:::     :::

ชัยชนะในวันที่ยากลำบาก

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
8,068
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คงเป็นช่วงเวลาที่บรรดาสาวก "สิงห์บลูส์" ได้ฉีกยิ้มเต็มใบหน้าหลังจากที่ทีมรักกำลังเดินอยู่ในเส้นทางที่ดีที่สุดของการเล่นฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ฤดูกาที่แล้ว
         การออกสตาร์ซีซั่นด้วยชัยชนะทั้งสองเกม หนึ่งในนั้นคือการตบคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง อาร์เซน่อล ถือเป็นสิ่งที่หอมหวานที่สุดของทีมสี้น้ำเงิน ทั้งสามคะแนนที่ได้และเป็นการขัดเขาคู่แข่ง
         ฉะนั้นการบุกมาเยือน นิวคาสเซิ่ล จึงเป็นการมาเล่นพร้อมกับความมั่นใจเต็มที่ว่าจะสามารถเก็บชัยชนะกลับรังได้ (ในสายตาของแฟนบอล)
         เกมนี้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ปรับสองตำแหน่งหลังจากสองนัดแรกที่ยึดผู้เล่นชุดเดิมมา นั่นก็คือส่ง เอแด็น อาซาร์ ที่ลงเป็นสำรองทั้งสองนัดพร้อมกับแอสซิสต์ได้ทั้งสองเกมลงเล่นเป็นตัวจริงในแนวรุกร่วมกับ อัลบาโร่ โมราต้า และ เปโดร โรดริเกซ ให้ วิลเลี่ยน หลุดไปเป็นสำรอง
         อีกคนก็คือ มาเตโอ โควาซิช ที่นายใหญ่ชาวอิตาลีออกมาบอกว่าชอบนักชอบหนาออกสตาร์ทตัวจริงแทน รอสส์ บาร์คลี่ย์ ส่วนอีกสองคนเป็น จอร์จินโญ่ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้
         แผงหลังและผู้รักษาประตูไม่เปลี่ยนแปลง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์ และ มาร์กอส อลอนโซ่ โดยมี เกปา อาร์ริซาลาบาก้า เฝ้าเสา
         อาจจะเรียกได้ว่านี่คงเป็นชุดตัวจริงที่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะยึดเป็นขุนพลตัวหลักของทีมในการสู้ศึกฤดูกาลนี้ในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก
           
         ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน รูปเกมที่ออกมาจึงเป็น "สิงห์บลูส์" ที่ขึงเกมรุกใส่อยู่ขางเดียวเพียงแต่หาช่องเข้าทำไม่ได้เลย
         เกมนี้รุกที่ขึ้นเกมบุก "หนัก" ไปทางซ้ายยังไม่สามารถเล่นงานคู่แข่งได้ ถึงขนาดที่ เอแด็น อาซาร์ ต้องสลับโยกตัวเองมาอยู่ทางขวาบ้าง
         นิวคาสเซิ่ล เล่นเกมรับแบบไม่คิดชีวิต ชนิดที่ว่ามองไม่ออกเลยว่านี่คือการเล่นที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค โดยเฉพาะเมื่อผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกการครองบอลของ เชลซี สูงถึง 82% ต่อ 18%
         แต่แค่ครองบอลไม่พอ เกมบุกทำได้แค่ผ่านบอลไปมา แม้จะอยู่ในแดนของ "สาลิกาดง" แต่เมื่อถึงพื้นที่สุดท้ายยังไม่อาจทะลุทะลวงเข้าถึงจุดจบสกอร์ ทำได้แค่การยิงจากนอกกรอบเขตโทษเท่านั้น
         ยิ่งไปกว่านั้น เอแด็น อาซาร์ ที่พยายามปั้นเกมให้เพื่อนโดนอัดจนลงไปกองกับพื้นหลายครั้ง น่ากังวลส่าจะกระทบกับสภาพร่างกายที่ดูยังจะไม่เต็มร้อยเท่าไร โดยเฉพาะ โมฮาเหม็ด ดิยาเม่ ที่ตามไล่กัดตลอดเวลา
             
         โอกาสลุ้นประตูที่ดีที่สุดในครึ่งหลังเกิดขึ้นในนาทีที่ 35 เมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ใช้ความขยันเอาบอลมาได้ทางขวาก่อนไหลให้ เปโดร โรดริเกซ ผ่าน คี ซุง-ยอง เข้าเขตโทษก่อนแตะแล้วปั่นด้วยซ้าย ต่อด้วยจังหวะอีกหนึ่งนาทีให้หลัง มาเตโอ โควาซิช ไหลบอลให้ อาซาร์ ลากจี้มาก่อนไหลให้ เปโดร กดด้วยซ้ายไม่ต้องจับ แต่ มาร์ติน ดูบราฟก้า ล้มตัวรับไว้ได้
         จบครึ่งแรกเกมอยู่ในการครอบครองของ เชลซี แทบทั้งหมดเหลือแค่ในพื้นที่สุดท้ายว่าจะเจาะเข้าไปยังไงเพราะ นิวคาสเซิ่ล ลงไปรับกันแน่นเหลือเกิน แม้กระทั่งในจังหวะสับไกนอกกรอบก็ยังน้อย
         เอแด็น อาซาร์ เลี้ยงกินตัวผู้เล่นคู่แข่งได้ก็จริง แต่ด้วยเกม นิวคาสเซิ่ล ที่ลงไปรับกันเต็มสูบถึงเลี้ยงผ่านไปได้แต่ก็จ่ายต่อไม่ได้ หรือจ่ายต่อได่สุดท้ายเพื่อนก็ทำเสียอยู่ดี
              
         ถือเป็นบททดสอบ "กึ๋น" ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ อย่างแท้จริงว่าจะเจาะคู่แข่งที่ตั้งเกมรับแข็งแกร่งได้อย่างไร
         ตั้งต้นมา เชลซี ขยับเล่นเกมรุกทางขวาให้มากขึ้นและควรจะได้ลุ้นมากกว่านี้จังหวะที่หลุดเข้าเขตโทษด้านขวา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลเข้ากลาง อัลบาโร่ โมราต้า อยู่คนเดียวแต่กลับจังบอลยาวจนเสียโอกาสยิงไป
         ดูเหมือนความมั่นใจในการยิงประตูใส่ อาร์เซน่อล ได้ดูเหมือนจะเป็นภาพลวงตาซะมากกว่า เพราะหากมองดีๆหลังทะลวงตาข่ายทีม "ปีนใหญ่" ได้ ตลอดทั้งเกมก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไรนัก
         เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อาจจะมีความเร็วและความขยัน และเนื่องจากธรรมชาติไม่ได้เป็นตัวรุก แม้บางโอกาสมีจังหวะง้างสับไกแต่เจ้าตัวเลือกที่จะไหลให้เพื่อนมากกว่า
               
         สุดท้ายไม่ไหว ซาร์รี่ ต้องเปลี่ยนเอา โมราต้า ออกแล้วให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงมาทำหน้าที่บ้างหลังผ่าน 65 นาที ก่อนที่อีกไม่กี่อึดใจ วิลเลี่ยน จะได้ลงเล่นแทน เปโดร
         โอกาสลุ้นประตูที่น่าได้ที่สุดมาจากจังหวะสับไกนอกกรอบของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่อัดเต็มข้อบอลพุ่งชนคานเต็มๆ ถ้าบอลมุดเร็วกว่านี้อีกนิดเดียวรับรองว่าเสียงใต้คานแน่
         เกมรุกของ เชลซี ที่เจาะไม่เข้าก็มาได้จุดโทษจากการประสานงานของคคู่หูคู่เดิม เอแด็น อาซาร์ ไหลบอลให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่สอดเข้ารับบอลก่อนโดน ฟาเบียน ชาร์ เสียบร่วงลงไป และก็เป็น อาซาร์ ที่สังหารเข้าไปให้ทีมปลดล็อคออกนำจนได้
         ว่ากันตามตรงต้องบอกว่าจุดโทษที่ได้มาถึงว่ามีโชคเหมือนกันเพราะจังหวะเสียบของ ชาร์ นั้นจากภาพช้าเท้าโดนฟุตบอลก่อน เพียงแต่ผู้ตัดสินมีเวลาตัดสินใจไม่มากและผลประโยชน์ตกอยู่ทางฝั่งเชลซี
         หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เกมยังอยู่ในการครอบครองของทางฝั่งสิงโตนำเงินเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ต้องตะบี้ตะบันเดินเกมบุกไปข้างหน้าเหมือนตอนแรกแล้ว 
          
         ทว่าเกมที่ดูไม่มีอะไรสกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งในช่วง 10 นาทีสุดท้าย จังหวะบอลยาวที่ เดอันเดร เยดลิน ไปจงใจศอกใส่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เต็มๆจนร่วงไปกองกับพื้นแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่เห้นเหตุการณ์ชัดที่สุดไม่สะบัดธงเกมเลยดำเนินต่อไป เยดลิน เปิดบอลจากทางขวามาเสาแรก โฆเซลู โฉบมาโหม่งตัดหน้า ดาวิด ลุยซ์ ที่ไปยืนรอบอลเสียบได้คานเข้าไปแบบพอเหมาะพอเจาะ
         มองกันตามตรงจังหวะนี้ควรจะฟาวล์เป็นอย่างยิ่ง แต่มองอีกมุม จุดโทษของ เชลซี ก็ไม่ควรจะได้เช่นกัน ก็ถือว่าเจ๊ากันไป
         อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาเสียอารมณ์เปิดดู "วีเออาร์" เพราะฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษไม่ได้ใช้ 
         แต่เหมือนกรรมตามสนองทางฝั่ง นิวคาสเซิ่ล มากกว่าในเกมนี้ จังหวะฟรีคิกทางซ้าย วิลเลี่ยน บอลลึกไปเสาสอง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โหม่งย้อนกลับมาให้ มาร์กอส อลอนโซ่ หวดด้วยขวาบอลมาหน้าประตู เดอันเดร เยดลิน ที่อยู่ตรงนั้นเหมือนสองจิตสองใจตัดสินใจไม่เฉียบขาดว่าจะสกัดหรือทำอะไร สุดท้ายบอลมาโดนขาตัวเองบอลเข้าประตูไปและเป็นประตูชัยให้ทีมเบียดชนะ 2-1 เก็บสามแต้มกลับบ้านไปได้
          
         ชัยชนะในเกมนี้อาจจะต้องบอกว่ามีโชคช่วยอยู่เหมือนกันสำหรับทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ แต่อย่างที่พูดกันมาตลอดว่าทีมที่จะเป็นแชมป์จะต้องมีเกมแบบนี้ เกมนี้ที่อึดอัดแต่คว้าชัย เกมที่เล่นไม่ดีแต่ชนะ เกมที่จะแพ้กลับมาเสมอ
         เกมนี้ เชลซี เหนือกว่าทุกประตูและสมควรจะได้คว้าชัยได้ แม้ว่ามันจะออกมาในรูปแบบที่ต้องลุ้นหืดจับเหมือนกันสำหรับแฟนสิงห์
         3 นัด 9 คะแนนเต็มถือเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับทัพสิงห์อย่างเต็มเปี่ยมสำหรับการกลับมาไล่ล่าความสำเร็จในฤดูกาลนี้หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้แค่เสมอ ส่วน ลิเวอร์พูล ก็คว้าชัยไปก่อนหน้า
         เกมนัดต่อไปทีมจะกลับไปเล่นในบ้านรับการมาเยือนของทีมรองบ่อนอย่าง บอร์นมัธ ก่อนจะพักเบรกหลีกทางให้ทีมชาติ
         คงไม่น่าเกลียดหากจะฟันธงไปเลยว่า เชลซี จะคว้า 12 คะแนนจาก 4 เกมแรกของฤดูกาลนี้ไปได้

คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด