:::     :::

ตามเป้า

วันจันทร์ที่ 08 ตุลาคม 2561 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
3,493
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ถือว่าง่าย เหมือนจะยากแต่ก็ไม่ยาก เอาเป็นว่าทุกอย่างลงล็อคและนำมาซึ่งชัยชนะของทีมในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด
         หลังจากผลเสมอสองเกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกอาจจะไม่ได้ส่งผลเลวร้ายอะไรมากนักเมื่อหนึ่งในนั้นคือ ลิเวอร์พูล ที่เป็นคู่แข่งลุ้นแชมป์ แต่ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายที่ไม่อาจคว้าสามแต้มในเกมกับ "หงส์แดง" ได้เพราะสกอร์นำอยู่จนถึงช่วงท้ายเกมแล้ว
         แต่อย่างน้อยทีมก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดียังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ (ไม่นับรวมคอมมูนิตี้ ชิลด์) ทั้งในลีกและบอลยุโรป
         การจัดทีมก็ถือว่าเป็นไปตามคาดไม่มีอะไรพลิกโผ บรรดาผู้เล่นที่ได้พักมาจากเกมยุโรปก็กลับมาประจำการณ์ตามปกติ 
         หน้าตาก็เหมือนเกมลีกนัดล่าสุด เกปา อาร์ริซาบาลาก้า เฝ้าเสา กองหลัง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เป็นแบ็คขวา คู่เซนเตอร์ ดาวิด ลุยซ์ กับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ทำหน้าที่ แบ็คซ้ายเป็น มาร์กอส อลอนโซ่ แดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ประสานงานกับ จอน์จินโญ่ และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ที่ออกสตาร์ทแทน มาเตโอ โควาซิช ที่ลงเล่นเต็มๆในบอลยุโรปก็ชัดเจนว่าจะเป็นสำรองเกมนี้แน่ ส่วนแนวรุก วิลเลี่ยน กับ เอแด็น อาซาร์ คอยปั้นเกมให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยืนหน้าเป้า
   
         เกมนี้เป้าหมายอย่างเดียวคือสามคะแนนเท่านั้นเมื่อ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องห้ำหั่นกันเอง เป็นโอกาสดีที่ทีมจะเก็บแต้มเพิ่มเต็มเม็ดเต็มหน่าวย
         แน่นอนว่าผลงานต่อเนื่องจากเกมยุโรปนัดแรกที่ทีมกลีบมาเล่นเกมลีกและได้แค่เสมอกับ เวสต์แฮม เพียงแต่แตกต่างกันที่นัดกับ พีเอโอเค นั้นทีมออกไปเยือนและใช้ผู้เล่นตัวหลักมากกว่าเกมล่าสุดกับ โมล วีดี แถมยังเป็นการเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถือว่าความล้ายังไม่เทียบเท่าเกมก่อนหน้า
         ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนทำให้การครอบครองบอลอยู่กับ เชลซี แทบทั้งหมด ซึ่งเป็นการพับสนามบุกอยู่ในแดนของทีม "นักบุญ" เลย เพียงแต่จังหวะเข้าทำยังหาช่องไม่ได้
         แม้การต่อบอลหรือการเล่นชิ่งจังหวะเดียวจะสอดประสานงานได้เป็นอย่างดี แต่ในพื้นที่สุดท้ายต้องยอบรับว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ยืมคุมโซนกันแน่นจริงๆ
   
         ที่แปลกไปจากที่ผ่านมาก็คือเกมนี้ เชลซี อาศัยจังหวะลูกเปิดโด่งเข้ากลางหลายต่อหลายหนทีเดียวจากที่ปกติจะเน้นเจาะตรงกลางหรือหากเปิดบอลจะเป็นการเปิดเรียดซะมากกว่า แต่วันนี้เปิดเข้าไปวัดเลย แต่ยังไม่อาจจะผ่านแนวรับของคู่แข่งได้เลย
         และก็เกือบจะโดนเจาะตาข่าย (เหมือนในเกมกับ เวสต์แฮม) จังหวะสวนกลับ นาธาน เร้ดมอนด์ ทะลุมาทางซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางบอลผ่านหน้าทั้ง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ดาวิด ลุยซ์ มาถึง แดนนี่ อิงส์ ที่สอดมาเจ็มสปีดแหย่ขาจ่อๆระยะแค่ 3-4 หลาบอลข้ามคานออกไป
         แต่โอกาสยิงเข้ากรอบครั้งแรกของ "สิงห์บลูส์" ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากการบีบพื้นที่อย่างยอดเยี่ยมจนแย่งบอลมาได้ก่อนที่ รอสส์ บาร์คลี่ย์ จะไหลทะลุช่องให้ เอแด็น อาซาร์ ยิงเล่นทางเข้าไป 1-0 ตอกย้ำความยอดเยี่ยมและความมั่นใจอันเปี่ยมล้นของตัวเองในช่วงนี้
   
         ความเด็ดขาดกว่าทำให้ เชลซี ขึ้นนำ ไม่อย่างนั้นโอกาสของ แดนนี่ อิงส์ ก็ควรจะเป็นเจ้าบ้านที่ได้เฮก่อนแล้ว 
         เริ่มต้นครึ่งหลังเป็นอีกครั้งที่จังหวะเข้าทำของ เซาธ์แฮมป์ตัน น่าจะได้ประตูแต่ก็เสียโอกาสไปจังหวะของ ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก ตักบอลเข้าเขตโทษด้านซ้าย ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่เติมมาคนเดียวแปเน้นๆไม่ต้องจับแต่บอลก็ข้ามคานออกไปอีก
         และก็เหมือนเดิมพอไม่ได้ก็มาเสียประตูที่สองจากฟรีคิกที่ วิลเลี่ยน ตักเข้าเขตโทษด้านขวา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กระโดดเอี้ยวตัววอลเล่ย์ด้วยซ้ายบอลมาหน้าประตู รอสส์ บาร์คลี่ย์ แปจ่อๆเข้าไปให้ทีมหนี 2-0 เรียกเสียงเฮจากแฟนบอลผู้มาเยือนที่ร้องเพลงกันสนั่น
         ต้องบอกว่าช่วงเวลาที่ "นักบุญ" ควรจะได้ประตูแต่ไม่ได้และลงเอยด้วยการเสียประตูนั้นอยู่ในระยะห่างที่ไล่เลี่ยกันเลย
   
         การนำสองประตูทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน พยายามบีบเกมสูงเพื่อเอาบอลคืนเพื่อหวังยิงประตูคืน แต่ต้องยอมรับว่าด้วยประสิทธิภาพและศักยภาพยังเป็นรองอยู่ช่วงใหญ่
         โอกาสใกล้เคียงที่สุดของเจ้าถิ่นคงเป็นจังหวะที่ได้สับไกหน้าเขตโทษของ นาธาน เร้ดมอนด์ บอลพุ่งกำลังจะเสียบใต้คานแต่ เกปา ปัดปลายนิ้วบอลชนคานออกหลังไป ซึ่งจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมเป็นอีกครั้งที่เจ้าบ้านเกือบเสียประตูจังหวะสวน เอแด็น อาซาร์ กระชากบอลมาทางซ้ายก่อนตัดเข้ากลางแล้วจ่ายทะลุช่องให้ อัลบาโร่ โมราต้า ตัวสำรองสอดมาล่อเป้าเน้นๆก่อนเลือกยิงเสาแรกแต่ อเล็กซ์ แม็คคาธี่ย์ อ่านไว้แล้วล้มตัวปัดได้
        ช่วงท้ายกับโอกาสอีกครั้งของนักบุญคราวนี้เป็น แดนนี่ อิงส์ ได้ยิงจังหวะคล้ายๆกับ นาธาน เร้ดมอนด์ แต่ก็ยังไม่ผ่าน เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่บินปัดมือเดียวบอลออกหลังไป
   
         กระทั่งช่วงทดเจ็บ อัลบาโร่ โมราต้า ก็มาแก้ตัวสำเร็จจากการประสานงานที่ยอดเยี่ยม เอแด็น อาซาร์ เล่นชิ่งกับ มาร์กอส อลอนโซ่ ก่อนจ่ายทะลุช่องให้หัวหอกสเปนที่คราวนี้ยิงตุงตาข่าย ถือว่าเรียกความมั่นใจได้เต็มเปี่ยมเลยหลังพลาดโอกาสจังหวะก่อนหน้า
          ถือเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมอีกครั้งของ เชลซี ที่ไม่ปล่อยให้พลาดทำแต้มหลุดมือเหมือนกับเกมกับ เวสต์แฮม ที่แม้บุกเยอะแต่ดูจังหวะเข้าทำเหมือนไร้ไอเดีย
         คนที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เอแด็น อาซาร์ ที่ยังเป็นทุกอย่างของทีมเหมือนที่ผ่านมา
         หรือจะ เกปา ที่ถือเป็นอีกเกมที่มือกาวค่าตัวแพงที่สุดในโลกได้โชว์ฝีไม้ลายมือให้เห็นว่ามีดีพอสำหรับค่าตัวที่ "สิงห์บลูส์" จ่ายไป และพร้อมท้าชิงตำแหน่ง "โกลเด้น โกลฟ" ของพรีเมียร์ลีกในปีนี้ โดยเก็บคลีนชีตไปแล้ว 4 เกมจาก 8 เกมในลีกฤดูกาลนี้ และเป็นคลีนชีตที่ 6 จาก 10 เกมรวมทุกรายการด้วย
   
         เชลซี เก็บเพิ่มเป็น 20 คะแนนเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิวเอร์พูล ที่เสมอกัน เป็นสามทีมที่คาดกันว่าจะเบียดลุ้นแชมป์กันไปยาวๆจนกระทั่งจบฤดูกาล
         สัปดาห์หน้าทีมได้พักจากโปรแกรมทีมชาติ ก่อนจะต้องเจอกับงานหนัก (รึเปล่า) ที่ต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังอยู่ในที่นั่งลำบากและต้องการชัยชนะอย่างมาก
         แต่ถ้าดูจากสไตล์การทำทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่แสดงให้เห็นในซีซั่นนี้ก็คงพูดได้อย่างไม่กลัวหน้าแตก้ลยว่า เชลซี ดีกว่าและคงได้สามแต้มแน่นอน


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด