หมีตัวนี้ยิงไม่ตาย
เป็นอีกครั้งที่ "หมี" ตัวนี้แสดงให้เห็นถึงความทรหด อดทน และตายยากต่อให้โดนห่ากระสุนสาดเข้าใส่ไม่ยั้ง
ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นทีมอย่างแอต.มาดริด โดนคู่แข่งล่อเป้าหาโอกาสยิงได้ถึง 28 ครั้ง แต่เกิดขึ้นแล้วในเกมยูโรปา ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก กับอาร์เซน่อล
ทว่ามีเพียงครั้งเดียวที่พวกเขาปล่อยให้ลูกบอลข้ามเส้นประตู และนั่นไม่เพียงพอที่จะทำให้สิ้นใจขาดดิ้น
ในเกมที่หลายอย่างไม่เป็นใจจนโมเมนตัมเหวี่ยงมาอยู่ที่เจ้าถิ่นปืนใหญ่เต็มดอก ทัพตราหมียังเอาตัวรอดได้อย่างน่ายกย่อง
ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ แบ็กขวาผู้ทำหน้าที่แทน ฆวนฟราน ที่บาดเจ็บ ทำฟาวล์ชัดเจน 2 ครั้งที่รวมกันเข้ากลายเป็นใบแดงตั้งแต่ 10 นาทีแรก ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกอื่นแม้รู้ดีว่าการไล่ผู้เล่นออกในช่วงต้นเกมแบบนี้มีผลต่อช่วงเวลาที่เหลือมหาศาล
ข้างสนามจึงเดือดเป็นสองเท่า และเป็นสามเท่าคนนั้นคือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ อารมณ์ที่พวยพุ่งออกมาทำให้แม่ทัพหมีต้องโดนตะเพิดขึ้นไปสงบสติอารมณ์บนอัฒจันทร์
อาร์เซน่อลไล่โขยกอย่างไม่หยุดยั้ง เดินหน้าสับฝีเท้าเข้าใส่และหาโอกาสต่อเนื่อง เพียงแต่ยิงทิ้งยิงขว้างเป็นส่วนใหญ่
จาก 28 ครั้งที่ได้ง้างเท้ายิง เข้ากรอบเพียง 8 ครั้ง และครึ่งนึงที่แฟนบอลเตรียมกระโดดฉลองแน่ๆ ก็ยังไม่ผ่านมือ แยน โอบลัค
ผ่านครึ่งแรกโดยที่สกอร์ตรึงอยู่ที่ 0-0 หลายคนย้อนนึกถึงวันปูพรมบุกเข้าใส่แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นมาทันใด
วันนั้นปืนใหญ่ได้โอกาสยิง 35 ครั้ง แต่ได้เพียงประตูเดียว อีก 7-8 ครั้งที่ "ต้องได้" ก็ติดเซฟ ดาบิด เด เคอา
วันนี้ แยน โอบลัค ทำในสิ่งคล้ายๆ เด เคอา วันนั้น และผู้ที่เสียประโยชน์เต็มๆ คือ อาร์เซน่อล
จริงอยู่ว่าผลการแข่งขันจบที่เสมอ ไม่ได้แพ้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาร์เซน่อลเหมือนผู้ปราชัยเพราะทิ้งโอกาสทองมากมายของตัวเอง
หากเป็นวันอื่น ลูกทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ ควรเก็บชัยชนะได้ 4-5 ลูก และแทบการันตีการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
การประกาศอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนำมาซึ่งแรงเชียร์ที่มากขึ้น ทุกคนกลับมาหนุนหลังทีมและกุนซือชาวฝรั่งเศสให้ได้ถ้วยแชมป์ส่งท้าย ก่อนส่งมอบทีมพร้อมโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าให้กับกุนซือคนใหม่
ไม่แปลกที่เวนเกอร์จะบอกว่า ผลเสมอ 1-1 เป็นสิ่งเลวร้ายสุดๆ เมื่อดูจากรูปเกมที่เกิดขึ้น
อาร์เซน่อลทำทุกอย่างที่ควรทำแล้วกับการเดินหน้าบุกต่อเนื่อง มีเพียงช่วงท้ายครึ่งแรกที่ตราหมีเริ่มตั้งลำได้และรูปเกมกลับมาสูสีทั้งที่ตัวผู้เล่นเป็นรอง
สิ่งที่สะท้อนได้ชัดเจนที่สุดในเกมนี้คือ อาร์เซน่อลยังมีปัญหาเดิมๆ ส่วนแอต.มาดริดก็คือแอต.มาดริดที่เราเคยรู้จัก
ปืนใหญ่ ทรงดี มีแวว แต่เล่นไปเล่นมาก็แพ้ภัยตัวเอง ความผิดพลาดง่ายๆ ทำให้พวกเขาพบเจอความหายนะมานับไม่ถ้วน นัดนี้ก็ไม่ต่างกัน
บทจะพลาดก็พร้อมใจกันพลาดทั้ง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ และ ชโคดราน มุสตาฟี่ นั่นจึงเท่ากับยื่นหอกให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้ทิ่มแทงอย่างไม่ปราณี
การยิงไม่เข้ากรอบถึง 20 ครั้ง บ่งบอกถึงความเฉียบขาดที่ต้องปรับปรุงอีกมาก แต่แนวรับตราหมีก็ควรได้เครดิตโดยเฉพาะการต้องเล่นเพียง 10 คน
แอต.มาดริด เก่งกาจอยู่แล้วในการเล่นเกมรับ ต่อให้ไม่มี ซิเมโอเน่ ยืนสั่งการข้างสนาม แต่ระบบที่ถูกวางมานานหลายปี ผ่านการซ้อม และใช้งานจริงนับครั้งไม่ถ้วนก็ทำให้ทุกคนซึบซับอย่างถ่องแท้
ใช้เวลาปรับโหมดเล็กน้อยตอนเสียผู้เล่น แต่พอยืนตั้งเกมได้ก็ประจันหน้าท้าทายแนวรุกอาร์เซน่อลแบบไม่เกรงกลัว
อาร์เซน่อลต้องเคาะบอลครั้งแล้วครั้งเล่า โยนซ้าย-ขวาไปมาอีกเป็นว่าเล่นเพราะแนวรับตราหมียืนกันเป็นระบบ และบีบให้เจ้าถิ่นยิงแบบไม่มีเวลามากพอสำหรับการเล็งเป้าให้แม่นยำ
ผ่านแนวรุกที่ลงมาช่วยเกมรับ ยังมีกองกลางอีกชั้น ไหนจะกองหลังที่นำโดย ดีเอโก้ โกดีน ซึ่งเขี้ยวลากดินเหลือเกิน เสร็จแล้วยังเหลือ แยน โอบลัค ยืนเป็นปราการด่านสุดท้าย
ผลเสมอที่เหมือนแพ้ทำให้อาร์เซน่อลท้อใจอย่างที่สุด สิ่งที่ เวนเกอร์ ต้องรีบทำคือ ปลุกเร้าลูกทีมให้เชื่อมั่นในตัวเองเอาไว้ และอย่าเพิ่งเสียกำลังใจ
ยังมีเวลาอีก 90 นาทีให้ได้ลุ้น หากยังเล่นได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์ของนัดแรก ก็มีลุ้นอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือ หากมีโอกาสต้องทำให้ได้เพราะทุกคนรู้ดีคงไม่ได้ยิงมากมายแบบนี้อีกแน่
เริ่มเกมที่วานด้า เมโทรโปลิตาโน่ ในพฤหัสฯ หน้า ทุกอย่างจะกลับมาเท่ากัน เพียงแต่ตราหมีถือความได้เปรียบเอาไว้ด้วยประตูอะเวย์โกลของ กรีซมันน์
งานยากจึงอยู่ที่อาร์เซน่อลโดยเฉพาะเมื่อเจอโจทย์ที่ว่า
ตราหมีไม่เสียประตูในบ้านมา 11 นัดติดเข้าให้แล้ว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT