ปิดฉาก
เรือใบสีฟ้าแล่นฉิวไล่ทุบสถิติเป็นว่าเล่นจนดูราวกับว่านี่คือขนมกรุบที่ขอเพียงฤดูกาลเดียวก็จัดการได้หมด
เก็บคะแนนมากสุด (100 คะแนน), ชนะมากนัดสุด (32 นัด) และ ยิงได้มากสุด (106 ประตู)
นอกจากนี้ยังชนะนอกบ้านมากที่สุดที่ 16 นัด มีส่วนต่างประตูได้-เสียบวกถึง 79 ประตู และทิ้งห่างรองแชมป์ไกลลิบ 19 คะแนน
38 นัดในฤดูกาล หรือคิดเป็น 3,420 นาที แมนฯ ซิตี้ มีช่วงเวลาที่ตามหลังคู่แข่งรวมกันเพียง 153 นาที นี่ก็เป็นสถิติใหม่อีกเช่นกัน
รวมแล้ว แมนฯ ซิตี้คว้าแชมป์พร้อมทำสถิติเด่นชัดขึ้นมาถึง 7 อย่าง มันจึงคู่ควรที่ต้องยกให้พวกเขาคือหนึ่งในสุดยอดทีมตลอดกาล
7 สถิติสำคัญที่แมนฯ ซิตี้ ทำลายในฤดูกาลนี้
ในชาร์ตดาวซัลโวอาจไม่มีใครสู้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ แฮร์รี่ เคน ที่ซัดถึงหลัก 30 ประตูได้ แต่ในชาร์ตแอสซิสต์กลับยึดครอง 4 อันดับแรกเอาไว้หมดไล่ตั้งแต่ เควิน เดอ บรอยน์ (16), ลีรอย ซาเน่ (15), ราฮีม สเตอร์ลิง และ ดาบิด ซิลบา (11 เท่ากัน)
นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติโดย Opta ในฤดูกาล 2003/04 เป็นต้นมา แมนฯ ซิตี้เป็นทีมแรกที่ผ่านบอลทะลุ 1,000 ครั้งต่อนัดซึ่งเกิดขึ้นในวันถลุงสวอนซี 5-0
10 อันดับนักเตะที่ผ่านบอลมากสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกเป็นนักเตะแมนฯ ซิตี้ 3 คน และทั้ง 3 ทำได้ในฤดูกาลนี้นั่นคือ นิโกลัส โอตาเมนดี้, แฟร์นันดินโญ่ และ เควิน เดอ บรอยน์
กรานิต ชาคา ทำสถิติอันดับ 1 ที่ผ่านบอลมากสุด แต่ความแม่นยำเป็นโอตาเมนดี้ที่จ่ายได้เข้าเป้ามากกว่าแม้ผ่านบอลน้อยกว่า
ท่ามกลางดงแข้งซูเปอร์สตาร์เต็มทีม ยังมีอีกสถิติน่าภูมิใจของแมนฯ ซิตี้ ที่เจียดให้กับ ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของทีมที่กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ได้เหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยวัยเพียง 17 ปี 350 วัน
นั่นคือตัวเลขบ่งบอกความยอดเยี่ยมของแมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาล 2017/18
แข้งเรือใบ 3 คนผ่านบอลติดอันดับท็อป 10 ตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาลนี้ยังมีสถิติน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงทิศทางบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนไป
อันดับ 10 นิวคาสเซิ่ลจบฤดูกาลด้วยการมี 44 คะแนน ไม่เคยมีอันดับ 10 ฤดูกาลใดที่คะแนนน้อยเท่านี้มาก่อน
พรีเมียร์ลีกปรับเหลือ 20 ทีมในฤดูกาล 1995/96 คะแนนเฉลี่ยของทีมอันดับ 10 คือ 49 คะแนน
ใน 8 ฤดูกาลหลังมีเพียงเชลซีที่ได้ 50 คะแนนในฤดูกาล 2015/16 และนิวคาสเซิ่ลที่ได้ 49 คะแนนในฤดูกาล 2013/14 ที่ทำได้เท่ากับหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยของทีมอันดับ 10
ต่างจาก 15 ฤดูกาล ระหว่าง 1995/96 ถึง 2009/10 ที่มีถึง 10 ทีมเก็บคะแนนได้มากกว่าค่าเฉลี่ย
หากไม่นับ ''บิ๊กซิกซ์'' และเบิร์นลี่ย์ที่ทำได้ดีเกินคาดแล้ว อีก 13 ทีมที่เหลือไม่มีทีมใดเก็บได้ถึง 50 คะแนน และอันดับ 10 อย่างนิวคาสเซิ่ลก็ห่างจากทีมบ๊วยเวสต์บรอมวิชเพียง 13 คะแนน
ก่อนหน้านี้มีเพียงฤดูกาล 1996/97 ที่คะแนนของอันดับ 10 อย่างสเปอร์ส ห่างจากบ๊วยฟอเรสต์น้อยกว่าที่ 12 คะแนน
ในกลุ่มทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมา ฤดูกาลล่าสุดคือครั้งที่ 3 ที่ 3 ทีมน้องใหม่เอาตัวรอดได้หมดไม่ว่าจะเป็น นิวคาสเซิ่ล (อันดับ 10), ไบรท์ตัน (อันดับ 15) และฮัดเดอร์สฟิลด์ (อันดับ 16)
2 ครั้งก่อนหน้านี้คือฤดูกาล 2011/12 ที่ นอริช, ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และสวอนซี กอดคอรอดด้วยกัน ขณะที่ 10 ปีก่อนนั้นก็เป็น แบล็คเบิร์น, โบลตัน และฟูแล่ม ได้วีซ่าอยู่ต่อ
แนวโน้มของทีมกลางตารางเริ่มห่างชั้นทีมท็อปซิกซ์
ในลิสต์นักเตะโคตรทรหด ไม่เจ็บ ไม่ไข้ และไม่ติดโทษแบนจนลงเล่นทุกนัดทุกนาทีก็มีถึง 10 คนด้วยกัน โดยที่เป็นแข้งเอาต์ฟิลด์ 5 คนคือ แจ็ค คอร์ก (เบิร์นลี่ย์), ลูอิส ดังค์ (ไบรท์ตัน), มาเธียส ยอร์เกนเซ่น (ฮัดเดอร์สฟิลด์), แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (เลสเตอร์) และ อัลฟี่ มอว์สัน (สวอนซี)
ที่เหลืออีก 5 เป็นผู้รักษาประตู อาเมียร์ เบโกวิช (บอร์นมัธ), ลูคัส ฟาเบียนสกี้ (สวอนซี), โยนาส ลอสเซิ่ล (ฮัดเดอร์สฟิลด์), จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน และ แม็ตต์ ไรอัน (ไบรท์ตัน)
ถ้าต้องยกย่องผลงานส่วนตัวที่โดดเด่นที่สุดย่อมเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผู้ไล่ทุบสถิติและกวาดรางวัลเป็นว่าเล่น
แข้งสัญชาติอียิปต์ทำประตูที่ 32 ได้สำเร็จในนัดสุดท้ายของฤดูกาลซึ่งประตูนี้ทำให้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมาในทันที โดยยิงได้มากกว่า อลัน เชียเรอร์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ หลุยส์ ซัวเรซ ที่เคยครองสถิติร่วมกันที่ 31 ประตู (นับเฉพาะยุคพรีเมียร์ลีกที่ปรับมาเหลือ 20 ทีม)
ทิ้งทายฤดูกาลนี้หากไม่พูดถึง อาร์แซน เวนเกอร์ ก็คงไม่ได้
เวนเกอร์สิ้นสุดบทบาทกับอาร์เซน่อลหลังเกมบุกชนะฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-0 ซึ่งเป็นชัยชนะนอกบ้านนัดแรกของทีมในปี 2018
กุนซือชาวฝรั่งเศสคุมปืนโตนัดแรกในเกมบุกชนะแบล็คเบิร์น 1-0 เมื่อปี 1996
ซาลาห์ ทำลายสถิติของ เชียเรอร์, โรนัลโด้ และ ซัวเรซ ลงได้สำเร็จ
รวมแล้วนำปืนใหญ่ลงเล่นทุกรายการ 1,235 นัด ได้ 3 แชมป์พรีเมียร์ลีก, 7 แชมป์เอฟเอ คัพ เป็นดับเบิลแชมป์ 2 ครั้ง และที่สุดของที่สุดคือ แชมป์ไร้พ่ายที่ยังคงเป็นมาตรฐานสูงลิบหาทีมใดทำได้ยาก
แต่ฝันที่เจอก็มีไม่น้อย เขาอกหักในรอบชิงฯ ถ้วยยุโรป 2 รายการทั้งยูฟ่า คัพ ปี 2000 ที่พ่ายจุดโทษต่อกาลาตาซาราย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2006 ที่พ่ายบาร์เซโลน่า 1-2 รวมถึงลีก คัพ ทั้ง 3 ครั้งที่พาทีมเข้าชิงในปี 2007, 2011 และล่าสุด 2018
ฤดูกาลนี้ยังพาทีมจบเพียงที่ 6 ซึ่งแย่สุดนับตั้งแต่คุมทีม แถมยังแพ้นอกบ้านถึง 11 นัด มากที่สุดอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การคุมทีมยาวนาน 22 ปี และ 828 นัดในพรีเมียร์ลีกของเวนเกอร์ น่าจะเป็นสถิติที่คงไม่มีใครทำลายลงได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ไม่มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่มี อาร์แซน เวนเกอร์ อีกต่อไป พรีเมียร์ลีกเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่เต็มตัวนับจากวันนี้....
อาร์แซน เวนเกอร์ ปิดฉาก 22 ปีกับอาร์เซน่อล
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT