นในเกมลีกนัดเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์
นี่เป็นไอเดียที่ดีมาก และเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในฤดูกาลก่อนที่หาช่วงวางเข้าแคมป์ที่ดูไบกันมาแล้ว
การเปลี่ยนบรรยากาศฝึกซ้อมสร้างแรงกระตุ้นใหม่ได้เสมอ และเป็นการทำงานที่เหมือนพักผ่อนไปในตัว ได้ผ่อนคลาย และรีเฟรชร่างกายกับจิตใจกันอีกครั้ง
นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา อาร์เซน่อล ดูจะสะบักสะบอมไม่น้อยกับการลงสนาม และเจออาการบาดเจ็บเล่นงานต่อเนื่องจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นและสภาพร่างกาย
ตัวหลักๆ อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด, บูคาโย่ ซาก้า, วิลเลียม ซาลีบา, กาเบรียล มากัลเญส, เบน ไวท์, ยูร์เรียน ทิมเบอร์, เดแคลน ไรซ์ ฯลฯ ต่างสลับสับเปลี่ยนกันเดี้ยง ไหนจะ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ที่แทบหายสาบสูญไปแล้วเพราะพักไปนานมาก
ตอนนี้ ซาก้า กับ ไวท์ ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็เดินทางไปกับทีมด้วย และจะฟื้นฟูร่างกายตามแผนที่วางเอาไว้ หลักๆ ยังต้องแยกซ้อม แต่รายของ ไวท์ อาจได้ซ้อมกลุ่มในเร็วๆ นี้เพราะใกล้หายดีแล้ว
ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล กลับมาติดเครื่องอีกครั้งหลังกลับจากทริปดูไบด้วยการเก็บชัยชนะ 10 จาก 11 นัด และนัดเดียวที่เสมอก็คือการบุกเสมอ แมนฯ ซิตี้ ถึงเอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมาก
อย่างไรก็ตาม นัดเดียวที่แพ้กลับเป็นเกมสำคัญพ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า คาบ้าน และแม้จากนั้นรรันชนะได้อีก 6 นัดก็ยังไม่เพียงพอต่อการเป็นแชมป์ แมนฯ ซิตี้ เครื่องแรงกว่าเข้าป้ายแชมปื 4 สมัยติด
มาฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่คู่แข่งเป็น ลิเวอร์พูล ที่ผลงานสุดยอดและเพิ่งเข้าชิงคาราบาว คัพ ไปหมาดๆ ส่วน แมนฯ ซิตี้ ผลงานตกลงไปและคงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เอาท็อปโฟร์ให้ได้ก่อน โอกาสลุ้นแชมป์เป็นไปได้ยากแล้วในทางปฏิบัติ
อาร์เซน่อล จะลงเล่นเกมลีกอีก 14 นัด และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติได้ซึ่งจะลงสนามในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม
หวังว่ากลับจากดูไบครั้งนี้ ทีมจะได้กลับมาพร้อมพลังที่เต็มถังอีกครั้ง และลุยกันอีกเฮือกในสองรายการที่เหลือซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT