ซูเปอร์ซับจำเป็น

เมริโน่ ไม่เคยเล่นกองหน้ามาก่อนเลยตลอดชีวิตค้าแข้งที่ผ่านเกมระดับสโมสรและทีมชาติรวมกันเกือบสี่ร้อยนัด 

เขารู้ตัวในวันแข่งว่าต้องรับบทกองหน้าจำเป็นในช่วงไม่มีทั้ง กาเบรียล เชซุส และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เจ็บหนักพักยาวไปทั้งคู่

มิเกล อาร์เตต้า เลือกเก็บไพ่เด็ดนี้เอาไว้เป็นสำรองและให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ยืนเป็น "false 9" ขนาบข้างด้วย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ อีธาน วาเนรี่

แต่เมื่อไม่สามารถเจาะประตู หรือคุกคามแนวรับเจ้าถิ่นได้อย่างที่ควรจะเป็น เมริโน่ ก็ถูกส่งลงมาแทน สเตอร์ลิ่ง ในช่วงเข้าสู่ยี่สิบนาทีสุดท้าย

สเตอร์ลิ่ง หมดสภาพแล้วหมดสภาพอีกจริงๆ เขาไม่สามารถสร้างประโยชน์ใดๆ ในเกมรุกได้เลย เอาแค่รักษาไลน์ตัวเองไม่ให้ล้ำหน้าก็ยังทำไม่ได้ ไหนจะเลี้ยงบอลออกด้านข้างดื้อๆ จนทุกคนต้องส่ายหัว

แต่ 21 นาทีในสนามของ มิเกล เมริโน่ สร้างความแตกต่างได้แบบคนละเรื่อง กลายเป็นการแก้ปัญหาได้ถูกจุด

เมริโน่ ถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งหน้าหมายตัวเป้าแทน ทรอสซาร์ ที่ถ่างออกมาเล่นทางซ้ายซึ่งทำได้ดีกว่าอยู่ข้างในชัดเจน

อันที่จริงก่อนหน้านี้ เมริโน่ น่าจะพอรู้ตัวบ้างว่าเขาอาจต้องเล่นตำแหน่งกองหน้าเพราะมีพูดถึงทุกๆ ทางเลือกที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาไม่มีหน้าเป้า และ เมริโน่ ก็คือหนึ่งในนั้น 

แต่ที่เจ้าตัวบอกว่าเซอร์ไพรส์เพราะไม่คิดว่าจะได้เล่นจริงๆ คิดว่า อาร์เตต้า คงเลือกช้อยส์อื่นก่อน

"มิเกล อาร์เตต้า บอกผมว่าผมจะต้องลงเล่นวันนี้ในฐานะกองหน้า เอาจริงๆ ก็เซอร์ไพรส์สำหรับผมเลยเพราะว่าเป็นครั้งแรกที่ผมเล่นตำแหน่งนี้"

"แต่ผมก็ลงไปเล่น และใช้ความแข็งแกร่งที่มีซึ่งโชคดีที่ผมช่วยทีมได้ แต่ผมไม่คิดว่าผมจะต้องเล่นเป็นกองหน้าอีกครั้งนะ!" กองกลางทีมชาติสเปนกล่าว

ประตูแรกจากลูกโหม่งคือการเข้าทำที่ลงตัวและใช้ประโยชน์จากจุดเด่นที่ เมริโน่ มีอยู่แล้ว

อดีตกองกลาง โซเซียดาด มีร่างกายสูงใหญ่และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี เขามีเซนซ์ในการหาพื้นที่ว่างในเขตโทษเพื่อเข้าไปลุ้นทำประตู

อาร์เตต้า รู้จัก เมริโน่ เป็นอย่างดี และรู้ว่านี่คือคุณสมบัติเด่นของเจ้าตัว และทีเด็ดตรงนี้ก็เคยช่วยให้สเปนเอาชนะเจ้าภาพเยอรมนีในเส้นทางสู่แชมป์ยูโร 2024 ในซัมเมอร์ปีที่แล้ว

