ทดสอบระบบครั้งที่ 1

ชัยชนะนัดนี้ "ชะลอ" การคว้าแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ไปเป็นสุดสัปดาห์หน้าที่หากเปิดรังแอนฟิลด์เอาชนะ สเปอร์ส ได้ก็จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ทันที
แต่ว่ากันตามสถานการณ์จริง โฟกัสหลักของ อาร์เซน่อล ในตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่การลุ้นแชมป์อันริบหรี่แล้ว แต่หากเป็นเตรียมความพร้อมสำหรับเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะพบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มากกว่า
การบุกรังพอร์ทแมน โร้ด ของ อิปสวิช จึงเหมือนเกมทดลองบางอย่างที่ไม่ลงตัวก่อนเกมสำคัญในถ้วยยุโรป
ในนัดแรกกับ เปแอสเช ที่ อาร์เซน่อล จะได้เล่นในบ้านก่อน มิเกล อาร์เตต้า จะไม่สามารถใช้งาน โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางคนสำคัญที่ติดโทษแบน หลังพลาดโดนใบเหลืองครบโควตาในเกมนัดสองกับ เรอัล มาดริด
อาร์เตต้า ที่ต้องโรเตชั่นอยู่แล้วกับการเล่นเกมลีกช่วงนี้ จึงถือโอกาสเซตแผงมิดฟิลด์ใหม่ในแบบที่ไม่มีกองกลางทีมชาติกานา
มิเกล เมริโน่ ถูกถอยไปเล่นในบทบาทหมายเลข 8 อีกครั้ง ขณะที่ เดแคลน ไรซ์ รับหนาที่ตัดเกมในฐานะหมายเลข 6 อีกตำแหน่งเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด เหมือนเดิม
ปาร์เตย์ จึงได้พักเป็นสำรอง เช่นเดียวกับ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ และ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ แบ็กสองข้างที่ถูกแทนที่โดย เบน ไวท์ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ตามลำดับ
ตำแหน่ง "False 9" จึงเป็นโอกาสของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่ออกสตาร์ตตัวจริงก่อนทำผลงานได้ดีเยี่ยมยิงไป 2 ประตู
เลฟ เดวิส เสียบน่าเกลียดใส่ บูคาโย่ ซาก้า
อาร์เซน่อล เหนือกว่า อิปสวิช ตั้งแต่ต้นจนจบเกม เกมรุกฝั่งขวากดดันเจ้าถิ่นได้ต่อเนื่องก่อนเป็นที่มาของ 2 ประตูแรกที่จบด้วยการยิงของ ทรอสซาร์ และ มาร์ติเนลลี่
สถานการณ์ของเจ้าถิ่นย่ำแย่ลงไปอีกหลังผ่านครึ่งชั่วโมงแรกได้นิดเดียวเมื่่อ เลฟ เดวิส แบ็กซ้ายของทีม ฟาวล์น่าเกลียดย่ำใส่ส้นเท้าของ ซาก้า จนผู้ตัดสินต้องชักใบแดงไล่ออกทันที
โชคดีมากที่ ซาก้า กลับมาเล่นต่อได้เพราะเป็นการฟาวล์ที่อันตรายมาก แฟนบอลปืนใหญ่หายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียวตอนเห็นปีกตัวเก่งนอนกลิ้งโอดโดยในตอนแรก
ทัพม้าขาวจึงต้องปรับเกมทันทีถอดปีกซ้ายอย่าง แจ็ค คล้าร์ก ออกแล้วส่งกองหลัง คาเมรอน เบอร์เกส ลงไปช่วยเกมรับ
ตอนที่ 11 คนเท่ากัน เกมของอ อิปสวิช ก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งพอเหลือ 10 คนยิ่งปิดประตูโอกาสคัมแบ็กกลับมา
อาร์เซน่อล จึงคอนโทรลเกมรุกอยู่ฝ่ายเดียว ได้ครองบอลเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งแรก พร้อมด้วยโอกาสยิงเกินสิบครั้ง
น่าเสียดายเล็กน้อยที่มีเพียง 2 ประตูใน 45 นาทีแรกเพราะจังหวะอื่นยิงไม่เข้ากรอบเลยโดยเฉพาะ ซาก้า ที่มีโอกาสยิงเน้นๆ ถึง 3 ครั้ง แต่หลุดกรอบหมดเลย ตลกร้ายในโซเชียลบอกว่าอาจเพราะโดนเสียบหนัก ความแม่นยำเลยผิดเพี้ยนไป
ในครึ่งหลัง อาร์เตต้า ไม่ได้ถอด ซาก้า ในทันที แต่ให้เล่นอีก 12 นาทีก่อนได้ออกไปพักพร้อมให้ทีมแพทย์จัดน้ำแข็งประคมลดอาการบวม ขณะที่ เมริโน่ ก็ถูกแทนที่โดย ลูอิส-สเกลลี่
การทดลองแผงกลาง เมริโน่-ไรซ์-โอเดการ์ด ในเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้ถูกรบกวนในเรื่องเกมรับมากนักเพราะเป็นฝ่ายกดใส่คู่แข่งโดยตลอด
เดแคลน ไรซ์ ขับเคลื่อนแดนกลางได้เหมือนเดิม
เมริโน่ กลับมาเล่นในแดนกลางอีกครั้งทำได้ดีเสมอตัว เชื่อมเกมได้ และไม่ได้ทำให้จังหวะเสีย แถมหาโอกาสขึ้นมาสนับสนุนเกมรุกจนได้ไขว้เหนือชั้นให้ มาร์ติเนลลี่ ยิงประตูที่สอง
ส่วน ไรซ์ ที่หุงขึ้นหม้อสุดๆ ในเกมสยบราชันทั้งสองนัด ก็รักษามาตรฐานได้เหมือนเดิม ความขยันความฟิตสามารถรับจบในตำแหน่งของ ปาร์เตย์ ได้อย่างไร้ปัญหา
ลูอิส-สเกลลี่ ถูกทดลองเช่นกันด้วยการเล่นตำแหน่งกองกลางซึ่งก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะเล่นประจำตอนอยู่ทีมเยาวชน นั่นทำให้ระหว่างนาที 57 ถึงนาที 73 แผงกลางจึงเป็น ลูอิส-สเกลลี่, ไรซ์ และ โอเดการ์ด
นาที 73 ที่ ไรซ์ ถูกถอดไปพัก แผงกลางเซตใหม่อีกรอบ สเกลลี่ ปรับมาเล่นกลางรับและให้ ซินเชนโก้ หุบจากแบ็กซ้ายมาเล่นกองกลางหมายเลข 8 ส่วน คีแรน เทียร์นีย์ ที่ลงมาแทน ไรซ์ ก็รับผิดชอบแบ็กซ้าย
โชคดีที่เกมนี้ อาร์เซน่อล คอนโทรลทุกอย่างได้ตั้งแต่ต้น อาร์เตต้า จึงได้โอกาสทดลองแดนกลางที่ไม่มี ปาร์เตย์ ได้ถึง 3 รูปแบบ
2 ประตูในครึ่งหลังจาก ทรอสซาร์ ที่เบิ้ลอีกลูกให้ตัวเอง และ อีธาน วาเนรี่ ยิงแฉลบ เป็นจังหวะการเล่นที่หลายคนคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นเพราะปืนใหญ่ยังสร้างโอกาสได้ต่อเนื่องในครึ่งหลัง
อาร์เซน่อล จึงเก็บชัยชนะสวยงามกลับมาชนะในลีกอีกครั้งหลังก่อนหน้านี้เสมอทั้ง เอฟเวอร์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด
แต่สิ่งสำคัญกว่าชัยชนะขาดลอยคือ ไม่มีตัวหลักคนใดบาดเจ็บเพิ่ม ในรายของ ซาก้า ที่ดูน่าห่วง อาร์เตต้า ก็ยืนยันหลังเกมว่าเป็นอาการเจ็บเล็กน้อย ไม่ได้รุนแรง
ทรอสซาร์ จัดไป 2 ประตู
ตัวหลักหลายคนได้พัก ปาร์เตย์ และ ทิมเบอร์ ไม่ได้เล่นเลย ส่วน ไรซ์, ซาก้า, มาร์ติเนลลี่ และ เมริโน่ ก็ถูกถอดระหว่างเกม
และแน่นอนกับสิ่งที่ อาร์เตต้า อยากเห็นคือการทดลองตรงกลางเพื่อเตรียมรับ เปแอสเช นัดแรกแบบที่ไม่มี ปาร์เตย์ ซึ่งนอกจาก 3 รูปแบบที่ได้เล่นร่วมกันแล้ว จอร์จินโญ่ ก็อาจเป็นอีกตัวละครที่เพิ่มทางเลือกได้หากฟิตทันลงสนาม
จุดน่าสนใจอื่นคือได้เห็น "สามเหลี่ยมทองคำ" ทางฝั่งขวาคือ ซาก้า, โอเดการ์ด และ ไวท์ ออกสตาร์ตร่วมกันครั้งแรกนับตั้งแต่นัดบุกเสมอ เชลซี 1-1 เมื่อเดือนพฤศจิกายนก่อนที่ ไวท์ จะพักยาวจากอาการบาดเจ็บหัวเข่า
เจอร์เรียน ทิมเบอร์ เป็นตัวจริงแน่นอนในเกมยุโรป แต่การที่ เบน ไวท์ ได้เล่นเต็ม 90 นาที ก็น่าจะช่วยเรียกจังหวะการเล่น และความมั่นใจได้มากขึ้น จับพลัดจับผลูมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็จะได้พร้อมช่วยทีมทันที แข้งขาไม่ถูกสนิมเกาะหลังหลุดเป็นสำรองส่วนใหญ่นับตั้งแต่หายเจ็บกลับมา
อีกคนที่ได้ความมั่นใจเต็มๆ คือ ทรอสซาร์ ที่ทำไป 2 ประตู และอาจได้ยืนหน้าเป้าในเกมกับ เปแอสเช หาก อาร์เตต้า เลือกให้ เมริโน่ เล่นกลาง
อาร์เตต้า ยังมีโอกาสทดสอบและทดลองการเล่นต่างๆ ให้ลงตัวอีกนัดในเกมเปิดรังพบ คริสตัล พาเลซ วันพุธที่ 23 เมษายนนี้ ก่อนได้พักในช่วงสุดสัปดาห์ที่เป็นโปรแกรมเอฟเอ คัพ ซึ่งทีมตกรอบไปแล้ว
อาร์เซน่อล น่าจะพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับอีกหนึ่งเกมสุดสำคัญในฤดูกาลนี้ที่มีตั๋วนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเดิมพัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT