ผลการแข่งขันประเดิมฟุตบอลยุโรปนัดแรกของ เชลซี ในฤดูกาลนี้จบลงด้วยชัยชนะเหนือ พีเอโอเค 1-0 ในการแข่งขันที่กรีซ
ถือเป็นสามแต้มสำคัญในการเล่นนอกบ้านที่จะเพิ่มโอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไป ซึ่งอันที่จริงเมื่อดูจากทีมที่ร่วมกลุ่มอย่าง บาเต้ โบริซอฟ, พีเอโอเค และ โมล วีดี คงต้องบอกว่าทัพ "สิงห์บลูส์" คงผ่านเข้ารอบได้แบบสบายๆหากแผ่นดินไม่ถล่มลงมาซะก่อน
หรือจะบอกว่าทีมอย่าง เชลซี ควรจะอยู่ในการแข่งขันระดับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมากกว่าที่จะเล่นในถ้วยเล็กอย่าง ยูโรปา ลีก
มองได้สองแง่ในการจัดทัพของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ส่งตัวหลักลงครึ่งทีมอย่าง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า เฝ้าเสา กองหลังมี อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ มาร์กอส อลอนโซ่ พร้อมด้วย ดาวิดเด้ ซัปปาคอสต้า และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น แดนกลางจะบอกว่าชุดใหญ่ก็ว่าได้ทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่ และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ เพราะตัวหลักอย่าง มาเตโอ โควาซิช บาดเจ็บ รวมถึง เชส ฟาเบรกาส เพิ่งฟื้นกลับมาอยู่ในม้านั่งสำรอง
แนวรุกมี วิลเลี่ยน, เปโดร โรดริเกซ อีกคนเป็น อัลบาโร่ โมราต้า ที่ได้โอกาสหลังหลุดไปนั่งข้างสนามในเกมพรีเมียร์
มุมแรกอาจจะบอกได้ว่านายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยน "เอา" เหมือนกันกับรายการนี้ เพราะว่ากันตามตรงด้วยศักยภาพแล้ว เชลซี มีโอกาสที่จะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้เหมือนกัน
หรืออีกมุมหนึ่งอย่างที่เคยบอกไปแล้วหลายต่อหลายครั้งว่า ขุมกำลังของทีมถือว่ามีค่อนข้างจำกัดพอสมควร โดยเฉพาะในแนวรุกที่มีให้เลือกใช้ไม่เท่าไรนัก
ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าอยู่แล้วแถวมาได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากความขยันของ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ที่ตัดบอลกลางสนามก่อนกระชากบอลแล้วไหลให้ วิลเลี่ยน ที่รับหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมนี้แปด้วยขวาเน้นๆผ่าน อเล็กซานดรอส ปาสชาลาคิส เข้าไปตั้งแต่นาทีที่ 7
ลูกนี้ว่ากันตามตรงต้องบอกว่าสตาร์บราซิลยิงไม่ดีด้วยซ้ำบอลไม่ได้ห่างตัวมือกาว พีเอโอเค เลย แถมยังคิดเซฟนิดนึงด้วย แต่ยังดีที่บอลปลิ้นเข้าประตูไป
หลังจากนั้นต้องบอกว่าเกมอยู่ในการครอบครองของทีมสิงโตแห่งกรุงลอนดอนเรียบ
ต้องยอมรับว่า พีเอโอเค คือทีมในระดับซีที่มองมุมไหนก็ไม่อาจต่อกรได้เลย การขึ้นเกมรุกในแดนคู่แข่งจ่ายบอลกัน 2-3 หนก็พลาดแล้วทั้งที่มีเพื่อนร่วมทีมอยู่รายล้อม 3-4 คน ยิ่งบอลยาวไม่ต้องพูดถึง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กับ อันเดรียส คริสเตนเซ่น เก็บกินได้แบบสบายๆ
นักเตะเชลซีเล่นจ่ายบอลกันแบบง่ายๆโดยที่นักเตะ พีเอโอเค แทบหาบอลกันไม่เจอ แม้ในสถานการณ์ที่จวนตัวก็ยังเล่นบอลสั้นแก้ไขกันได้แบบไม่เหนือบ่ากว่าแรงอะไรนัก
เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้นิ่งนอนใจไม่ได้ก็คือประตูที่นำอยู่เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น แต่รูปเกมอยู่ในเงื้อมมือทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เรียบร้อย
อัลบาโร่ โมราต้า พยายามอย่างหนัก และกว่าครึ่งของโอกาสพังตาข่ายของทีมมาจากดาวยิงชาวสเปนผู้นี้ แต่กลับไม่สามรถแปรเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้เลยแม้แต่หนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการโหม่งเน้นๆ, บอลยาวจาก อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่เจ้าตัวเกี่ยวบอลอย่างสวยแต่กลับยิงหลุดกรอบ หรือจังหวะเตะมุมที่ อเล็กซานดรอส ปาสชาลาคิส จั่วลมเลยไปเสาสอง โมราต้า แหย่ขายิงมุมแคบก็ยังหลุดกรอบ
มองในแง่ดีนี่ไม่ใช่วันของกองหน้าเจ้าของหมายเลข 29 รายนี้ หากมองอีกแง่นึงเหมือนความมั่นใจจะหดหายไปพอสมควรเลย จากที่ช่วงออกสตาร์ทเหมือนจะกลับมาเป็น โมราต้า คนเดิม สุดท้ายก็อีหรอบทิ้งโอกาสเรี่ยราด
ไหนจะโอกาสเหน่งในครึ่งแรกของ เปโดร โรดริเกซ ที่ มาร์กอส อลอนโซ่ อุตส่าห์จ่ายอย่างสวยถวายพานแต่กลับยิงไปตรงตัว อเล็กซานดรอส ปาสชาลาคิส ซะอย่างนั้น
สกอร์ 1-0 ในครึ่งแรกควรจะเป็น 3-0 หรือ 4-0 เป็นอย่างน้อยเมื่อเทียบกับโอกาสที่ทีมสร้างสรรค์ขึ้นมาได้
เกมนี้ดูเหมือนจะสนุกแต่ก็ขาดสีสันเพราะ เชลซี เองดูเหมือนจะไม่ได้เร่งที่จะต้องทะลวงประตูเพิ่มเติมให้ได้ ส่วน พีเอโอเค ก็อ่อนชั้นเกินกว่าจะสร้างความระคายเคืองให้กับผู้มาเยือน
ความเร็วของทั้ง เปโดร และ วิลเลี่ยน สร้างประโยชน์ให้กับทีมอย่างยอดเยี่ยมทั้งการพาบอลกินตัวผู้เล่นหรือแม้แต่ตัดจังหวะผ่านบอลอันเชื่องช้าของคู่แข่งได้
แค่ครึ่งแรก เชลซี ผ่านบอลสำเร็จถึง 330 ครั้ง แสดงให้เห็นว่า พีเอโอเค แทบหาบอลไม่เจอเลย และไม่ใช่ผ่านบอลแต่ในแดนหลังเท่านั้น แต่เกิดขึ้นในแดน พีเอโอเค ด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่าจังหวะและความเร็วของเกมนั้นอยู่กันคนละระดับชั้นเลย
เกมนี้ทั้งเกมรุกและเกมรับสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี มีจังหวะวางบอลยาวจากกลางสนามของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ให้เห็นบ่อยครั้ง หรือการเติมเกมรุกจากแบ็คทั้งสองฝั่งทั้ง ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า และ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่สอดประสานกับเกมรุกได้เป็นอย่างดี
แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายสกอร์บอร์ดทำงานแค่หนเดียว และมันเป็นสามคะแนนที่หากมองแล้วก็ถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายกับการมาเยือนพร้อมคว้าชัยชนะกลับบ้าน
ข่าวดีในเกมนี้ของ เชลซี คือการได้เห็น เชส ฟาเบรกาส กลับมาลงสนามอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าจังหวะจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรแต่ก็ถือเป็นนิมิตรหมายอันที่จะได้มิดฟิลด์ชาวสเปนผู้นี้กลับมาลงสนามซึ่งเหมือนเป็นสมองกลในแดนกลางที่จะเป็นตัวกำหนดจังหวะของเกม
แน่นอนว่ามันจะแบ่งเบาภาระของ จอร์จินโญ่ ได้เป็นอย่างดี (หากได้ลงสนาม) ขึ้นอยู่กับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่สไตล์การทำทีมเน้นการเคลื่อนที่และจ่ายบอล ความช้าของ เชส จะเป็นปัญหาหรือไม่
ถือว่าจากเกมยูโรปา ลีกได้เห็นอะไรดีหลายอย่างเหมือนกัน ได้เห็นฟอร์มการเล่นและการสอดประสานกันอย่างกลมกลืน, ได้เห็นนักเตะเล่นกันอย่างใจเย็นไม่มีโฉ่งฉ่างในแดนหลังแม้จะโดนคู่แข่งบีบเกมสูงก็ยังจ่ายบอลสั้นเอาตัวรอดมาได้, ได้เห็นการเคลื่อนที่ของนักเตะยามขึ้นเกมรุกที่ขึ้นมากดดันคู่แข่งได้
ทว่ามันก็แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของเกมรุกยามไม่มี เอแด็น อาซาร์ ลดน้อยถอยลงไปอย่างมาก ในฤดูกาลนี้เกมรุกอีกฝั่งทั้ง วิลเลี่ยน และ เปโดร โรดริเกซ คนไหนที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมักจะมีฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังซะด้วย
และจากเกมนี้ เปโดร ยังมาเจ็บที่ไหลจากจังหวะปะทะกับ อเล็กซานดรอส ปาสชาลาคิส ซึ่งทาง เมาริซิโอ ซาร์รี่ บอกเองว่าอาการไม่น่าเป็นห่วง ก็ถือว่าโชคดีไป เพราะในช่วงเวลาที่โปรแกรมอัดแน่นและมีเกมสำคัญรออยู่คงไม่ดีแน่หากมีนักเตะบาดเจ็บโดยเฉพาะในแนวรุกที่มีตัวให้เลือกน้อยอยู่แล้ว
ชัยชนะ 6 เกมรวดอย่างเป็นทางการในฤดูกาลนี้ถือเป็นเรื่องยอดเยี่ยม ซึ่งวันอาทิตย์นี้ทีมจะลงทำศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" กับ เวสต์แฮม ที่กำลังฮึกเหิมหลังเก็บชัยชนะเกมแรกของฤดูกาลนี้มาได้
หากยังคว้าสามแต้มได้อีกคงได้คึกคักกันเต็มที่ก่อนที่จะลงฟาดแข้งกับ ลิเวอร์พูล สองนัดซ้อนทั้งในบอลถ้วยและในลีกเป็นอย่างดี