มันจบแล้วครับนาย

ก่อนเกมสัปดาห์นี้ อาร์เซน่อล มองถึงโอกาสบีบช่องว่างเหลือ 5 คะแนน และแข่งน้อยกว่า 1 นัด เป้าหมายคือ ต้องเปิดบ้านชนะ เวสต์แฮม ให้ได้ และลุ้นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ลิเวอร์พูล

ทว่าภารกิจแรกกลับพังครืนอย่างชอกช้ำ หลังพลาดท่าโดน เวสต์แฮม บุกยิงชนะ 1-0 ในเกมที่ อาร์เซน่อล ต้องยอมรับในความปราชัยแบบไร้ข้อโต้แย้ง เช่นเดียวกับใบแดงของ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่

นัดนี้ มิเกล อาร์เตต้า เลือกให้ มิเกล เมริโน่ ลงตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า หลังลงสำรองซัดสองประตูในเกมบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้

เมริโน่ ดูมีส่วนร่วมในเกมรุกช่วงแรก และได้โอกาสยิงในเขตโทษข้ามคาน ทว่าในภาพรวม เกมรุก อาร์เซน่อล ไม่สามารถกดดัน เวสต์แฮม ได้อย่างที่ควรจะเป็น

ตลอดครึ่งแรก อาร์เซน่อล ยิงเข้ากรอบครั้งเดียว และมาจากผู้เล่นกองหลังจาก ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ 

ในทางกลับกัน เวสต์แฮม สร้างโอกาสได้จะแจ้งมากกว่า แม้ครองบอลเป็นรอง 

ทัพขุนค้อนของ แกรม พ็อตเตอร์ จัดทัพอัดกองหลังลง 5 คน แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในแนวทางการเล่นที่เน้นรับแน่นรอสวนจังหวะสวนกลับ

พ็อตเตอร์ มีปัญหาในแนวรุกไม่ต่างจาก อาร์เตต้า เพราะไม่สามารถใช้งาน มิคาอิล อันโตนิโอ, ครีเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์, นิคลาส ฟึลล์ครู๊ก และ ลูคัส ปาเกต้า ที่บาดเจ็บทั้งหมด

เมริโน่ ไม่สามารถเป็นซูเปอร์ซับได้ตลอด

จาร์ร็อด โบเว่น จึงถูกเลือกลงเล่นเป็น "ฟอลส์ 9" และเป็น โบเว่น ที่เริ่มและจบการเล่นในประตูแรกและประตูเดียวของเกม

โบเว่น เก็บบอลแถวหน้าเขตโทษตัวเองก่อนพลิกจ่ายให้ อารอน วาน-บิสซาก้า เลี้ยงขึ้นทางขวา ก่อนโยกหาจังหวะเปิดเข้าเขตโทษให้ โบเว่น โหม่งตุงตาข่าย

ก่อนได้ประตูนำ เวสต์แฮม ส่งสัญญาณเตือนถึงสองครั้งจากลูกโหม่งของ โทมัส ซูเช็ค และในครั้งที่สามก็ลงล็อกทั้งการเปิดของ วาน-บิสซาก้า และการวิ่งเข้าพื้นที่ว่างของ โบเว่น

นี่คือครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่ อาร์เซน่อล ตามหลังคู่แข่งในรังตัวเองตอนพักครึ่ง ส่วน เวสต์แฮม ขึ้นนำคู่แข่งร่วมกรุงลอนดอนได้อีกครั้งเหมือนช่วงต้นเดือนที่เจอ เชลซี

เกมกับ เชลซี เป็นทัพสิงห์บลูส์ที่แซงครึ่งหลังชนะได้ แต่เกมนี้ อาร์เซน่อล ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ และไม่มีโอกาสแบบจะแจ้งด้วยซ้ำในครึ่งหลัง

จากโอกาสยิง 20 ครั้งที่เข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในเกมรุกของ อาร์เซน่อล ได้อย่างชัดเจน และทำให้สถิติไม่แพ้ในลีก 15 นัดติด ต้องหยุดลงในที่สุด

เกมรุก อาร์เซน่อล ไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่การขาดหน้าเป้า แต่การสร้างสรรค์โอกาสก็ทำได้ไม่ดีเช่น โดยเฉพาะในวันที่เจอคู่แข่งตั้งใจรับแน่นซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้ทั้งเกมพบ นิวคาสเซิ่ล และ เอฟเวอร์ตัน

สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเมื่่อ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ ที่ลงเป็นสำรอง ได้ใบแดงหลังเบรกฟาวล์ โมฮาเหม็ด คูดูส แถวกลางสนาม

ตอนแรกผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน ให้แค่ใบเหลือง แต่ได้สัญญาณจาก วีเออาร์ ทำให้เขาไปเช็กหน้าจอมอนิเตอร์ด้วยตัวเอง และอัปเกรดเป็นใบแดง ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ในฤดูกาลแล้วที่ อาร์เซน่อล ได้ใบแดง

โบเว่น โขกประตูดับฝันปืน

ในหลายใบแดงที่ผ่านมามีข้อถกเถียงมากมาย แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีข้อโต้แย้ง และจะเป็นบทเรียนสำหรับดาวรุ่งวัย 18 ปีที่ในบางจังหวะมั่นใจการเล่นเกินไปจนเกิดความผิดพลาด

ต่อให้ไม่มีใบแดงนี้ก็ยังตอบได้ยากว่า อาร์เซน่อล จะมีโอกาสที่ดีกว่าในการพลิกสถานการณ์เพราะพวกเขายังขาดหลายอย่างที่จะเป็นผู้ชนะ

อาร์เตต้า หัวเสียอย่างมากกับการเล่นของลูกทีม และยอมรับสภาพว่า "ไม่ใกล้เคียงกับระดับที่ทำได้หากต้องการได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่มีเรื่องในแง่บวก และไม่มีความอันตรายในพื้นที่สำคัญ"

อาร์เซน่อล แพ้ให้กับทีมที่ทำได้ดีกว่าอย่าง เวสต์แฮม ที่กลับมาชนะนัดแรกในรอบ 5 นัดหลังสุด

ความหวังที่จะบีบช่องว่างกับจ่าฝูง ลิเวอร์พูล หลุดลอบไปต่อหน้าต่อตา และหายลับยิ่งขึ้นหลังจบเกมบิ๊กแมตช์วันอาทิตย์ที่ "หงส์แดง" บุกจม "เรือใบ" ได้ถึงรัง พร้อมกับเพิ่มช่องว่างเป็น 11 คะแนน

แม้ในทางทฤษฎี อาร์เซน่อล ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์กับโปรแกรมอีก 12 นัดที่เหลือ แต่ในทางปฏิบัติ รวมถึงสภาพทีม และสภาพจิตใจตอนนี้

มันไม่แปลกที่หลายคนจะยอมรับตรงกันว่า "มันจบแล้วครับนาย"