:::     :::

ผลพลอยได้จากสไตล์การทำทีม

วันอาทิตย์ที่ 05 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
4,712
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษเตรียมระเบิดศึกในช่วงสัปดาห์หน้านี้แล้วหลังจากที่เว้นช่วงปิดฤดูกาลมาร่วม 3 เดือน
         ก็ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของแฟนบอลในเมืองไทยที่ติดตามฟุตบอลลีกผู้ดีเป็นชีวิตจิตใจ
         ซึ่งจะเริ่มเปิดหัวชิมลางกันในวันอาทิตย์นี้เลยในศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก พบกับ เชลซี แชมป์เอฟเอ คัพ
         กับทีม "เรือใบ" คงไม่มีอะไรที่แปลกใหม่เท่าไรนักเพราะภายใต้การทำทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่สมัย บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค เรื่อยมา
         แต่กับ "สิงห์บลูส์" ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในตำแหน่งนายใหญ่ผู้กุมทิศทางของทีมจาก อันโตนิโอ คอนเต้ มาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ 
         แน่นอนว่าปรัชญาการทำทีมของโค้ชแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป โดยเฉพาะในเรื่องของระบบการเล่นที่ต้องปรับเปลี่ยน
         จาก 3-5-2 ของ คอนเต้ เปลี่ยนมาเป็น 4-3-3 ของ ซาร์รี่ นักเตะต้องมีการปรับตัวกันอยู่พอสมควร
         ทว่ามันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงของบรรดาแข้งดาวดังทั้งหลายเมื่อดูจากเกมอุ่นเครื่องในช่วงที่ผ่านมาถือว่าทำผลงานอยู่ในระดับที่ดีเลย
         โดยเฉพาะนักเตะบางคนที่เหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์หลังแทบจะกลายเป็นส่วนจากปีที่แล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาในตอนนี้ เห็นได้ชัดเจนฟอร์มในช่วงปรีซีซั่น
         ลองไล่ดูกันว่านักเตะคนไหนที่จะกลับมามีผลงานโดดเด่นจากระบบและสไตล์การเล่นในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กัน
เชส ฟาเบรกาส
         
         นับตั้งแต่โดดเด่นจนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลกกับ อาร์เซน่อล แต่การย้ายกลับไปยังสโมสรเมื่อครั้งเยาว์อย่าง บาร์เซโลน่า ทำให้ เชส ฟาเบรกาส คนเดิมเปลี่ยนไป
         ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่รังเก่ามิดฟิลด์ชาวสเปนมีสถิติที่ถือว่ายอดเยี่ยมกับผลงาน 42 ประตูจากการลงเล่น 151 นัด อันนี้มองในแง่ของจำนวนประตู แต่หากมองลึกลงไปถึงผลงานต้องยอมรับว่าไม่ได้โดดเด่นเทียบเท่าสมัยค้าแข้งกับทีม "ปืนใหญ่"
         อาจจะเพราะด้วยความที่ทัพอาซูลกราน่ามีดาราดังคับคั่งอยู่แล้ว บางครั้งตำแหน่งตัวจริงภายในทีมยังเป็นปัญหา
         เรียกได้ว่าถูกลดระดับความสำคัญลงจนแทบจะกลายเป็นนักเตะพื้นๆธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
         เชส ตัดสินใจกลับมาค้าแข้งในอังกฤษที่ลอนดอนอีกครั้ง แต่เปลี่ยนจากฝั่ง อาร์เซน่อล มาเป็น เชลซี ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าผลงานโดยรวมใช้ได้ แต่ภาพแห่งความยอดเยี่ยมสมัยกับทัพปืนโตก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้น เขายังไม่ใกล้เคียงกับฟอร์มการเล่นเดิมเลย
         และด้วยอายุที่มากขึ้นจนแตะเลขสามไปแล้วยิ่งดูเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาเป็นคนเดิมได้อีก
         แต่ด้วยระบบการเล่น 4-3-3 ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่มีคนคอยปัดกวาดในแดนกลางทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ จอร์จินโญ่ จะทำให้ เชส มีอิสระในการปั้นเกมได้มากกว่าที่่ผ่านมาโดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป
         เชื่อได้เลยว่ามิดฟิลด์ชาวสเปนจะกลับมาเล่นอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง บอลที่ออกจากเท้าน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยให้เกมรุกของ เชลซี ไหลลื่นขึ้นอย่างแน่นอน
ดาวิด ลุยซ์ 
           
         จะบอกได้ว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยก็ได้สำหรับกรณีของ ดาวิด ลุยซ์ ที่แทบไม่มีที่ยืนในทีมยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้
         กองหลังชาวบราซิลเป็นตัวเลือกในลำดับท้ายๆในแผงเซนเตอร์เป็นรอง อันโตนิโอ รือดิเกอร์, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, แกรี่ เคฮิลล์, หรือกระทั่ง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่ถูกหุบเข้ามาในระบบกองหลังสามคน จนทำให้มีข่าวว่าเตรียมจะอำลาถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ไปแล้ว
         แต่เมื่อเข้าสู่ยุคใหม่กับช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา ลุยซ์ ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง อาจจะมองได้ว่าบรรดากองหลังตัวหลักอยู่ในช่วงพักจากศึกฟุตบอลโลก ทว่าผลงานในสนามต้องบอกว่าไม่เลวเลย
         ถ้ามองกันตามหน้าเสื่อแล้วต้องยอมรับว่า ลุยซ์ เป็นเซนเตอร์ที่เล่นเกมรุกได้ดีที่สุดของ เชลซี และนั่นคือสิ่งที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ชื่นชอบ เหมือนสมัยที่คุม นาโปลี และมี คาลิดู คูลิบาลี่ 
         เซนเตอร์บราซิลเลี่ยนมีความแข็งแกร่ง เล่นได้ทั้งรับและรุก เล่นบอลบนพื้นได้ดี และลูกกลางอากาศก็ใช้ได้ โดยเฉพาะทรงผมที่อาจจะป่วนสายตาคู่แข่งได้บ้าง
         ในฟุตบอลสมัยใหม่แม้แต่กองหลังยังต้องช่วยทำเกมรุก ลุยซ์ ถือเป็นตัวเลือกที่้ดีในตำแหน่งเซนเตอร์ในยุคของนายใหญ่คนใหม่เลย
อัลบาโร่ โมราต้า
           
         อีกหนึ่งนักเตะที่ดูจะกลายเป็นส่วนเกินในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ หลังตกเป็นสำรองของทีมนับตั้งแต่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ย้ายมาสู่ทีมเมื่อเดือนมกราคม
         หากไม่นับเรื่องอาการบาดเจ็บที่ส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามโดยตรง ฟอร์มการยิงประตู 6 ลูกจาก 6 เกมแรกถือว่ายอดเยี่ยมสุดๆ
        แต่เมื่อบาดเจ็บและร้างสนาม การกลับมาอีกครั้งและผลงานไม่เปรี้ยงปร้างเช่นเคยนั้นส่งผลให้เจ้าตัวขาดความมั่นใจจนฟอร์มวูบไปอย่างที่เห็น
         ซึ่งความจริงแล้วจากผลงานที่ผ่านมาในสภาพที่เต็มร้อยกับ ยูเวนตุส นั้นถือว่า โมราต้า เป็นกองหน้าตัวอันตรายคนหนึ่งเลย มีทั้งความเร็ว เทคนิค และจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบขาด เล่นได้ทั้งกองหน้าตัวเป้าหรือถ่างออกมาริมเส้นสร้างความหลากหลายให้ทีมได้อย่างดี
         ด้วยสไตล์การเล่นในระบบตัวรุกสามคน โมราต้า สามารถเล่นได้ทั้งกองหน้าตัวเป้าหรือด้านข้าง เขาจะมีโอกาสมากขึ้นกับการได้ลงสนามซึ่งนั่นคงจะช่วยเรียกความมั่นใจให้กลับมาได้อีกครั้ง
         และเมื่อความเชื่อมั่นกลับมา อาวุธในแดนหน้าของ เชลซี ก็จะทวีความอันตรายขึ้นอย่างแน่นอน
เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
              
         อย่างที่บอกไปแล้ว เมาริซิโอ ซาร์รี่ ให้ความสำคัญกับกองหลังที่สามารถช่วยทีมเล่นเกมรุกได้ โดยเฉพาะนักเตะในตำแหน่งแบ็คที่ถือเป็นกำลังสำคัญในการขึ้นเกมริมเส้น
         ด้วยระบบกองกลางสนามคนนั้น ทำให้บทบาทของการขึ้นเกมทางด้านข้างเป็นหน้าที่ของผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คทั้งขวาและซ้าย ซึ่งแน่นอนว่า เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ทำได้ดีเสมอ
         แม้ว่าในฤดูกาลที่แล้วเจ้าตัวจะถูกขยับเข้าไปยืนเป็นกองหลังในระแบบ 3 เซนเตอร์ของ อันโตนิโอ คอนเต้ แต่ก็ยังมีจังหวะเปิดบอลสวยๆหลายต่อหลายครั้งให้กับ อัลบาโร่ โมราต้า เข้าไปพังประตู
         จริงอยู่ว่า วิคเตอร์ โมเสส ที่ได้เล่นในเกมรุกตลอดและทำผลงานได้ดี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสมดุลของการเล่นกันต้องบอกว่าแบ็คชาวสเปนมีภาษีที่ดีกว่า เพราะธรรมชาติของสตาร์ทีมชาติไนจีเรียนั้นคือปีก
         อัซปิลิกวยต้า แสดงให้เห็นแล้วว่ามีทีเด็ดทีขาดในการเปิดบอลที่เหนือกว่า โมเสส อย่างชัดเจน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้จัดการทีมน่าจะทำให้เขาได้กลับมาเล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัดอีกครั้ง
         ด้วยความมุ่งมั่นอยู่เสมอยามลงสนาม แถมมีดีกรีสวมปลอกแขนนำทีมมาตลอดฤดูกาลที่แล้วเชื่อได้เลยว่าจะเข้ากับระบบการเล่นของ ซาร์รี่ เป็นอย่างดี
วิลเลี่ยน
                
         สตาร์ทีมชาติบราซิลมีในสิ่งที่โค้ชทุกคนต้องการอย่างมากนั่นก็คือความขยันและทุ่มเท ซึ่งช่วยทีมได้เป็นอย่างดี
        วิลเลี่ยน พร้อมเต็มที่เสมอยามลงเล่นด้วยความหลากหลายในแง่ของการเล่นเอื้อต่อการทำงานของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ให้ง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งการยิงประตู, การวิ่งทำทาง, จ่ายบอลให้เพื่อน หรือจะเป็นตัวเล่นลูกนิ่งก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
         ดาวเตะแซมบ้าสามารถทำเกมได้ด้วยตัวคนเดียวได้ เล่นจังหวะโต้กลับได้ดี ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสไตล์ที่เทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนชื่นชอบอย่างมาก 
         ประกอบกับสไตล์การทำทีมที่เน้นเกมรุกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังช่วยขับเน้นความโดดเด่นของ วิลเลี่ยน ได้อย่างไม่ต้องสงสัย 
         ยิ่งได้การประสานงานกับ เอแด็น อาซาร์ รวมถึงการผ่านบอลอันเฉียบขาดของ เชส ฟาเบรกาส และการสนับสนุนเกมของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า น่าจะทำให้ปีนี้เป็นปีที่สนุกทีเดียว 
         ตัวรุกหัวฟูเหนือกว่า โฆเซ่ การ์เยฆอน สตาร์ของนาโปลี ทีมเก่าของ ซาร์รี่ ในทุกมุมมอง ซึ่งถ้าสตาร์ชาวสเปนสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ ทำไม วิลเลี่ยน จะทำไม่ได้ล่ะ


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด