อีธาน & ไมล์ส เติบโตไปพร้อมกัน

"อีธาน วาเนรี่" ลงเล่นชุดใหญ่ให้ อาร์เซน่อล ตั้งแต่สองฤดูกาลก่อนที่ถูกส่งประเดิมสนามในเกมเยือน เบรนท์ฟอร์ด จนทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดตลอดกาลลงเล่นในพรีเมียร์ลีกด้วยวัย 15 ปี 181 วัน
แต่นั่นคือ "นัดเดียว" และเป็นเวลา "นาทีเดียว" ที่ได้ลงเล่นในฤดูกาลแรก ขณะที่ฤดูกาลต่อมาก็ไม่ได้ต่างมากนัก เขาลงเล่นหนึ่งนัดถ้วนเช่นกันเป็นเวลา 13 นาที ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดเยือน เวสต์แฮม
ต่างจากฤดูกาลนี้ที่สถานะในทีมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง วาเนรี่ ก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญของ มิเกล อาร์เตต้า โดยลงสนามไปแล้ว 29 นัดในทุกรายการ พร้อมด้วยผลงาน 8 ประตู
ขณะที่ "ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่" ลงเล่นฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรก เขาเปิดตัวด้วยการได้ใบเหลืองตั้งแต่ก่อนลงเจิมในเกมบุกเสมอ แมนฯ ซิตี้ 2-2
แม้ลงสนามทีหลัง แต่ ลูอิส-สเกลลี่ ก็ก้าวกระโดดทันเพื่อนซี้ทั้งเรื่องของ "ปริมาณ" ที่ใกล้เคียงลงเล่นไปแล้ว 26 นัด และ "คุณภาพ" ที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สามารถช่วยทีมได้จริงจัง ไม่ได้เป็นเพียงดาวรุ่งที่มีชื่่อในทีม แต่แทบไม่ได้ลงเล่น
วาเนรี่ และ ลูอิส-สเกลลี่ เข้ามาอยู่ในอคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล พร้อมกันในปี 2015 ตอนอายุราว 8 ขวบ ได้ฝึกซ้อมและเล่นฟุตบอลด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก มีความสนิทสนมกันมาก เรียกได้ว่ากอดคอเติบโตมาพร้อมกันเลย
เอมี่ ลอว์เรนซ์ นักข่าวสาวสาย อาร์เซน่อล แห่ง ดิ แอธเลติก มองสองดาวรุ่งจากเฮล เอนด์ ด้วยสายตาชื่นชมว่า "ฉันชอบที่พวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยกัน มันเป็นสิ่งสวยงามสำหรับทั้งคู่ในแบบเดียวกับ บูคาโย่ ซาก้า และ เอมิล สมิธ โรว์"
ในทางสถิติ นักเตะจากทีมเยาวชนที่ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จไม่ได้เยอะมากนัก ส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาได้ หรือไม่ก็โผล่มาชั่วครู่ชั่วคราวก่อนถูกปล่อยตัว
ดังนั้น การที่เด็กน้อยสองคนในวันวานอย่าง วาเนรี่ และ ลูอิส-สเกลลี่ สามารถเฉิดฉายกับทีมชุดใหญ่ได้ในตอนนี้ จึงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม และยิ่งน่าประทับใจยิ่งขึ้นเพราะทั้งคู่คือเพื่อนรักกัน เอมี่ ลอว์เรนซ์ ใช้คำว่า "Super close friends" เลยทีเดียว
ในความตั้งใจแรก มิเกล อาร์เตต้า ไม่คิดว่าจะส่ง วาเนรี่ ลงสนามไปแล้วเกือบสามสิบนัดแบบนี้ เขาวางแผนใช้งานดาวรุ่งที่เกิดห่างจากสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เพียง 8 ไมล์ แบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนก่ออิฐทีละก้อน
แต่ด้วยอากาบาดเจ็บของ มาร์ติน โอเดการ์ด ต่อด้วย บูคาโย่ ซาก้า ทำให้ วาเนรี่ ถูกเข็นลงสนามมากขึ้นโดยเฉพาะการเล่นแทน ซาก้า ที่ทำได้ดีกว่าตัวเลือกอื่่นทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เลอันโดร ทรอสซาร์ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
หลักไมล์หลายอย่างในอาชีพจึงเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้เกือบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นตัวจริงนัดแรกในลีก, ประตูแรก, ประเดิมการเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฯลฯ
8 ประตูที่ทำได้ก่อนอายุครบ 18 ปี เป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง และในอดีตที่ผ่านมามีเพียง ไมเคิ่ล โอเว่น กับ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงได้มากกว่า (9 ประตูเท่ากัน) ก่อนอายุครบ 18 ปี
ขณะที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ ลูอิส-สเกลลี่ ก็มีที่มาไม่ต่างกันนั่นคืออาการบาดเจ็บของรุ่นพี่หลายคนในตำแหน่งแบ็กซ้าย
ลูอิส-สเกลลี่ เปิดตัวในทีมชาติชุดใหญ่ดั่งฝัน
"MLS" คว้าโอกาสของตัวเองได้ด้วยสไตล์การเล่นเนียนตา กล้าเล่นกล้าลุย ชั้นเชิงลีลาเหมือนผ่านสมรภูมิแข้งมาหลายปี แม้มีความผิดพลาดให้เห็นเช่นการได้ใบแดง แต่นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับนักเตะดาวรุ่ง
นับตั้งแต่ขึ้นปีใหม่เป็นต้นมา ลูอิส-สเกลลี่ แทบจะกลายเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กซ้ายของ อาร์เตต้า ขณะที่ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ต้องหลุดสำรองบ่อยครั้ง แม้ฟิตสมบูรณ์พร้อมช่วยทีม
ผลงานกับ อาร์เซน่อล ของสองดาวรุ่งคู่ซี้เป็นที่ประจักษ์รับรู้โดยทั่วไป และประตูสู่ทีมชาติก็เปิดต้อนรับพวกเขาด้วยความเต็มใจ
วาเนรี่ ถูกเรียกติดทีมชาติชุดยู-21 เป็นครั้งแรกในชีวิต ขณะที่ ลูอิส-สเกลลี่ ก้าวกระโดดไปถึงทีมชาติชุดใหญ่ ในช่วงเบรกทีมชาติเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เจ้าหนูอีธานประเดิมสนามในฐานะสำรองเกมอุ่นเครื่องแพ้ ฝรั่งเศส 3-5 ก่อนลงตัวจริงครั้งแรก และทำประตูสุดสวยในสไตล์ถนัดโยกเข้าซ้ายซัดจากหน้าเขตโทษเสียบตาข่ายในเกมชนะ โปรตุเกส 4-2
ส่วน ลูอิส-สเกลลี่ ได้รับความไว้วางใจจาก โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือคนใหม่ของทีมชาติอังกฤษ ให้ลงตัวจริงตั้งแต่นัดแรกในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ที่พบ แอลเบเนีย และทุกอย่างเหมือนเขียนบทเอาไว้ให้แบ็กซ้ายดาวรุ่งปืนโตเป็นพระเอกของงาน
วาเนรี่ ปักหมุดในทีมชุดใหญ่ได้แน่นหนา
นอกจากเล่นได้ลื่นไหลเป็นหนึ่งเดียวกับทีม และไม่ออกอาการตื่่นตระหนกใดๆ แล้ว ลูอิส-สเกลลี่ ยังสอดขึ้นมาทำประตูตั้งแต่นาทีที่ 19 จนกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ยิงประตูได้ในการเป็นตัวจริงนัดแรกให้ทีมชาติชุดใหญ่ด้วยวัย 18 ปี 176 วัน
ประตูแรกในนัดแรกกับทีมชาติ
ประตูแรกของสิงโตคำรามยุค โธมัส ทูเคิ่ล
ประตูแรกของทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก
ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำแมตช์จึงตกเป็นของดาวรุ่งที่เพิ่งลงเล่นอาชีพได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น
ในนัดสองที่ทีมชาติอังกฤษเอาชนะลัตเวีย 2-0 ลูอิส-สเกลลี่ รักษาตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ได้ และมีส่วนกับประตูแรกที่เติมเกมรุกเข้าไปเรียกฟาวล์ได้หน้าเขตโทษก่อนเป็น รีซ เจมส์ รับหน้าที่ยิงเสียบตาข่าย
นับเป็นการเปิดตัวในทีมชาติได้อย่างสุดยอดเกินฝัน และด้วยฟอร์มแบบนี้ก็มีโอกาสติดทีมของ ทูเคิ่ล ไปยาวๆ แถมลุ้นยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวจริงได้อีก
หลังพ้นเบรกทีมชาติ วาเนรี่ และ ลูอิส-เกลลี่ กลับมาโฟกัสกับ อาร์เซน่อล ได้เต็มที่อีกครั้งในช่วงสองเดือนสุดท้ายก่อนจบฤดูกาล
ทีมปืนใหญ่ยังมีสองภารกิจสำคัญทั้งในพรีเมียร์ลีกที่ยังถือว่ามีลุ้นแชมป์ แม้โอกาสริบหรี่ และในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องเจอกระดูกชิ้นโตอย่าง เรอัล มาดริด เจ้าของแชมป์ 15 สมัย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
โอกาสมีแชมป์ติดมือในฤดูกาลนี้ถือว่ายากถึงยากมาก แต่ วาเนรี่ และ ลูอิส-เกลลี่ ก็พร้อมช่วยทีมเต็มที่กับทุกความหวังที่เหลืออยู่
เติบโตมาด้วยกัน สู้มาด้วยกัน และเป้าหมายคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกนอกจากได้ฉลองความสำเร็จด้วยกัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT