ปล่อยผี

มาช้ายังดีกว่าไม่มา ตอนแรกว่าจะปล่อยผ่าน แต่ปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ บางที อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตคนดูลูกหนังของผู้เขียนก็เป็นได้ครับ
ผู้เขียนกำลังหมายถึง ค่ำคืนประวัติศาสตร์ ณ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว
แมนฯ ยูไนเต็ด 5 - โอลิมปิก ลียง 4
นี่เป็นสกอร์ที่บ้าบออย่างยิ่ง และยิ่งพิเศษใส่ไข่เมื่อในเวลาปกติ 90 นาที จบลงด้วยสกอร์ 2-2
นั่นหมายความว่า มีถึง 5 ประตูเกิดขึ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที (เฉลี่ยทุก 6 นาที)
อาจเป็นเกมที่แฟนผีเลียบเคียงไบโพล่า ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าและนำ 2-0 ตั้งแต่ 45 นาทีแรก มันควรจบตั้งแต่ตอนนั้น
หากแต่นี่คือปีศาจแดงที่ยังคงไว้วางใจลำบาก 20 นาทีสุดท้ายยังนำ 2 ประตูอยู่เลย แต่จู่ๆ ก็โดนตีไข่แตก และไม่ทันตั้งตัวก็โดนตีเสมอซะอย่างงั้น
มันเกือบกลายเป็นคืนประวัติศาสตร์ของลียงเช่นกัน ด้วยทีมจากแดนน้ำหอมมารัวอีก 2 ประตูในช่วงเวลาพิเศษ ทั้งที่เหลือ 10 คน
นาที 109 แมนฯ ยูไนเต็ด 2 - โอลิมปิก ลียง 4
นาทีนั้น ใครก็คิดว่าจบ สีหน้า ภาษากายของนักเตะในสนามบอกอย่างนั้น
หากแต่ 6 นาทีสุดท้าย ก็มาได้จุดโทษไล่คืนมาห่างประตูเดียว กระนั้น ด้วยนาทีที่เหลืออยู่ โอกาสพลิกนรกของผีแดงยังลำบาก
ทว่า นาที 120 ค็อบบี้ เมนู ตีเสมอ และนาที 120+1 แฮร์รี่ แม็คไกวร์ โหม่งประตูชัย 5-4
บ้าไปแล้ว!
ผีแดงเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์เกมยุโรปที่ได้มากกว่า 1 ประตูในนาที 120 เป็นต้นไป
อาการดีใจของ รูเบน อาโมริม บ่งบอกความรู้สึกทุกอย่าง
นี่คืออีกหนึ่งค่ำคืนประวัติศาสตร์ของผีแดง
มันเป็นความพิเศษบางอย่าง อย่างที่ยอดผู้จัดการทีมหลายๆ คนพึงมี
หลายคนนึกถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ผู้สร้างผีแดงให้กลายเป็นทีมโกงตายครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็นภาพจำและความเชื่อมั่นอยู่ในที
ส่วนตัวผู้เขียนนึกเปรียบเทียบกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดโค้ชชาวเยอรมัน เมื่อครั้งเริ่มต้นคุมลิเวอร์พูล และเป็นการคุมกลางซีซั่นเช่นกัน
ฤดูกาลแรกของคล็อปป์ที่แอนฟิลด์ดูยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่เข้าชิงชนะเลิศบอลถ้วย 2 รายการ แม้ท้ายสุดเป็นพระรองทั้งหมด แต่นั่นพอสะท้อนให้เห็นฝีไม้ลายมือ และแสงสว่างปลายอุโมงค์
อาโมริม กำลังทำให้ผู้เขียนรู้สึกบางอย่างในทำนองนั้น
มีหลายเกมที่ย่ำแย่ แต่ก็มีหลายเกมที่ยอดเยี่ยม เกมใหญ่หลายนัดทำได้ดี ผสมปนเป
ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว มาถึงรอบรองชนะเลิศ ยูไนเต็ดย่อมคิดถึงการคว้าแชมป์ และทางลัดสู่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า
คู่แข่งอย่าง แอธ.บิลเบา คือกระดูกชิ้นโต นี่คือเจ้าของสังเวียนนัดชิงชนะเลิศปีนี้ และแน่นอน สโมสรจากแคว้นบาสก์ย่อมต้องการฉลองโทรฟี่ในสนามของตัวเอง
กระนั้น ในเกมที่ดูเป็นรอง หลายครั้ง ผีแดงทำได้ดี บรูโน่ แฟร์นันด์ส พร้อมแผลงฤทธิ์ ด้วยลูกจ่ายเหนือชั้น นี่คือ "เดอะ แบก" ตัวจริงของยูไนเต็ดฤดูกาลนี้
เอาล่ะ ไม่ว่าท้ายสุด ปีศาจแดงจะไปได้ไกลแค่ไหน ทว่า ผลงานจากค่ำคืน 5-4 ควรค่าแห่งการฉลองอย่างยิ่ง
นึกถึงผี นึกถึงการฉลอง ผู้เขียนนึกถึงเพลงนี้ครับ
"ปล่อยผี" เพลงโปรโมตจากอัลบั้มแรกของ เดอะ ซัน วงดนตรีร็อคที่แตกมาจาก หิน เหล็ก ไฟ โดยมี โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (ร้องนำ) กับ ป๊อป-จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย (กีตาร์) เป็นคีย์แมนสำคัญ
"หนักมาแล้ว ก็ควรจะพักซะก่อน
ไม่อยากจะนอน ก็ควรออกไปผ่อนคลาย
อย่าไปกังวล อะไรมากไปไม่ดี
อึดอัดอย่างนี้ มันมีวิธีระบาย"
เป็นแฟนผีต้องอดทน แดง ไบเล่ย์ ไม่ได้กล่าวไว้ แต่อย่างที่เห็น ผลงาน 3 วันดี 4 วันไข้ พฤติกรรม "วนลูบ" ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
ณ เวลานี้ที่ผ่านเข้ารอบด้วยเกมระทึกแบบนี้ ไม่ต้องคิดมาก ฉลองสิครับรออะไร
"ปลดปล่อยวาง ชีวิตมันว่างเปล่า ให้ตัวเรา มีความสุขซะบ้าง
ปล่อยปล่อยไป ชีวิตมันแสนสั้น ให้รางวัลกับชีวิต บ้างดีไหม.."
"มาบ้าบอ กันเหอะวันนี้ ขอซักวัน ให้หายอยาก
ให้หนำใจ ไปเถอะคืนนี้ ปล่อยผีไป ให้หายอยาก"
ไม่ว่าท้ายสุดแล้ว ทีมของกุนซือฝอยทองจะถึงฝั่งฝันหรือไม่ เกมนี้จะอยู่ในความทรงจำและถูกจารึกเอาไว้ตลอดกาล
บทเพลงที่ 24 : ปล่อยผี
เนื้อร้อง : ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์
ศิลปิน : เดอะ ซัน
อัลบั้ม : เดอะ ซัน
ปี : 2539
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT