ฟุตบอลโลก 1938 : อัซซูรี่ป้องกันแชมป์
อุรุกวัยและอาร์เจนตินาปฏิเสธเข้าร่วมแข่งขันทำให้มีเพียงบราซิลที่เป็นชาติเดียวจากอเมริกาใต้เข้าร่วมแข่งขัน ขณะที่ คิวบา และ ดัตช์ อีสต์ อินดีส์ (อินโดนีเซียในปัจจุบัน) ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกร่วมกับ โปแลนด์ และ นอร์เวย์
นอกจากนี้ทัวร์นาเมนต์นี้ยังเป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพและแชมป์เก่าได้รับสิทธิ์ให้ผ่านเข้ารอบไปโดยอัตโนมัติ
มีขุนพลทีมชาติอิตาลีจากชุดแชมป์ 4 ปีก่อนติดทีมมาป้องกันแชมป์นำโดย จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า และ โจวานนี่ เฟร์รารี่ รวมถึง ซิลวิโอ ปิโอล่า ดาวยิงตัวเก่งที่สังหาร 2 ประตูในรอบชิงชนะเลิศที่ชนะฮังการี 4-2
ฟุตบอลโลก 1938 กลายเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาระดับนานาชาติสุดท้ายที่มีการแข่งขันก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มขึ้นในอีกปีต่อจากนั้น ในช่วงนั้นเกิดความขัดแย้งในหลายประเทศจนตึงเครียดไปทั่วยุโรป สเปนก็มีสงครามกลางเมืองจนไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันที่ฝรั่งเศสได้
ออสเตรียที่ผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่จากการที่พวกเขาผนวกรวมเข้ากับเยอรมันทำให้ต้องถอนตัว และเหลือทีมในรอบสุดท้ายเพียง 15 ทีม โดยที่นักเตะบางส่วนของทีมย้ายไปเล่นให้ทีมชาติเยอรมัน
จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า (ซ้าย) กัปตันอิตาลี กับ เอเตียง มัตต์เลอร์ กัปตันฝรั่งเศสเจ้าภาพ ยืนลุ้นการโยนเหรียญเสี่ยงทายก่อนเกมรอบก่อนรองชนะเลิศ
15 ทีมสุดท้ายแข่งแบบน็อกเอาต์แพ้ตกรอบทันที สวีเดน ชนะผ่าน ออสเตรีย ที่ถอนตัว ส่วน บราซิล กับ โปแลนด์ กลายเป็นทีมที่มีการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกเมื่อทัพแซมบ้าเบียดชนะไปสุดระทึก 6-5 ในช่วงต่อเวลาจากแฮตทริกของ เลโอนีดาส ดาวยิงตัวเก่งที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นก่อนซัดรวม 7 ประตูและกลายเป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์
แต่ แอร์นส์ท วิลิมอฟสกี้ ของโปแลนด์ก็จารึกชื่อให้ตัวเองได้เช่นกันเมื่อเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ 4 ประตูในนัดเดียว เขาช่วยให้ทีมที่ตามหลัง 1-3 ตีเสมอ 3-3 และซัดตีเสมอ 4-4 จนต้องไปลุ้นช่วงต่อเวลาก่อนแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย
อีกหนึ่งไฮไลต์ในสัปดาห์แรกคือ สวิตเซอร์แลนด์ เอาชนะ เยอรมนี ลงได้ นัดแรกเสมอกัน 1-1 ก่อนทัพนักเตะจากแดนนาฬิกาจะเอาชนะ 4-2 ในนัดรีเพลย์ ทัพอินทรีเหล็กคุมทัพ เซ็ปป์ เฮอร์แบร์เกอร์ ที่อีก 16 ปีต่อมากลับมาคุมเยอรมันได้แชมป์โลกจนได้ แต่ในฟุตบอลโลกครั้งนั้นเขาเสียท่าให้กับ คาร์ล รัปแปน กุนซือชาวออสเตรียของสวิตเซอร์แลนด์ที่งัดกลยุทธ์ ''Swiss bolt'' มาใช้และกลายเป็นต้นแบบสไตล์การเล่น ''คาเตนัชโช่'' ของอิตาลีอันโด่งดังและน่าเบื่อสำหรับแฟนบอล
แชมป์เก่าอิตาลีของกุนซือ ปอซโซ่ มาด้วยแรงกระหายในการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นแชมป์ครั้งก่อนเพราะความได้เปรียบในฐานะเจ้าภาพ พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเอาชนะนอร์เวย์ได้ในนัดแรกก่อนไล่ทุบฝรั่งเศสตกรอบคาบ้านด้วยสกอร์ 3-1
เกมรอบก่อนรองชนะเลิศอีกคู่ระหว่าง บราซิล กับ เชโกสโลวาเกีย ใส่กันดุเดือดเกินลิมิตจนมีผู้เล่นโดนไล่ออกถึง 3 คน แถมแข้งขาหักอีกต่างหากนั่นคือ ฟรานติเซ็ค พลานิก้า นายทวารเชโกฯ ที่แขนหัก ขณะที่ โอลด์ริช เนเยดลี่ ที่เป็นดาวซัลโว 4 ปีก่อนก็ถึงขั้นขาหักหลังทำประตูตีเสมอได้ 1-1
"ดัตช์ อีสต์ อินดี้ส์" หรือปัจจุบันคือ "อินโดนีเซีย" ชาติจากเอเชียทีมแรกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
เลโอนีดาส คือหนึ่งใน 2 ผู้เล่นของบราซิลที่ไม่ถูกถอดเป็นสำรองในนัดรีเพลย์ก่อนช่วยทีมเบียดชนะไป 2-1 โดยที่เป็นคนยิงประตูตีเสมอให้กับทีม และได้เข้าไปพบกับแชมป์เก่าอิตาลีในรอบตัดเชือก
อเดมาร์ พีเมนต้า กุนซือทัพแซมบ้าดร็อป เลโอนีดาส จากตัวจริงเพราะความย่ามใจมองข้ามชอตถึงรอบชิงฯ ซึ่งการตัดสินใจของเขาก็ผิดพลาดจนได้เพราะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่ออิตาลีไป 1-2 ทำให้ได้เพียงชิงอันดับ 3 ขณะที่ เลโอนีดาส ที่แฟนบอลในยุโรปมอบฉายาว่า ''เพชรดำ'' กลับมาเป็นตัวจริงในนัดสุดท้ายก่อนซัด 2 ประตูพาทีมเอาชนะสวีเดน 4-2 คว้าอันดับ 3 กลับบ้านปลอบใจ
อีกคู่ของรอบรองฯ ฮังการี ปะทะ สวีเดน ทีมจากสแกนดิเนเวียต้องการชัยชนะเพื่อฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพครบ 80 ปีของสมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 5 ทว่ากลับเป็นแข้งฮังกาเรียนที่นำโดยหัวหอกตัวเก่งอย่างกุลล่า
เกมนัดชิงชนะเลิศจัดขึ้นที่สนามสต๊าด โอลิมปิก เด โคลอมเบส กรุงปารีส เป็นการเจอกันของ 2 ทีมยุโรป วิตตอริโอ ปอซโซ่ ช่วยให้ทีมเลี่ยนผงาดนำอย่างรวดเร็ว แต่ขุนพลแม็กยาร์ก็ตามตีเสมอทันควัน เกมสนุกและสูสี ทว่าอิตาลีมีการจบสกอร์ที่คมกว่าและนำในสกอร์ 3-1 หลังจบครึ่งแรกก่อนเก็บชัยชนะไปได้ 4-2
เลโอนีดาส ดาวซัลโวฟุตบอลโลก 1938 พร้อมเหรียญเข้าร่วมการแข่งขัน
ภายหลังทีมชาติอิตาลีป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกไว้ได้ก็มีข้อพิพาทว่าผู้เล่นฮังการีบางคน (ผู้รักษาประตูชื่อว่า อันทัล ซาโบ) ยอมเปิดทางให้อิตาลีคว้าแชมป์โลกเพื่อเซฟชีวิตนักเตะอิตาลีเอง ก่อนรอบชิงฯ จะเริ่มขึ้น นายกรัฐมนตรีฝั่งขวาจัดในประเทศส่งแฟกซ์ข้อความมาทำนองว่า ''Vincere or morire'' ซึ่งความหมายที่แท้จริงของผู้นำอิตาลีก็คือ ''จงนำชัยชนะกลับมาสู่ประเทศ'' แต่นายประตูของฮังการีกลับแปลความหมายผิดนึกว่าเป็นคำขู่หมายเอาชีวิตนักฟุตบอลอิตาลีแทน
''ผมอาจยอมปล่อยให้ 4 ลูกเข้าประตู แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็ได้เซฟชีวิตของนักเตะอิตาลีทั้งทีม'' คำกล่าวอ้างของ ซาโบ หลังจากตกเป็นข่าวครั้งนั้น ก่อนในเวลาต่อมา เจ้าตัวยอมรับว่าแปลความหมายข้อความนั้นผิดจริงๆ
หลังจบฟุตบอลโลก 1938 สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้นทำให้ทัวร์นาเมนต์ลูกหนังนี้ไม่มีการแข่งขันตลอด 12 ปีเต็มจนกระทั่งกลับมาอีกครั้งในปี 1950
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT