ความสมบูรณ์แบบที่ถูกที่ถูกเวลา

ฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ล่าสุดกลายเป็นเหตุการณ์ที่ฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า วนไปมาไม่รู้กี่รอบ และสำหรับแฟนบอล อาร์เซน่อล แล้วต้องบอกว่า "ดูซ้ำไม่มีเบื่อ"
นั่นเพราะเป็นลูกยิงที่ "สมบูรณ์แบบ" ไร้ที่ติ และเกิดขึ้นถูกที่ถูกเวลา แถมพิเศษใส่ไข่ตรงที่ทำได้ถึง 2 ครั้งในเกมเดียว
เดแคลน ไรซ์ ลงเล่นระดับสโมสรมา 338 นัด ทีมชาติชุดใหญ่อีก 64 นัด เขาไม่เคยยิงประตูจากฟรีคิกโดยตรงได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาไม่ใช่มือหนึ่งในการสังหารลูกนิ่งของทีม แต่ก็เคยได้โอกาสสับไกมาบ้าง ทว่าไม่เคยเป็นประตู
แต่เมื่อถึงเวลาปลดล็อกก็เล่นใหญ่ในเกมโคตรบิ๊กแมตช์ที่เผชิญหน้ากับทีมแชมป์ยุโรป 15 สมัยอย่าง เรอัล มาดริด
นับตั้งแต่มีการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กันมา มีนักเตะหลายคนทำประตูจากฟรีคิกได้สองลูกในเกมเดียว แต่ ไรซ์ เป็นคนแรกที่่ทำได้รอบน็อกเอาต์
ฟรีคิกทั้งสองประตูของ ไรซ์ มีครบทุกอย่างที่ควรจะมีทั้งน้ำหนักและทิศทาง ทุกอย่างมาพร้อมกันหมดจนกลายเป็นประตูที่เหมือนกับเสกเวทมนต์
บาร์เท็ก ซิลเวสทรัค โค้ชที่เชี่ยวชาญในการการยิงฟรีคิกบอกว่าฟรีคิกทั้งสองลูกของ เดแคลน ไรซ์ เป็นการยิงที่ยอดเยี่ยมสุดในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว
ซิลเวสทรัค กล่าวผ่านสื่อดังอย่าง ดิ แอธเลติก ว่าทั้งสองประตูเป็นการยิงที่มีทั้งพลังและความแม่นยำซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันได้ง่าย นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงไหวพริบในการเลือกยิงจากโอกาสที่คู่แข่งหยิบยื่นให้
ฟรีคิกลูกแรกของ ไรซ์
ต้องยอมรับว่า เรอัล มาดริด ตั้งกำแพงไม่ได้ดีมากนักด้วยผู้เล่นเพียง 4 คนเท่านั้น กำแพงที่ขวางหน้าจึงไม่ได้กว้างมากนัก และเมื่อ ไรซ์ มองเห็นโอกาสเขาจึงเลือกทำตาม "ความรู้สึก" ที่บอก
นิโกลัส โจเวอร์ โค้ชลูกตั้งเตะของ อาร์เซน่อล ตะโกนสั่งให้เปิดบอลเข้าเขตโทษเพื่อลุ้นทำประตูอีกที แต่ ไรซ์ เลือกตัดสินใจยิงเองหลังคุยกับ บูคาโย่ ซาก้า ที่เปิดทางให้เพื่อนจัดการ
ปกติแล้ว อาร์เซน่อล ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าใครต้องเป็นรับหน้าที่ยิงจุดโทษหรือฟรีคิก มิเกล อาร์เตต้า ปล่อยให้นักเตะตัดสินใจกันเองหน้างาน แม้หลักๆ แล้วจะเป็น บูคาโย่ ซาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ตาม
เมื่อความรู้สึกบอกว่า "ใช่" เดแคลน ไรซ์ ก็ไม่ลังเลที่จะรับหน้าที่ยิง และทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ
“ไรซ์ไม่จำเป็นต้องยิงข้ามกำแพง เขาแค่จัดการให้มันเลี้ยวออกไป" ซิลเวสทรัค กล่าว
นับตั้งแต่ย้ายมามาอยู่กับ อาร์เซน่อล ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ไรซ์ เริ่มได้รับมอบหมายให้เตะลูกนิ่งมากขึ้น เขากลายเป็นคนเตะมุมฝั่งซ้ายของทีมเพื่อให้บอลโค้งเข้าหาผู้รักษาประตู เป็นหน้าที่เดียวกับ ซาก้า ที่รับผิดชอบทางขวา
ไรซ์ มีสถิติเตะมุมโค้ง (Inswinging Corner Kicks) เป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปในบรรดากองกลางด้วยกัน และสร้างจังหวะในการยิง (SCA) จากลูกตั้งเตะได้เฉลี่ย 0.88 ครั้งต่อนัด
เมื่อได้เปิดเตะมุมและฟรีคิกทางซ้ายบ่อยครั้ง บอลจากเท้าของ ไรซ์ ก็มีความแม่นยำมากขึ้น
ฟรีคิกลูกสองที่เสียบสามเหลี่ยม "เป๊ะ"
อดีตแข้ง เวสต์แฮม เป็นผู้เลนที่มีพลังกำลังล้นเหลืออยู่แล้ว เขาจึงสามารถส่งพลังไปกับลูกบอลได้อย่างเต็มที่ มันจึงกลายเป็นลูกยิงที่เปี่ยมประสิทธิภาพ และยากที่ผู้รักษาประตูคนใดจะป้องกันได้
ไรซ์ เผยถึงการยิงฟรีคิกของตัวเองว่าได้เปลี่ยนวิธีที่ทำให้รู้สึกว่าบอลที่ออกจากเท้าไปแล้วมีความแม่นยำยิ่งขึ้น
"ผมรู้สึกว่าในตอนที่ผมฝึกซ้อมยิงฟรีคิก ผมมักสัมผัสบอลและเงยหน้าขึ้นมองลูกบอลอย่างรวดเร็วในทันที มันจึงออกมาไม่เป็นอย่างที่ผมต้องการ”
"ผมเลยเปลี่ยนเป็นพยายามก้มหน้าลงแล้วโฟกัสที่ลูกบอล และรู้ว่าผมต้องสิ่งส่วนไหนของลูก ผมยิงบอลได้สม่ำเสมอมากขึ้น" ไรซ์ กล่าว
สองฟรีคิกของ ไรซ์ ไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดียวกัน ลูกแรกเยื้องไปทางขวาซึ่งเหมาะกับคนถนัดเท้าซ้ายมากกว่า ส่วนลูกสองเยื้องมาทางซ้าย แต่กองกลางทีมชาติอังกฤษยิงออกมาได้ยอดเยี่ยมทั้งสองลูก โดยเฉพาะลูกสองที่บอลเสียบสามเหลี่ยม "เป๊ะ" มาก เหมือนจับวางยังไงยังงั้น
คาร์โล อันเชล็อตติ ยอมรับตามตรงว่าสองฟรีคิกของ เดแคลน ไรซ์ ทำให้ความหวังของมาดริดในเกมนี้จบในทันที
"เราเล่นได้ดีในครึ่งแรก แต่พอโดนสองลูกจากฟรีคิก ทุกอย่างก็พังไปเลย" กุนซือราชันชุดขาว กล่าว
ฟรีคิกลูกแรกของ ไรซ์ มาได้ถูกที่ถูกเวลาและเป็นสิ่งที่ อาร์เซน่อล ต้องการ ส่วนลูกสองก็แทบฝังมาดริดไปเลยอย่างที่ "อันเช่" ว่าเอาไว้
ในครึ่งแรก อาร์เซน่อล เริ่มต้นด้วยความเกร็งเล็กน้อยเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งอย่าง มาดริด ยาคุบ คีวิออร์ และ บูคาโย่ ซาก้า จ่ายบอลพลาดง่ายๆ จนโดนโต้กลับเกือบเสียประตู
แต่เมื่อตั้งลำได้ สร้างโอกาสได้ก็เหมือนกับว่ายังมีด่านสุดท้ายอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ เป็นขวากหนามอีก
ถ้าไม่นับ 3 ประตูที่ทำได้ อาร์เซน่อล มีโอกาสลุ้นยิงจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ 8 ครั้ง และเข้ากรอบทั้งหมด เป็นสัดส่วนที่สูงมากโดยเฉพาะกับการที่ไม่มีหน้าเป้าอาชีพในตอนนี้
กูร์กตัวส์ เซฟไป 5 ครั้งซึ่งแต่ละครั้งก็น่าจะเป็นประตูอย่างยิ่ง ขณะที่อีก 3 ครั้งติดตัวเคลียร์บนเส้นทั้ง จูีด เบลลิงแฮม และ ดาวิด อลาบา รวมถึงติดมือ ราอูล อาเซนซิโอ้ ที่มีการเช็กวีเออาร์ก่อนผู้ตัดสินชี้ขาดว่ายังไม่เพียงพอที่จะเป็นจุดโทษ
เหมือนไม่ใช่วันของ อาร์เซน่อล ที่อุตสาห์สร้างโอกาสจะแจ้งได้หลายรั้งกับการเจอ เรอัล มาดริด แต่ฟรีคิกของ เดแคลน ไรซ์ ก็ทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำอย่างที่ควรจะได้ ขณะที่ฟรีคิกลูกสองที่ห่างกัน 12 นาทีก็ทำเอาทัพราชันชะงักไปในทันที และไม่มีโอกาสลุ้นประตูอีกเลยในช่วง 20 นาทีสุดท้าย
สองฟรีคิกของ ไรซ์ จึงถูกพูดถึงอย่างมากทั้งในด้านความสวยงามที่หลายคนเลือกยากว่าลูกไหนสวยกว่าเพราะเป็นสองลูกที่ถูกจัดขึ้นหิ้งตลอดกาลโดยไม่ต้องสงสัย
และใน่แง่ความสำคัญก็ยิ่งยวดไม่แพ้กัน ยิ่งได้ มิเกล เมริโน่ กดฝังอีกลูกเป็น 3-0 ก็ยิ่งทำให้โอกาสลุ้นเข้ารอบตัดเชือกมีเพิ่มมากขึ้น
อาร์เซน่อล มักตกม้าตายที่รอบก่อนรองชนะเลิศ ปีที่แล้วก็โดน บาเยิร์น มิวนิค ตบคว่ำ ย้อนไปในช่วงที่ลงเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างสม่ำเสมอก็จอดป้ายรอบ 8 ทีมบ่อยครั้ง แถมแพ้ให้คู่แข่งเป็นหน้าเดิมๆ อย่าง บาเยิร์น หรือไม่ก็ บาร์เซโลน่า
แต่ครั้งนี้กับสกอร์ 3-0 ถือว่าตุนความได้เปรียบและความมั่นใจพอสมควรก่อนเจอบททดสอบครั้งใหญ่ไปเยือนซานติอาโก้ เบร์นาเบว ในนัดสองในวันพุธหน้า
ทุกอย่างยังคงเป็นไปได้ในเกมฟุตบอล และหากจะมีทีมไหนที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ เรอัล มาดริด
ดังนั้น ภารกิจของ อาร์เซน่อล ยังไม่จบ และจะประมาทไม่ได้เลยในเกมหน้าเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
เหมือนที่ไม่มีใครจินตนาการออกแน่นอนว่าคนที่ไม่เคยยิงฟรีคิกเป็นประตูมาก่อนเลยในชีวิต จะยิงได้ถึงสองประตูในการเจอกับโคตรทีมอย่าง เรอัล มาดริด
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT