ปฏิบัติการณ์ตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการกระชาก จอร์จินโญ่ เข้ามาสู้รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ คงสร้างความสะใจเล็กๆให้กับพลพรรคสิงห์บลูส์ได้บ้างไม่มากก็น้อย
ถือเป็นการตบหน้าทัพเรือใบที่จ่อแล้วจ่ออีกที่จะได้มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีไปร่วมทีม แต่สุดท้ายก็โดนฉกไปต่อหน้าต่อตา
คงต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานของ เชลซี รวมถึงนายใหญ่ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ใช้ความสัมพันธ์ฉันท์เจ้านาย-ลูกน้อง (เก่า) ให้เป็นประโยชน์
ถามว่ากองกลางวัย 26 ปี เจ๋งถึงขนาดที่ต้องลงทุนลงแรงไปฉกมาร่วมทัพให้ได้กระนั้นเลยหรือ
คำตอบอยู่ในฝีเท้าของเจ้าตัวอยู่แล้ว แม้ว่าบางคนอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นแนวทางการเล่นของดาวเตะรายนี้เท่าไรนัก แต่เมื่อดูจากสถิติที่ผ่านมาคงต้องบอกว่าแฟนๆ เชลซี คงได้เฮฮาปาร์ตี้กันอยู่
นอกจากจะเล่นเกมรับได้เป็นอย่างดีแล้ว ทีเด็ดจากการจ่ายบอลของสตาร์รายนี้ถือว่าไม่ธรรมดา จากฟอร์มการเล่นที่ได้เห็นกันในเกมอุ่นเครื่องกับ เพิร์ธ กลอรี่
เชื่อได้เลยว่าค่าตัว 57 ล้านยูโร ที่จ่ายไปนั้นไม่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน และนี่คือเหตุผลประกอบที่ว่า จอร์จินโญ่ จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการทำให้ เชลซี กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เข้าขารู้ใจเจ้านายเป็นอย่างดี
หลังจากที่ย้ายมาอยู่อิตาลีในวัย 15 ขวบ ก็ได้เข้าเป็นนักเตะเยาวชนสังกัดสโมสรเวโรน่า กระทั่งก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2010 โดยไปปีแรกนั้นถูกปล่อยให้กับ ซามโบนิฟาเชเซ่ ทีมในระดับเซเรีย ซียืมตัวหนึ่งปีก่อนกลับสู่ต้นสังกัดจริง
และที่ เวโรน่า นี่เองเจ้าตัวสร้างชื่อด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นสู่เซเรีย อาสำเร็จ กระทั่งโดน นาโปลี ในยุคของ ราฟาเอล เบนีเตซ ดึงตัวมาร่วมทีมในเดือนมกรารม 2014 ก่อนที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะเข้มมารับงานในช่วงซัมเมอร์ปี 2015
จากที่ลงสนามบ้างไม่ได้ลงบ้าง มาในปี 2015/16 ภายใต้นายใหญ่คนใหม่ จอร์จินโญ่ คือหัวใจหลักในแดนกลางของทีม สถิติลงสนาม 35 จาก 38 ถือเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
กับฤดูกาลล่าสุด การลงสนาม 33 เกมในลีก ยิงได้ 2 ประตูบวกกับ 3 แอสซิสต์ อาจจะดูน้อย แต่อย่าลืมว่านี่คือกองกลางตัวรับก็ต้องถือว่าไม่เลว
ระบบการเล่น 4-3-3 ที่ ซาร์รี่ ใช้กับการคุม นาโปลี ถูกนำมาใช้ในการคุม เชลซี ด้วย แน่นอนว่าเขารู้จุดอ่อนจุดแข็งของ จอร์จินโญ่ เป็นอย่างดี หลังทำงานร่วมกันมา 3 ปีแล้ว
ไม่น่าแปลกที่สตาร์วัย 26 ปีจะเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดนี้อย่างแน่นอน
รายล้อมไปด้วยยอดนักเตะ
ขุมกำลังชุดปัจจุบันของ เชลซี (หากไม่เสียใครไปซะก่อน) ยังอุดมไปด้วยยอดแข้งแม้ว่าฤดูกาลที่ผ่านฟอรืมอาจจะมีติดๆขัดๆไปบ้างก็ตาม
เอแด็น อาซาร์, เชส ฟาเบรกาส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่, เปโดร โรดริเกซ, วิลเลี่ยน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นที่ช่ำชองผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
สตาร์แต่ละคนน่าจะเข้าถึงแท็คติคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่เน้นสไตล์การเล่นแบบผ่านบอลและเคลื่อนที่ได้ไม่ยาก ซึ่งทุกคนแสดงให้เห็นมาตลอด 2 ปีในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ แม้ระบบการเล่นจะแตกต่างกันไป
แผน 4-3-3 ที่มีหนึ่งกองกลางตัวรับกับสองกองกลางตัวรุก พร้อมกองหน้าสามคน และยังมีฟูลแบ็คสำหรับเติมเกมช่วยทั้งยามรุกและยามรับ
ด้วยสไตล์การเล่นที่สวยงามพร้อมด้วยศักยภาพนักเตะที่ต้องบอกว่าเหนือกว่า นาโปลี น่าจะยิ่งขับเน้นฟอร์มการเล่นของ จอร์จินโญ่ นักเตะรายอื่นๆได้แน่นอน
รับก็แจ่ม จ่ายบอลก็เจ๋ง
การมาของ จอร์จินโญ่ จะช่วยแบ่งเบาหน้าที่การงานของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยสถิติการเล่นเกมรับอันยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาลที่ผ่านมากับ นาโปลี
มิดฟิลด์วัย 26 ปีผ่านบอลถึง 3,197 ครั้ง มากกว่านักเตะทุกคนในบรรสโมสรของ 5 ลีกใหญ่ยุโรป เฉลี่ยคือเขาจะผ่านทุกๆ 50 วินาทีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเวลาในสนาม 2,665 นาที
เท่านั้นไม่พอ จอร์จินโญ่ ยังมีสถิติเข้าตัดบอลถึง 62 หนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กับเกมที่หนักหน่วงอย่างพรีเมียร์ลีกที่ใครกังวลว่าจะไหวมั้ย ก็ต้องบอกได้เลยว่า "สบายหายห่วง"
สถิติยังบอกด้วยการตัดเกมอีก 50 ครั้ง แถมด้วยการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อทำประตูอีก 49 หน ดีกว่านักเตะในแนวรุกบางคนด้ยซ้ำไป
เรียกได้ว่าดีทั้งในเกมรับ และเด็ดในการเล่นเกมรุก เอื้อประโยชน์ให้กับทีมอย่างหมาศาลเลยทีเดียว
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไม่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ถึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะดูดลูกทีมเก่ารายนี้มาทำงานด้วยกันให้ได้
เปิดหัวไปแล้วด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม
เชลซี เปิดช่วงปรีซีซั่นไปเรียบร้อยในการเล่นเกมอุ่นเครื่องที่ประเทศออสเตรเลียกับ เพิร์ธ กลอรี่
แน่นอนว่า จอร์จินโญ่ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับทีม แม้ว่าจะลงสนามเพียงแค่ครึ่งแรก แต่ก็ได้เห็นอะไรดีๆในเกมนี้มากมาย ตอกย้ำว่าทำไมเขาถึงเป็นที่ต้องการของหลายสโมสร
สถิติบ่งบอกว่าเจ้าตัวสัมผัสบอกถึง 101 ครั้ง! ในช่วงเวลา 45 นาที และผ่านบอลสำเร็จถึง 98 หน หรือเฉลี่ยผ่านบอลในทุกๆ 27 วินาที!
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เกมอุ่นเครื่อง และคู่แข็งก็เล็กเกินกว่าที่จะหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นพูดถึง แต่เกมกระชับมิตรแบบนี้นี่แหละที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับบรรดาผู้เล่นได้อย่างดีเยี่ยม
คุณภาพคับแก้วแบบนี้ไม่ต้องสงสัยว่าจะเข้ามาช่วยทำให้ เชลซี ขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่ลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลที่กำลังมาถึง