สถานการณ์ของ เอแด็น อาซาร์ กับ เชลซี ยังคงเป็นปริศนาว่าจะอยู่หรือไปในซัมเมอร์หน้า
แม้ว่าจะมีข่าวออกมาเป็นระยะว่า "สิงห์บลูส์" พร้อมที่จะทุ่มแหลกเพื่อรั้งดาวเตะเบอร์หนึ่งให้ค้าแข้งอยู่กับทีมต่อไปจากสัญญาที่กำลังจะหมดลงในปี 2020 แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้
ข่าวดีของพลพรรคสีน้ำเงิน (ในตอนนี้) ก็คือสตาร์ทีมชาติเบลเยี่ยมยืนยันว่าจะอยู่กับทีมไปถึงช่วงซัมเมอร์หน้าเป็นอย่างน้อย
ส่วนข่าวดีในข่าวร้ายฟอร์มของเจ้าตัวเปรี้ยงปร้างอย่างมากในฤดูกาลนี้ก็เหมือนกับดาบสองคมยิ่งเชิญชวนให้ เรอัล มาดริด ต้องการตัวไปร่วมทีมมากกว่าเดิม
และข่าวร้ายที่สุดก็คือ อาซาร์ ไม่เคยปิดบังความรู้สึกว่าต้องการย้ายไปค้าแข้งในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว และเคยพูดออกสื่อมาแล้ว เพียงแต่เขาเคารพสัญญากับสโมสร
ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง สิ่งเดียวที่จะทำให้อุ่นใจได้ก็คือภาพของดาวเตะวัย 27 ปี นั่งเก้าอี้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมอย่างเป็นทางการเท่านั้น กับข้อเสนอตัวเลขระดับ 300,000 ปอนด์ ที่มีการระบุออกมาว่าทาง "สิงโตน้ำเงิน" จะยื่นให้พิจารณา
แต่ก็คงต้องเผื่อใจกันเอาไว้บ้างหากสุดท้ายต้องเสีย "เบอร์หนึ่ง" ของทีมไปจริงๆ
วันนี้ลองไปดูว่าใครกันบ้างจะมีโอกาสเข้ามารับหน้าที่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ หากไม่มี อาซาร์ อีกต่อไป
วิลฟรีด ซาฮา
สโมสร : คริสตัล พาเลซ
หนึ่งในนักเตะที่มีชื่อพัวพันกับทีมในช่วงซัมเมอร์ 2-3 ฤดูกาลหลัง ว่าจะเข้ามาเป็นหนึ่งในขุนพลแข้งสีน้ำเงิน วิลฟรีด ซาฮา ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก ที่ไม่ได้อยู่กับทีม "ท็อป 6" ขอวตาราง ซึ่งด้วยศักยภาพแล้วเจ้าตัวมีดีพอที่จะเล่นให้กับทุกทีมในลีกด้วยซ้ำ
นักเตะซึ่งเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อตัวมาร่วมทีมแต่ไม่ได้ใช้งานเพราะวางมือไปซะก่อนกลับต้องมาเสียคนในยุคของ เดวิด มอยส์ ที่ไม่ให้โอกาสลงสนามเลย กระทั่งสุดท้ายต้องระหกระเหินจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับรังเก่าอย่าง คริสตัล พาเลซ ทั้งที่มาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้เพียงแค่ครึ่งซีซั่นเท่านั้น กระทั่งย้ายกลับแบบถาวร
การย้ายกลับถิ่นเซลเฮิร์ส พาร์ค เหมือนกับเป็นการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่, ซาฮา กลับมาเป็น ซาฮา คนเดิมอีกครั้ง คนที่สร้างสรรค์เกมได้อย่างน่าตื่นเต้น คนที่ยิงประตูช่วยทีมได้ และคนที่แอสซิสต์ให้เพื่อได้อยู่เสมอ
ด้วยสไตล์การเล่นเกมรุกทางฝั่งซ้ายที่ถือเป็นตำแหน่งเดียวกับ เอแด็น อาซาร์ พร้อมกับฤดูกาลนี้ที่โดดเด่นทีเดียวยิงไปแล้ว 3 ประตูจาก 7 เกม ยิ่งได้รับการจับตามากกว่าเดิม
จะเป็นการดีหาก เชลซี ชิงลงมือก่อนเพราะนอกจากพวกเขาแล้วก็มี สเปอร์ส ที่ให้ความสนใจอยู่เช่นกัน
อีร์วิ่ง โลซาโน่
สโมสร : พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น
ผู้เล่นที่เนื้อหอมที่สุดของวงการในเวลานี้หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมชาติเม็กซิโกในฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา
อีร์วิ่ง โลซาโน่ ใช้เวลาไม่ถึงสองปีจากนักเตะที่ไม่มีใครรู้จักก้าวสู่การเป็นพ่อค้าแข้งที่ได้รับการจับตามองทั่วยุโรป จากสโมสรปาชูก้า ในบ้านเกิดย้ายมาอยู่กับ พีเอสวี เมื่อปี 2017 ก่อนเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้ทีมก้าวไปคว้าแชมป์อเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ มาครองด้วยการตะบัน 17 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์ ในการลงเล่น 29 นัด ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว
และการออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ยิ่งเจ๋งกว่าเดิมด้วยการกดไปแล้ว 7 ลูกอีก 1 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเพียง 8 เกม ตอกย้ำให้เห็นถึงพัฒนาการที่ยิ่งดีขึ้นมากกว่าเดิม
โลซาโน่ เป็นตัวรุกสไตล์ความเร็วสูง, เทคนิคยอดเยี่ยมและมีการจบสกอร์ที่ไม่ธรรมดา คล้ายคลึงกับการเล่นของ เอแด็น อาซาร์ เป็นอย่างมาก
แต่ปัญหาเดียวของทัพ เชลซี ก็คือการที่จะต้องแย่งชิงกับโคตรทีมอย่าง บาร์เซโลน่า ที่เฝ้าจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แถมทางบิดาของ อีร์วิ่ง ก็เคยออกมาเปิดเผยว่า "เจ้าบุญทุ่ม" เคยทาบทามดึงตัวลูกชายไปร่วมทีมจริง
หรือยิ่งไปกว่านั้น ตัวนักเตะเองก็ไม่ปิดบังความรู้สึกว่าต้องการย้ายไปเล่นในถิ่นคัมป์ นูซึ่งถือเป็นความฝัน (อีกแล้ว)
รู้อย่างนี้แล้วคิดจะทำอะไรก็รีบลงมือทำให้ไวหน่อยล่ะ
ลอเรนโซ่ อินซินเญ่
สโมสร : นาโปลี
คงไม่มีใครปฎิเสธความสามารถของตัวรุกทีมชาติอิตาลีผู้นี้ ที่ก้าวขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของวงการลูกหนังกัลโช่ เซเรีย อา
ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ อาจจะเป็นนักเตะที่เก่ง แต่การก้าวขึ้นมาเป็นยอดแข้งอย่างที่เป็นในปัจจุบัน คงต้องบอกว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ นี่แหละที่เป็นนปลุกปั้นเขาขึ้นมา
แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นแข้งหลักของ นาโปลี อยู่แล้ว แต่ช่วงเวลาที่พีคที่สุดคือนับตั้งแต่ ซาร์รี่ เข้ารับตำแหน่งนายใหญ่ในปี 2015 นับจากนั้น กองหน้าทีมชาติอิตาลีก็ติดลมบนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของเซเรีย อา
54 ประตูที่ทำได้ในกัลโช่ เกิดขึ้นในยุคของ ซาร์รี่ ถึง 38 ลูก หรืออาจจะบวกอีก 6 ประตูที่ทำได้ในฤดูกาลนี้เข้าไปเป็นการต่อยอดมาจากการปั้นของกุนซือเชลซีก็ได้
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้การดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของ อินซินเญ่ ดีเท่ากับ ซาร์รี่ ที่ปัจจุบันนั่งเก้าอี้นายใหญ่ทีมสิงโตน้ำเงินแห่งกรุงลอนดอน ซึ่งก็หวังดึงลูกน้องเก่ามาร่วมทีมเช่นกัน
ทว่าปัญหาหนักใจก็คือการที่ ซาร์รี่ ดูไม่กินเส้นกับ ออเรลิโอ เด เลาเรนติส ประธานสโมสรนาโปลีที่ตามจิกตามด่ามาตลอดนับตั้งแต่โยกออกจากทีมมาคุม เชลซี
มั่นใจได้เลยว่าในเคสของ อินซินเญ่ จะแตกต่างกับ จอร์จินโญ่ ที่ นาโปลี พร้อมขายอยู่แล้วเพียงแค่ เชลซี ไปตัดหน้ามาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ในรายของดาวยิงวัย 27 ปี คงต้องใช้พลังมากหน่อย
แกเร็ธ เบล
สโมสร : เรอัล มาดริด
ถือว่าสมน้ำสมเนื้อทีเดียวกับในเคสของ แกเร็ธ เบล ที่อยู่กับ เรอัล มาดริด อยู่แล้ว และถ้าหากอยากได้ เอแด็น อาซาร์ ก็เอาสตาร์รายนี้มา
จากเด็กน้อยที่ เซาธ์แฮมป์ตัน สู่การก้าวขึ้นมาเป็นพ่อค้าแข้งตัวอันตรายกับ สเปอร์ส ด้วยผลงานอันสุดยอดจนถึงขนาดที่ เรอัล มาดริด ทุ่มเงินเป็นสถิติโลกดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2013
แม้ว่าช่วงหลังจะมีปัญหากับการลงสนามในยุคสมัยของ ซีเนดีน ซีดาน แต่เขาก็ยังเป็นตัวทีเด็ดของทีมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเกมชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ล่าสุดกับ ลิเวอร์พูล ที่เป็นตัวทีเด็ดพาให้ทีมคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ
เชลซี มีแต่ตัวรุกที่ถนัดการเล่นทางซ้ายทั้ง เอแด็น อาซาร์, วิลเลี่ยน รวมถึง เปโดร โรดริเกซ โดยสองรายหลังต้องยอมรับว่าผลงานผีเข้าผีออกตลอด และส่วนใหญ่ก็หวังพึ่งได้แค่เท้าขวาข้างเดียวเท่านั้น
"ราชันชุดขาว" ไม่ปล่อย เบล ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็เพราะทีมเสีย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปแล้ว แต่หากสุดท้ายยังดึง อาซาร์ ไปร่วมทีมก็มีความเป็นไปได้จะยอมปล่อย เบล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก เชลซี ใช้เป็นข้อต่อรอง
ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เลวในกรณีที่ว่ายังไงก็ต้องเสีย อาซาร์ แน่ อย่างน้อยได้ เบล มาก็สมน้ำสมเนื้อเช่นกัน