เมริโน่ ไม่ได้วิ่งมั่วเข้าเขตโทษแบบไร้จุดหมาย เขาอ่านจังหวะการเล่นของเพื่อนร่วมทีม และรู้ว่าควรจะเข้า-ออกตอนไหน 

ลูกโหม่งเสียบตาข่ายปลดล็อกให้ทีมคือครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสบอลได้ในเขตโทษ เป็นครั้งแรกที่ได้ลุ้นยิง และก็เป็นประตูทันที

ประตูนี้สำคัญทั้งลดความกดดันให้ อาร์เซน่อล และทำให้เกมเปิดมากขึ้น เลสเตอร์ จะมัวตั้งรับในแดนตัวเองอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพาบอลขึ้นบุกบ้าง

อาร์เซน่อล ก็เพียงรอจังหวะ และมาถึงจากการเปลี่ยนรับเป็นรุกที่จบด้วยการเปิดบอลทางซ้ายของ ทรอสซาร์ เลยมาเสาไกลให้ เมริโน่ กระแทกเน้นๆ ไม่พลาด

สมบูรณ์แบบทั้งคนเปิดและคนจบสกอร์ เช่นเดียวกับประตูแรกที่ อีธาน วาเนรี่ บรรจงหยอดบอลให้อย่างไร้ที่ติ

เท่ากับว่า 2 ครั้งที่สัมผัสบอลในเขตโทษกลายเป็น 2 ประตูหล่อๆ ประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว 

เมริโน่ กลายเป็นซูเปอร์ซับ เป็นฮีโร่ และเป็นทางออกเบื้องต้นสำหรับ อาร์เซน่อล ในตำแหน่งกองหน้า

เจ้าตัวเปรยๆ หลังจบเกมว่าคงไม่ต้องลงเล่นในตำแหน่งนี้อีก แต่เชื่อได้เลยว่าต้องถูกส่งลงเล่นอย่างแน่นอน หรือต่อให้เล่นในตำแหน่งประจำตรงกลาง แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ทุกคนต้องพยายามเล่นเกมรุกมากกว่าที่เคย

เมริโน่ พร้อมช่วยทีมอยู่แล้วเพราะเขาคือผู้เล่นมองความสำคัญของ "ทีม" มากกว่าตัวเอง เมื่อทีมต้องการ เขาก็จะทำอย่างสุดความสามารถ และใช้จุดเด่นที่มีเพื่อช่วยทีมอย่างที่ให้สัมภาษณ์หลังเกม

ชัยชนะล่าสุดนี้ทำให้ อาร์เซน่อล ยังรักษาช่วงว่างจากจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ที่ 7 คะแนนเท่าเดิม ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 13 นัด

อาร์เซน่อล จะสามารถยื้อโอกาสลุ้นแชมป์ไปได้อีกนานเพียงใด ก็คงต้องว่ากันนัดต่อนัด เอาตัวรอดเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องไปคิดอื่นไกล

นัดแรกผ่านพ้นไปได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเป็นการเจอทีมหนีตาย และวิธีการที่้ได้ผลนัดล่าสุด ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ได้เสมอไป 

ทุกคนในทีมที่เหลือต้องช่วยกัน สลับกันเค้นฟอร์มเก่ง และยกระดับคุณภาพตัวเองให้มากขึ้นเพื่อทดแทนการขาดหายไปของเพื่อนร่วมทีมที่บาดเจ็บ 

ยังมีงานหนักกว่านี้อีกมากที่ มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมต้องพิสูจน์ตัวเองตลอดเส้นทางที่เหลือของฤดูกาลนี้

อาวุธลับอย่างอื่นต้องมีเพราะ มิเกล เมริโน่ คงไม่ได้เป็นซูเปอร์ซับไปตลอด