แข้งสิงห์ที่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งตัวจริง

         รั้งอันดับ 4 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก, ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ยูโรปา ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่ม, เข้ารอบ 4 ในศึกเอฟเอ คัพ ส่วนในคาราบาว คัพ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ โดยเลกแรกบุกพ่าย สเปอร์ส 0-1 ยังมีอีกเกมให้แก้ตัวอยู่

         11 ตัวจริงของนายใหญ่ชาวอิตาลีถือว่าค่อนข้างชัดเจนในช่วงต้นซีซั่นในระบบ 4-3-3 เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ถูกดึงตัวมาแทน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ในตำแหน่งผู้รักษาประตูพร้อมกับรับหน้าที่มือหนึ่ง ส่วนกองหลังยืนพื้นไล่ตั้งแต่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ มาร์กอส อลอนโซ่

         ส่วนแดนกลางยืนพื้นที่ จอร์จินโญ่ ตัวใหม่ที่ตามกันมาจาก นาโปลี ร่วมด้วย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนอีกคนสลับกันเล่นระหว่าง มาเตโอ โควาซิช ที่ยืมมาจาก เรอัล มาดริด และ รอสส์ บาร์คลี่ย์

         แนวรุกมี เอแด็น อาซาร์ เป็นกำลังสำคัญ อีกฝั่ง เปโดร โรดริเกซ กับ วิลเลี่ยน ส่วนกองหน้า อัลบาโร่ โมราต้า ยึดตำแหน่งตัวจริงก่อน โอลิวิเยร์ ชิรูด์

         ซึ่งในระหว่างเกมการแข่งขันหากไม่มีนักเตะบาดเจ็บหรืออะไรก็ตามแต่ ตัวจริงกับตัวสำรองที่เปลี่ยนลงเล่นมักจะไม่ค่อยแปลกตาจาก 14 คนนี้สักเท่าไร

         สำหรับฤดูกาลนี้ในพรีเมียร์ลีกมีนักเตะอยู่ 4 คนที่ลงเล่นครบทุกนัดคือ เกปา, อลอนโซ่, รือดิเกอร์ และ ก็องเต้ ซึ่งหากนับรวมทุกรายการแล้ว เกปา คือคนที่ลงเล่นมากสุดที่ 28 เกม แต่ก็ไม่แปลกเพราะผู้รักษาประตูสามารถลงได้ทุกนัดอยู่แล้ว

         ถึงกระนั้นในช่วงหลังที่ทีมมีช่วงทำผลงานย่ำแย่นั้นก็มีนักเตะแกนหลักของทีมที่หลุดฟอร์มไปดื้อๆ และไม่ใช่แค่เกมเดียว แต่ย่ำแย่หลายต่อหลายเกมเลยทีเดียว

         ใครกันบ้างที่ฟอร์มตกและถึงเวลาที่ควรจะหลุดจากตำแหน่งตัวจริงสักที

มาร์กอส อลอนโซ่

ตำแหน่ง : แบ็คซ้าย

         อาจจะเซอร์ไพรส์ที่ชื่อของ มาร์กอส อลอนโซ่ โผล่ขึ้นมา แต่เชื่อว่ามีอีกไม่น้อยเช่นกันที่คิดว่าควรจะให้คนอื่นได้ลงแทนที่ของแบ็คชาวสเปนบ้าง

         ในระบบ 3-5-2 ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ขับเน้นความโดดเด่นของ อลอนโซ่ ให้กลายเป็นวิงแบ็คซ้ายจอมบุกติดอันดับต้นๆของโลกทั้งยิงประตูและแอสซิสต์ แต่เมื่อเล่นระบบกองหลังสี่คนสิ่งที่ตามมาจากการเติมเกมบุกทำให้บ่อยครั้งส่งผลถึงเกมรับ

         แม้ว่าจะออกสตาร์ทฤดูกาลนี้อย่างโดดเด่นแต่หลังจากเล่นไปเล่นมา อลอนโซ่ ที่เติมเกมรุกเป็นชีวิตจิตใจเริ่มเผยจุดอ่อนให้เห็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมรับที่ภาระจะไปตกกับกองกลางตัวรับรวมถึงคู่เซนเตอร์

         การเติมสูงของเขามักจะเปิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ให้คู่แข่งฉกฉวยโอกาสอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวริมเส้นของคู่แข่งที่ไม่ลำบากเลยในการรอบอลจากเพื่อนเพื่อทะลวงแนวรับฝั่งซ้ายของ "สิงห์บลูส์" 

         แม้คงยากที่จะเปลี่ยนใจ เมาริซิโอ ซาร์รี่ แต่เชื่อว่าหาก เอแมร์ซอน ได้โอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักได้เช่นกัน แม้รุกอาจจะดีไม่เท่าแต่รับดีกว่าแน่นอน

ดาวิด ลุยซ์

ตำแหน่ง : เซนเตอร์

         กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้แฟนบอล เชลซี ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อ ดาวิด ลุยซ์ ที่ดูเหมือนว่าควรจะหมดอนาคตในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ไปแล้ว กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่

         แต่ด้วยระบบการเล่นของนายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนที่ดูจะเข้ากับสไตล์ของเซนเตอร์ชาวบราซิล ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจในการเป็นกำลังสำคัญของทีมในซีซั่นนี้

         แน่นอนว่า ลุยซ์ เป็นหนึ่งในเซนเตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการขึ้นเกมรุก มีลูกยิงที่ดีกว่ากองหลังทั่วไป และบ่อยครั้ง ลุยซ์ มักจะดันเกมขึ้นมาถึงกลางสนามเพื่อเป็นคนคอยเปิดบอลจากตรงกลางเข้าเขตโทษ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของทีมในซีซั่นนี้

         อย่างไรก็ตามฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องของเกมรุก แม้ เชลซี ในปัจจุบันจะเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการครองบอลเหนือกว่าคู่แข่ง แต่ทักษะการเล่นเกมรับของ ลุยซ์ ต้องยอมรับเช่นกันว่า "ต่ำ" กว่ามาตรฐานในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางมากนัก 

         นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีปัญหารบกวนใจกับเรื่องสัญญาฉบับใหม่ที่จะหมดหลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งด้วยนโยบายแล้ว เชลซี พร้อมต่อสัญญาใหม่ให้อีกหนึ่งปี แต่ดูท่าทางว่าเจ้าตัวจะไม่ยอม ซึ่งจากรายงานล่าสุดก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ด้วย

         แบบนี้แล้วควรที่จะเป็นโอกาสของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่เป็นตัวหลักในทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ เมื่อซีซั่นที่แล้ว ซึ่งเซนเตอร์ชาวเดนมาร์กเล่นได้ดีในลูกกลางอากาศรวมถึงลูกบนพื้น และสิ่งที่ดีกว่านั้นก็คือวินัยในการเล่นเกมรับที่เหนือกว่า ดาวิด ลุยซ์ แน่นอน

วิลเลี่ยน

ตำแหน่ง : ปีก

         ในช่วงเวลาอันย่ำแย่ของกองหน้า เมาริซิโอ ซาร์รี่ เลือกที่จะดัน เอแด็น อาซาร์ ขึ้นไปอยู่ด้านบน โดยมี วิลเลี่ยน กับ เปโดร โรดริเกซ ที่คอยปั้นเกมในระแบบแนวรุก 3 คน

         ซึ่งที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้สตาร์ชาวบราซิลกับสถิติยิงได้เพียง 2 ประตู จากการลงเล่น 20 เกมในพรีเมียร์ลีก (ตัวจริง 18 ตัวสำรอง 2) เป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาควรจะอยู่ในสนามหรือข้างสนามมากกว่ากัน

         ยามเล่นเป็นตัวจริง เกือบทุกเกม วิลเลี่ยน จะโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามอยู่เสมอ จะด้วยผลงานย่ำแย่หรือการเปลี่ยนตัวที่แทบจะตายตัวของ ซาร์รี่ แต่ต้องยอมรับว่าหลายต่อหลายเกม วิลเลี่ยน โชว์ฟอร์มในห่วยแตกจริง

         นายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนที่โน้มน้าวอย่างหนักให้ วิลเลี่ยน อยู่ค้าแข้งกับทีมต่อไปให้จากที่ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเจ้าตัวตกเป็นข่าวว่าทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า ให้ความสนใจ จนสุดท้ายอยู่ค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ต่อ

         แต่ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าคงถึงเวลาแล้วที่ ซาร์รี่ ควรจะให้โอกาสกับ คัลลั่ม ฮั๊ดสัน-โอดอย ในการลงเล่นเป็นตัวจริง รวมถึงเป็นอนาคตของสโมสร 

         ถือเป็นการพิสูจน์ความจริงใจกับดาวรุ่งรายนี้ไปในตัวก่อนที่จะต้องเสียเพชรเม็ดงามนี้ไปให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่เดินหน้าอย่างหนักที่จะดึงตัวไปร่วมทีมให้ได้

เปโดร โรดริเกซ

ตำแหน่ง : ปีก

         ถือเป็นนักเตะที่ไม่เชิงว่าเป็นตัวจริง แต่บ่อยครั้งก็จะได้โอกาสลงสนามอยู่เสมอ โดยเฉพาะการมาของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ดูเหมือนจะเข้ากับสไตล์การเล่นของ เปโดร 

         ทั้งเรื่องของความเร็ว, ความขยัน, การวิ่งตัดหลังแนวรับคู่แข่ง ถือเป็นจุดเด่นของสตาร์ชาวสเปน แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าปัญหาของปีกความเร็วสูงรายนี้คือเรื่องของความสม่ำเสมอ รวมถึงปัญหาอาการบาดเจ็บที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

         ในช่วงที่ฟอร์มกำลังดี เปโดร มักจะต้องเจอกับปัญหาบาดเจ็บเล่นงานทำให้ผลงานขาดช่วง พอกลับมาก็ไม่ค่อยเป็นเหมือนเดิม ถือเป็นเหตุผลหลักที่ ซาร์รี่ ไม่ควรดันให้เขาเป็น 11 ตัวจริง

         จริงอยู่ที่ เชลซี มีทางเลือกไม่มากนักในแนวรุกเมื่อดูจากขนาดของทีม แต่หลายครั้งยามที่ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ลงเล่น ดาวรุ่งชาวอังกฤษรายนี้ก็แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม แม้การเล่นในตำแหน่งปีกจะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดก็ตาม

        นอกจากความเร็วแล้ว ลอฟตัส-ชีค ยังมีความแข็งแกร่งรวมถึงเทคนิคที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีการยิงประตูที่ดีด้วย ซึ่งหากได้รับการลงสนามต่อเนื่องเขาจะพัฒนาขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวอันตรายได้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น ซาร์รี่ ควรจะได้โอกาสดาวรุ่งนี้มากกว่าเดิมได้แล้ว