:::     :::

เปิดฉากด้วยชัยชนะ

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
4,905
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของคอบอลพรีเมียร์ลีกสักทีหลังจากให้แฟนๆได้ตื่นเต้นกันเล็กน้อยพอได้เลือดลมได้สูบฉีดในช่วงตลาดซื้่อ-ขายนักเตะ
         ก็อย่าเพิ่งวางใจกันไปเพราะแม้จะซื้อไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะขายนักเตะออกได้อยู่
         เชลซี เจอผลกระทบเต็มๆกับตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ 'งอแง' ต้องการย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด ในสเปน ด้วยสัญญาที่เหลือเพียงปีเดียวทำให้ทีมไม่มีทางเลือกจำต้องปล่อยออกไปด้วยค่าตัวแสนถูกเพียง 35 ล้านปอนด์เท่านั้นก่อนกระชาก เกปา อาร์ริซาบาลาก้า มาด้วยค่าตัว 71 ล้านปอนด์ซึ่งถือเป็นสถิติโลกของตำแหน่งนี้
         ฟอร์มโดยรวมในช่วงปรีซีซั่นจนมาถึงเกมพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ในเกมชิงแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ ยังไม่ถือว่าดีอะไรมากนัก ไม่เหมือนกับภาพของ นาโปลี ที่บุกทะลุทะลวง เป็นทีมที่เล่นสนุกในแบบฉบับของกุนซือชาวอิตาเลี่ยนผู้นี้
         เกมนี้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ไม่ลังเลที่จะเลิก เกปา อาร์ริซาบาลาก้า มือกาวค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่ดึงตัวมาจาก แอธเลติก บิลเบา ประเดิมเฝ้าเสาเกมแรกทันที
     
         ส่วนตำแหน่งกองหลังเป็นไปตามคาดทั้ง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ มาร์กอส อลอนโซ่ กองกลางได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ พร้อมลงทำหน้าที่ประสานงานกับ จอร์จินโญ่ และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ที่ได้รับคำชมอย่างมาก
         แนวรุกตัวยืนอย่าง เปโดร โรดริเกซ และ อัลบาโร่ โมราต้า ประจำตำแหน่ง ส่วนอีกตำแหน่งเป็น วิลเลี่ยน ที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริง ขณะที่ เอแด็น อาซาร์ คอยสแตนบายด์ที่ข้างสนาม
         ยังพออุ่นใจได้บ้างจากฤดูกาลที่แล้วที่บุกชนะที่นี่ 3-1 ในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่ง วิลเลี่ยน นี่เองที่ยิง 1 แอสซิสต์ 2 ช่วยให้ทีมเก็บสามแต้มกลับบ้านได้ แม้ว่าในช่วงปลาย แม้ว่าจะเป็น ฮัดเดอร์สฟิลด์ นี่แหละที่หยุดสถิติชนะ 4 เกมรวดในช่วงปลายฤดูกาลของ "สิงห์บลูส์" ด้วยการบุกเสมอ 1-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ หมดหวัง (อันเลือนลาง) ที่จะได้ลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
     
         แต่ที่น่าแปลกใจคือชื่อของ เชส ฟาเบรกาส และ คัลลั่ม ฮั๊ดสัน-โอดอย หายไปจากทีมไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง
         เชลซี ครองบอลเดินหน้าเข้าใส่ด้วยศักยภาพทีมที่เหนือกว่า แต่จังหวะเข้าทำแทบไม่สามารถเจาะกำแพงเกมรับสองชั้นของ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เข้าไปได้เลย เกมริมเส้นที่เป็นจุดแข็งดูจะถูกทาง เดวิด ว๊ากเนอร์ ปิดทางขึ้นไปซะหมด
         สามประสานในแนวรุกทั้ง โมราต้า, วิลเลี่ยน และ เปโดร ไม่มีจังหวะประสานให้เห็นเลย แถมในจังหวะเตะเปิดเกมของ เกปา ยังดูผิดเป้าไปหลายครั้งหลายหน
         เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่า ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ยามบุกขึ้นมาได้ลุ้นมากกว่า มีจังหวะจบ แม้จะไม่ได้ลุ้นอะไรมากมายแต่ก็เรียกเสียงเฮจากแฟนบอลในสนามได้
         แต่โอกาสลุ้นประตูครั้งแรกของ "สิงห์บลูส์" ก็มาได้ประตูหลังผ่านครึ่งชั่วโมง เปโดร ฉกบอลได้กลางสนามก่อนกระชากมาแล้วไหลออกทางซ้ายให้ วิลเลี่ยน ลุยมาก่อนเปิดมาเสาสองบอลเลยมาถึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยิงด้วยซ้ายไม่ต้องจับบอลตกพื้นเด้งเข้าประตูไปเป็น 1-0 นาทีที่ 34
     
         ซึ่งเห็นได้ชัดจากการยืนตำแหน่งตามแบบแผนของ เมาริซิโอ ซาร์รี่, จอร์จินโญ่ จะปักหลักอยู่ตรงกลาง บ่อยครั้งจะได้เห็นกองกลางฝรั่งเศสชุดแชมป์โลกที่ยืนทางเติมเกมสูงถึงหน้าเขตโทษหรือกระทั่งในเขตโทษคู่แข่ง 
         ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของสตาร์ผู้ปิดทองหลังพระมาตลอดรายนี้เลย เพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่โยกมาค้าแข้งในอังกฤษ 3 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น เจ้าตัวยิงได้เพียงซีซั่นละ 1 ประตูเท่านั้น แต่ในปีนี้แค่เกมแรกก็ทำสถิติเทียบเท่าได้แล้ว
         แต่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ก็ตอบโต้ขึ้นมาและเกือบตีเสมอได้จากลุกเตะมุมบอลมาถึง สตีฟ มูนิเย่ โหม่งเต็มหัวบอลชนเสาในแต่เดชะบุญยังไม่ในพอที่จะเข้าประตูก่อนที่แข้งสิงห์จะเคลียร์ออกมาได้
         สถานการณ์มาพลิกในช่วงท้ายครึ่งแรกที่เจ้าบ้านบุกเข้าใส่แต่มาเสียจุดโทษ จอร์จินโญ่ ไหลบอลให้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ไขว้จ่ายอย่างสวย มาร์กอส อลอนโซ่ ได้จังหวะสับไกแต่ คริสโตเฟอร์ ชินด์เลอร์ พุ่งเปิดปุ่มมาอย่างน่าเกลียด ผู้ตัดสินไม่รีรอชี้เป็นจุดโทษทันที
         ทว่าคนที่รับหน้าที่สังหารถือว่าพลิกความคาดหมายเล็กน้อยเมื่อเป็น จอร์จินโญ่ แต่ก็สังหารไม่พลาด เป็นประตูแรกประเดิมเกมแรกในพรีเมียร์ลีกให้ทีมหนีเป็น 2-0 เมื่อจบครึ่งแรก ถือว่าโล่งออกขึ้นเยอะ
     
         เข้าครึ่งหลัง เชลซี ออกสตาร์ทได้ดีผิดหูผิดตาต่างจากครึ่งแรกอย่างชัดเจน นักเตะเล่นด้วยความคึกคักและก็น่าได้ประตูสองจังหวะซ้อนจากลูกเตะมุมหลังผ่านสิบนาที อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งลูกเตะมุมของ วิลเลี่ยน แต่ติดเซฟ อีกจังหวะเป็น มาร์กอส อลอนโซ่ ได้ตีลังกายิงบอลชนคาเต็มๆ
         เชลซี ขยับเปลี่ยนตัวคนแรกหลังผ่าน 68 นาที รูเบน ลอฟตัส-ชีค ที่ฤดูกาลที่แล้วปล่อยให้ คริสตัล พาเลซ ยืมตัวและทำผลงานดีจนถึงขั้นติดทีมชาติอังกฤษลุยฟุตบอลโลก ลงมาเล่นแทน รอสส์ บาร์คลี่ย์ ถือเป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่ง ก่อนที่จะให้ เอแด็น อาซาร์ ลงยืดเส้นยืดสายบ้าง โดยลงมาแทน วิลเลี่ยน นาทีที่ 76
         และสตาร์เบลเยี่ยมก็แผลงฤทธิ์ทันทีด้วยการกระชากบอลจากกลางสนามก่อนไหลให้ เปโดร ชิบบอลข้ามตัว เบน แฮมเมอร์ เข้าประตูไป โดยหลังยิงเสร็จก็โดนเปลี่ยนออกเอา วิคเตอร์ โมเสส ลงมา
         ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น ชัยชนะ 3-0 ในเกมเปิดสนาม สามคะแนนเป็นการประเดิม
     
         บทสรุปของเกมนี้กับการที่นักเตะต้องปรับตัวกับระบบการเล่นใหม่ 4-3-3 ซึ่งในภาพรวมดูเกมจะยังไม่ได้ไหลลื่นอะไรมากนัก ซึ่งทาง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็เกริ่นเอาไว้แล้วว่าขอให้แฟนสิงโตน้ำเงินอดทนรอให้ทุกอย่างเข้าที่เขาทางก่อน ซึ่งบอกเอาไว้ว่าในช่วงครึ่งซีซั่นแรกอาจจะมีกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่มั่นใจว่าครึ่งซีซั่นหลังจะได้เห็น เชลซี เล่นในปรัชญาของตนเองที่เคยใช้กับ นาโปลี อย่างแน่นอน
         สิ่งสำคัญไม่มีอะไรดีไปกว่าการออกสตาร์ทด้วยชัยชนะและสามคะแนน แม้ว่าคู่แข่งจะไม่ได้มีชื่อชั้นอะไรนัก แต่มั่นก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี 
         และมันสำคัญตรงที่เกมที่สองของฤดูกาลทีมจะต้องทำศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" กับ อาร์เซน่อล คู่ปรับสำคัญในการลุ้นแย่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือจะมองว่าลุ้นแชมป์กันโดยตรงก็ได้
         การเปิดตัวในบ้านนัดแรกของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กับเกมสำคัญเช่นนี้ แฟนสิงห์ไม่ควรพลาดส่งใจเชียร์ด้วยประการทั้งปวง


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด