ทดสอบระบบครั้งที่ 2

ผลเสมอนัดที่ 3 จาก 4 นัดหลังสุดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์มากยิ่งขึ้น โดยต้องการเพียงคะแนนเดียวในเกมเปิดรังแอนฟิลด์พบ สเปอร์ส ก็จะคว้าแชมป์ทันที
แต่สำหรับ อาร์เซน่อล โฟกัสสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การเตรียมตัวก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก นัดแรก ที่รออยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นัดนี้ มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนทีม 4 ตำแหน่งจากนัดบุกชนะ อิปสวิช 4-0
แบ็กสองข้างกลับมาใช้ตัวจริง เจอร์เรียน ทิมเบอร์ และ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ แทน เบน ไวท์ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
ตรงกลางเรียก โธมัส ปาร์เตย์ กลับมาเป็นตัวจริง แต่ไม่มีชื่อ มิเกล เมริโน่ ทั้งตัวจริงและสำรองเพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน เช่นเดียวกับ เบน ไวท์
ปีกขวาพัก บูคาโย่ ซาก้า เป็นสำรอง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จึงได้ออกสตาร์ตแทน
เทียบกับชุดไล่ยิงม้าขาวแล้ว อาร์เตต้า เน้นมากขึ้นในการจัดตัวเจอ พาเลซ ที่เกือบเป็นชุดดีสุดยกเว้นเพียง เมริโน่ ที่ไม่สมบูรณ์ และ ซาก้า ที่เจ็บเล็กน้อยจากนัดล่าสุด
ส่วน พาเลซ ของกุนซือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ตัดสินใจพัก ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ดาวยิงตัวเก่งเป็นแค่สำรองเพราะวันเสาร์นี้ต้องเปิดศึก แอสตัน วิลล่า ในเอฟเอ คัพ รอบตัดเชือก เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เด็กเก่าปืนใหญ่จึงได้ลงตัวจริงในการกลับมาเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกครั้ง ส่วนตัวหลักอีกรายที่ได้พักเป็นสำรองคือ อิสไมล่า ซาร์
ถือว่าทั้่งสองทีมจัดตัวคล้ายกันตรงที่กองหน้าและปีกตัวจริงไม่ได้เป็นตัวจริง และนัดต่อไปมีเกมที่น่าจะสำคัญที่สุดในฤดูกาลรออยู่เหมือนกัน
จุดน่าสนใจอย่างแรกของ อาร์เซน่อล คือการกลับมาของ โธมัส ปาร์เตย์ ที่ได้เล่นร่วมกับ เดแคลน ไรซ์ และ มาร์ติน โอเดการ์ด อีกครั้ง
ปาร์เตย์ จะพลาดเกมพบ เปแอสเช นัดแรก แต่จะพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมนัดสองที่ฝรั่งเศส
กองกลางวัย 31 ปี ทำให้เห็นอีกครั้งว่าช่วยให้แดนกลางของ อาร์เซน่อล ไหลลื่นได้ดีขนาดไหน และโชว์ชั้นเชิงลีลาออกมาเป็นว่าเล่นทั้งกระดกบอลหนีคู่แข่ง พลิก/บังบอลแล้วเล่นต่อเนียนตา เป็นช่วงที่ฟอร์มดีและมั่นใจในการเล่นอย่างมาก
อาร์เตต้า ทดลองทีมแบบไม่มี ปาร์เตย์ ไปแล้วในเกมกับ อิปสวิช ส่วนนัดนี้เหมือนซักซ้อมความเข้าใจให้มากขึ้นเมื่อ ปาร์เตย์ กลับมา
ส่วนแนวรุกที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงตัวจริงในตำแหน่ง "ฟอลส์ ไนน์" 2 นัดติด และยิงได้ถึง 3 ประตู จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญสำหรับ อาร์เตต้า ในเกมยุโรปอย่างแน่นอน
ทรอสซาร์ น่าจะได้เป็นตัวจริงในเกมแรกกับ เปแอสเช เพราะต้องถอย เมริโน่ ไปเล่นกลาง ส่วนนัดสองอาจต้องกลับไปสำรองอีกครั้งเพราะ ปาร์เตย์ กลับมา เมริโน่ ก็จะถูกดันมาเล่นหน้าอีกครั้ง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรอดูความฟิตของ เมริโน่ กันแบบวันต่อวันหลังจากพลาดช่วยทีมนัดล่าสุด
การลงได้หรือไม่ได้ของ เมริโน่ มีผลต่อแท็กติกการเล่นที่ อาร์เตต้า จัดวางอย่างมากเพราะเป็นอีกหนึ่งตัวสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในช่วงหลัง
นอกจากการมีส่วนร่วมถึง 10 ประตู (ยิง 6 แอสซิสต์ 4) นับตั้งแต่ถูกปรับมาเล่นกองหน้าในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมาแล้ว การเล่นร่วมเพื่อนร่วมทีมของ เมริโน่ ก็ทำได้ดีมาก จังหวะบอลไม่เสีย เชื่อมเกมได้ดี และสอดหาโอกาสลุ้นทำประตูได้เรื่อยๆ
ในนัดแรกกับ เปแอสเช ที่ไม่มี ปาร์เตย์ อยู่แล้ว อาร์เตต้า ต้องลุ้นให้ เมริโน่ ฟิตทันเพื่อเสียบลงตรงกลาง ขณะที่อีกตัวเลือกตามตำแหน่งเลยคือ จอร์จินโญ่ ยังมีปัญหาบาดเจ็บ
อ่านใจของ อาร์เตต้า คงไม่อยากงัดแผน 3 หรือ 4 เช่นขยับ ไมล์ส ลูอิส-สเกลลี่ มาเล่นตรงกลาง แต่หาก เมริโน่ รวมไปถึง จอร์จินโญ่ ฟิตไม่ทันจริงๆ ก็คงเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นหมายความว่า ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ต้องพร้อมด้วยซึ่งก็เป็นเครื่องหมายคำถามอีกเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่ อาร์เตต้า คาดหวังมากสุดคือ เมริโน่ สามารถช่วยทีมได้ แผนที่วางเอาไว้จึงจะไม่ถูกปรับแก้มากนัก
อีกจุดที่ยังไม่ลงตัวคือ ความผิดพลาดส่วนบุคคลที่ วิลเลียม ซาลีบา พลาดอีกครั้งเหมือนเกมเจอ เรอัล มาดริด
ซาลีบา ช่วยทีมได้เกือบทุกจังหวะ เปอร์เซ็นต์ผ่านบอลแม่นยำอันดับต้นๆ ของทีม แต่การพลาดเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่กี่วันแบบนี้คือสิ่งที่ อาร์เตต้า และตัวของ ซาลีบา ต้องเตือนตัวเองให้มีสมาธิมากขึ้น
แนวรุก เปแอสเช มีความเร็ว และกระหายในการเล่นอย่างมาก ซาลีบา มีโอกาสโดนไล่จี้ถึงตัวได้ทุกเวลาหากประมาทหรือลังเลในการจ่ายบอล
ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ส่วนบุคคลคือสิ่งที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงให้ได้เพราะส่งผลเสียหายโดนลงโทษทันที และอาจทำให้ขวัญกำลังใจของทีมเสียด้วย
ในภาพรวม อาร์เตต้า ไม่ได้ทดลองแท็กติกในเกมกับ พาเลซ มากเท่านัดเจอกับ อิปสวิช การเปลี่ยนตัว 3 คนก็เป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่ง ระบบการเล่นยังเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวเลือกมีน้อยลงจากอาการบาดเจ็บของทั้ง เมริโน่ และ ไวท์ ยังไม่ต้องนับกลุ่มที่เดี้ยงอยู่แล้ว
2 ประตูที่เสียในเกมนี้มาจากความยอดเยี่ยมในการเล่นของ พาเลซ รวมถึงความผิดพลาดของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า ต้องปรับแก้ให้ได้
อาร์เซน่อล จะปล่อยให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พาบอลเข้าถึงพื้นที่อันตราย และได้ลุ้นยิงบ่อยครั้งแบบที่เกิดขึ้นในเกมกับ พาเลซ ไม่ได้
ไม่เช่นนั้น ความได้เปรียบกับการเล่นในบ้านนัดแรก อาจกลายเป็นความ "เสียเปรียบ" ก่อนถึงนัดสองที่ฝรั่งเศส
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT