ทำไมต้องเอเมรี่
ปืนใหญ่ตัดสินใจเลือก อูไน เอเมรี่ ไม่ได้มีเพียงแค่ว่า อดีตกุนซือเปแอสเชไร้ปัญหากับขอบเขตงานที่ถูกตีกรอบไว้ชัดเจนว่าเป็น "เฮดโค้ช" ไม่ใช่ "ผู้จัดการทีม" ในแบบ เวนเกอร์ และผู้จัดการทีมคนอื่นในพรีเมียร์ลีก
เป็นการระบุชัดเจนถึงโครงสร้างของสโมสรที่ปรับเปลี่ยน มีแบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ไม่ได้ดูครอบคลุมหลายบทบาทเหมือนที่เวนเกอร์ทำมาตลอด 22 ปี
งานด้านต่างๆ ที่ เวนเกอร์ ช่วยดูช่วยให้คำปรึกษาได้มีคนรับหน้าที่แทนแล้วในหลายตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น ราอูล ซานเยฮี หัวหน้ากิจกรรมฟุตบอล, สเวน มิสลินสตัท หัวหน้าแมวมอง และ ฮัสส์ ฟาห์มี่ ที่มีภารกิจเจรจาเรื่องสัญญานักเตะโดยเฉพาะ
นี่จึงไม่ใช่เพียงการมีกุนซือใหม่ แต่เป็นการเริ่มต้น ''ยุคใหม่'' ของอาร์เซน่อลอย่างแท้จริง
อีวาน กาซิดิช ซีอีโอปืนใหญ่ป่าวประกาสมีเงินให้ เอเมรี่ ช้อปก้อนโต แต่อย่างที่รู้กันว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะทุ่มแข่งกับ 2 ทีมแมนเชสเตอร์ รวมถึง เชลซี
เอเมรี่ รู้ในเบื้่องต้นอยู่แล้วว่าต้องใช้เงินให้เป็น
ภาพลักษณ์นี้ของ เอเมรี่ ค่อนข้างเด่นเรื่องนี้ตอนทำเซบีย่า เขาแทบไม่ได้ทุ่มซื้อใครด้วยเงินก้อนโต หลายต่อหลายคนมักไปดึงจากที่อื่นในราคาถูกๆ หรือไม่ก็ดันขึ้นมาจากทีมเยาวชน
ตอนทำ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อาจมีพร้อมมากกว่าในเรื่องเงินทุน แต่เอเมรี่ก็ถนัดกับแนวทางเดิมๆ แพงสุดที่ซื้อคือ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ที่ 34 ล้านยูโร
ส่วนในรายของ เนย์มาร์ ที่จ่ายค่าฉีกสัญญาถึง 222 ล้านยูโร หรือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ยืมมาก่อนซื้อขาดด้วยเงินก้อนโตในซัมเมอร์นี้ก็เป็นความต้องการของเจ้าของทีมมากกว่า
ค่าเหนื่อยของเอเมรี่ เป็นอีกจุดที่ทำให้สอบผ่านกับความต้องการของบอร์ดบริหาร
อาร์เซน่อลไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดตรงนี้แต่ว่ากันว่ารับเพียงปีละ 5 ล้านปอนด์เท่านั้น น้อยกว่า อาร์แซน เวนเกอร์ (8.3 ล้านปอนด์ต่อปี) และเทียบไม่ติดเลยกับ 2 กุนซือเมืองแมนเชสเตอร์ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ โชเซ่ มูรินโญ่
แต่ที่เหนือกว่าทุกคนในการเอาชนะใจ อีวาน กาซิดิส, ราอูล ซานเยฮี และ สเวน มิสลินสตัท คือ ความชัดเจนในการนำเสนอแผนงานคุมทีม
เอเมรี่ทำการบ้านมาดีมาก สามารถบอกข้อมูลของนักเตะทุกคนในทีมได้อย่างละเอียด พร้อมวิเคราะห์ว่าใครมีจุดแข็ง-จุดตรงไหน และจะพัฒนาทีมให้ดีขึ้นอย่างไร
อดีตกุนซือเปแอสเชทำได้ดีกว่าคนที่คุ้นเคยกับแข้งปืนและรู้จักสโมสรดีอย่าง มิเกล อาร์เตต้า เสียอีก
สื่อในอังกฤษเผยอีกว่า เอเมรี่ต้องการสร้างทีมโดยให้ อารอน แรมซี่ย์ กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เป็นแกนหลัก
ความชัดเจนในการนำเสนอแผนงานที่ไม่ได้ขัดกับเงื่อนไขของอาร์เซน่อล อย่างเช่นต้องมีงบเท่านู้นเท่านี้ทำให้ท้ายที่สุด อูไน เอเมรี่ แซงโค้งเข้ารับตำแหน่งกุนซืออาร์เซน่อลแบบเซอร์ไพรส์นิดๆ
เอเมรี่พยายามสร้างความประทับใจด้วยการใช้ภาษาอังกฤษในงานแถลงข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทั้งนักข่าวและแฟนบอลต่างลุ้นเอาใจช่วยกว่าจะผ่านแต่ละประโยคไปได้
กุนซือสแปนิชยังสื่อสารภาษาอังกฤษไม่คล่องมากนัก แต่อยากสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกและแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัว
เรื่องภาษาอาจเป็นติดขัดในการสื่อสารช่วงแรก แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ และเอเมรี่ก็ต้องการคนที่ทำงานกับสโมสรอยู่แล้วเป็นสตาฟฟ์ด้วย นอกเหนือไปจากทีมงานที่หอบหิ้วกันมาจากเปแอสเช
หลักใหญ่ใจความในการแสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้านักข่าวคือ ต้องการพาอาร์เซน่อลกลับมาลุ้นแชมป์ในทุกรายการที่ลงแข่งโดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก
เจ้าของแชมป์ยูโรปา ลีก 3 สมัยกับ เซบีย่า เชื่อว่าการจะพัฒนาทีมได้ต้องมีเป้าหมายที่สูงขึ้น และเมื่อกลับมาลุ้นแชมป์จนทำสำเร็จได้ก็จะไปถึงเป้าหมายใหญ่นั่นคือ ยกระดับทีมให้เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของยุโรป
เอเมรี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการต้องรีบดึงใครเข้ามา เขาเน้นไปที่นักเตะที่มีอยู่ และหวังจะเค้นศักยภาพของแต่ละคนออกมาให้ได้มากที่สุด
ตอนคุมบาเลนเซียต่อด้วยเซบีย่า เอเมรี่เก่งกาจมากในการพัฒนานักเตะจนก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักและมีชื่อเสียงในวงการ
ดาบิด ซิลบา, ฆวน มาต้า, ดาบิด บีย่า, จอร์ดี้ อัลบา (บาเลนเซีย) และ อัลบาโร่ เนเกรโด้, การ์ลอส บักก้า, เจฟเฟร่ย์ กงด็อกเบีย, อิวาน ราคิติช (เซบีย่า) ล้วนเคยทำงานร่วมกับ เอเมรี่
ขนาดไปคุมเปแอสเชยังเลือกให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง เพรสเนล คิมเพมเบ้ และ โจวานี่ โลเซลโซ่ จนกลายเป็นตัวหลักทั้งที่สามารถแทงเรื่องให้บอร์ดซื้อแข้งดังมากประสบการณ์มาร่วมทีมได้ไม่ยาก
เจาะลึกลงไปในสไตล์การทำทีม เอเมรี่บอกว่าเขาต้องการเห็นทีม ''เพรสซิ่ง'' ให้หนักในเวลาที่ไม่มีบอล และชื่นชอบการครองบอลซึ่งเป็นพื้นฐานของอาร์เซน่อลอยู่แล้ว
พูดถึงการไล่บี้คู่แข่งเวลาไม่มีบอล หลายคนอาจเป็นห่วง เมซุต โอซิล จะเข้าระบบเอเมรี่หรือไม่ แต่กุนซือวัย 46 ปี บอกว่าเขาชอบทำงานกับนักเตะที่มีพรสวรรค์อยู่แล้ว ทำความคุ้นเคยกันสักระยะคงได้ไอเดียว่าต้องปรับแต่งยังไง
ในเบื้องต้นเอเมรี่ได้พบกับนักเตะบางรายที่ไม่ได้มีภารกิจไปเข้าแคมป์ฟุตบอลโลก กลุ่มนี้จะเป็นแกนหลักในช่วงปรีซีซั่น
เมื่อศึกใหญ่ที่รัสเซียจบลง ส่วนที่เหลือทยอยกลับสโมสร เอเมรี่ถึงจะประเมินศักยภาพของทีมได้ระดับหนึ่ง และตัดสินใจได้ว่าควรดึงผู้เล่นใหม่มาเสริมในตำแหน่งใด
ฤดูกาลสุดท้ายของเวนเกอร์ ที่จบอันดับแย่สุดตลอดการคุมทีม 22 ปี พร้อมทำสถิติย่ำแย่หลายอย่าง คือเรื่องน่าผิดหวัง แต่อีกมุม ก็เป็นเรื่องดีสำหรับกุนซือใหม่ที่ไม่ต้องเจอความกดดันสูงลิบแต่แรก
ช่องว่างของ ''บิ๊กซิกซ์'' กับทีมที่เหลือยังมีพอสมควร ภารกิจของเอเมรี่จึงเป็นการลดช่องว่างในกลุ่มนำด้วยกัน
แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์โดยทิ้งห่างอาร์เซน่อลถึง 37 คะแนน ตรงนี้คือโจทย์ที่เอเมรี่ต้องทำให้แคบลงกว่าเดิม และถ้าเอาเป้าหมายที่ไม่เพ้อฝันคือพาทีมกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ จะด้วยอันดับท็อปโฟร์ในตาราง หรือ แชมป์ยูโรปา ลีก ที่เอเมรี่ถนัดอยู่แล้ว
22 ปีกับการเปลี่ยนกุนซืออีกครั้ง และเข้ามาแทนคนที่เป็นตำนานอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ต่อให้ไม่ต้องมีคนรอบข้างบอกกล่าวก็ย่อมรู้ดีว่าภารกิจครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก
แต่เฮดโค้ชที่ชื่อ "อูไน เอเมรี่" พร้อมแล้วสำหรับความท้าทาย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT