เสียหาย
แน่นอนว่ายังรวมถึงอนาคตของ เอแด็น อาซาร์ สตาร์ตัวเก่งที่ส่อแววจะค้าแข้งกับทีมแค่จบซีซั่นนี้เท่านั้น หลังเห็นได้ชัดเลยว่าฤดูกาลนี้แบกทีมจนไหล่น่าจะทรุดไปแล้ว
ความพ่ายแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล 0-2 ในศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" ขบวนล่าสุด เป็นเรื่องที่ฝั่งสิงห์บลูส์ทุกหมู่เหล่าคงคิดไม่ถึง หลังจากที่ได้เห็นคู่อริร่วมเมืองบุกไปพ่าย เวสต์แฮม ในเกมก่อนหน้านี้
ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ต้องยอมรับว่าฟอร์มการเล่นของตัวเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ถึงแม้ว่าจะแพ้เกมลีกแค่นัดเดียวจาก 7 เกมก่อนหน้านี้
แต่ถ้าเจาะลึกเข้าไปในฟอร์มการเล่นจริงๆแล้ว เชลซี ถือว่ารอดตัวแบบ "หวุดหวิด" มาในหลายๆเกม ใน 10 นัดหลัง มีแค่เกมกับ ฟูแล่ม และ แมนฯ ซิตี้ เท่านั้น ที่พวกเขาชนะขาดเกินหนึ่งประตู นอกนั้นถ้าไม่เฉือนชนะก็เสมอหรือไม่ก็แพ้
ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ สร้างความสดใหม่ให้กับทีมรวมถึงแฟนๆสีน้ำเงิน หลังฤดูกาลก่อนหน้าดูจะหดหู่ไปสักหน่อยในยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ แม้ว่าจะมีแชมป์เอฟเอ คัพ ในบั้นปลาย แต่ที่ทีมต้องการอย่างน้อยก็คือต้องไปลุ้นในถ้วยใบใหญ่ของยุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหมือนกับบรรรดายักษ์ใหญ่ร่วมลีก
ก็กันท่าแฟนบอลทีมอื่นที่คอยล้อเลียนว่าไม่ได้ไปเล่นในยูซีแอลด้วยนั่นแหละ
จากที่ทำได้ดีในช่วงเริ่มต้นแต่ไปๆมาๆดูะเหมือนว่าปัญหาของ เชลซี จะถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่าคู่แข่งแทบจะจับทางได้แล้ว
การจัดทีมของเทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนใครก็สามารถคาดเดาได้ว่าใครจะลงสนามไล่ตั้งแต่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ดาวิด ลุยซ์ มาร์กอส อลอนโซ่, จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช
ส่วนแนวรุกช่วงหลัง เอแด็น อาซาร์ ขยับขึ้นไปยืนกองหน้า คนที่เล่นเกมรุกริมเส้นก็ชัดเจนว่าเป็น วิลเลี่ยน และ โปโดร โรดรีเกซ
ไม่มีอะไรให้แปลกใจเลย
จริงอยู่งานผู้จัดการทีมถ้ามี 11 ผู้เล่นตัวจริงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่กับ เชลซี ดูเหมือนคนที่ลงสนามมาบางคนสมควรที่จะถึงเวลาหลุดเป็นสำรอง แล้วให้โอกาสตัวสำรองได้ลงทำหน้าที่กันบ้าง
และในเกมกับ อาร์เซน่อล ก็ยิงเปิดรอยแผลที่เป็นรอยเล็กๆให้ขยายกว้างขึ้นอย่างชัดเจน
หลังจากสตาร์ทอย่างเอื่อยๆ แต่การโดน อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ เจาะตาข่ายเหมือนจะเป็นการปลุกให้ฝั่งสีน้ำเงินดูมีแรงฮึดขึ้นมา
แต่โอกาสขึ้นเกมบุกที่มีอย่างมากมายหลังเสียประตูกลับลงเอยด้วยการจ่ายเสียไม่ก็ยิงทิ้งขว้างกันไปเอง โดยเฉพาะจังหวะที่ เปโดร หลุดเข้าไปยิงคนเดียว แต่บอลที่ยกข้าม แบร์นด์ เลโน่ ก็หลุดกรอบออกไป
แน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้สุดท้ายก็ต้องโดนลงโทษจากโอกาสที่น้อยกว่าของทัพ "ปืนใหญ่" บวกกับโชคนิดหน่อย ลูกโหม่งของ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ที่มาโดนไหล่แต่กลายเป็นดีบอลลอยเข้าประตูไปให้เจ้าบ้านทิ้งห่างสองประตู
อาจจะมีจังหวะได้ลุ้นจากลูกเตะมุมที่ มาร์กอส อลอนโซ่ โหม่งบอลชนเสา แต่ก็แค่นั้น
ตลอดเกมในครึ่งหลังที่เดินหน้าลุยแหลกก็จริง แต่แทบไม่มีจังหวะที่จะจะให้แฟนบอลนั่งไม่ติดเก้าอี้เลย เกมบุกที่ขึ้นโดย วิลเลี่ยน แทบจะลงเอยด้วยการเสียบอล, เปโดร ยิงนกตกปลา, เอแด็น อาซาร์ กับความพยายามที่จะเล่นคนเดียวมากจนเกินเหตุ ไม่รู้ว่าเพื่อนพึ่งไม่ได้หรือเล่นไปให้จบๆไป
โดยรวมเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม, แบร์นด์ เลโน่ แทบไม่ได้ออกแรงอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยด้วยซ้ำ
การแก้เกมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ไม่ได้มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ตามเคย, รอสส์ บาร์คลี่ย์ แทน มาเตโอ โควาซิช, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แทน วิลเลี่ยน และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แทน เปโดร โรดรีเกซ แทบจะเป็นแพทเทิร์นที่ใช้มาตั้งแต่เปิดฤดูกาล
จบเกมด้วยความพ่ายแพ้ "สิงห์บลูส์" ดูเหมือนจะกลายเป็นทีมที่ใครก็จับทางถูกไปแล้ว ทั้งการจัดตัวและการเปลี่ยนตัว อยู่ที่จะเล่นงานได้รึเปล่า
จากออกสตาร์ทได้ดีแต้มทิ้งห่างผู้ตามเยอะ จนถึงตอนนี้โดนทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แรงเหลือเกินบีบช่องว่างห่างเหลือเพียง 3 คะแนนเท่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองหน้าคือตำแหน่งที่ เชลซี ต้องการอย่างหนัก เพราะถ้า เอแด็น อาซาร์ ทำอะไรไม่ได้แล้ว แทบไม่รู้เลยว่าจะหันไปพึ่งใคร
มาร์กอส อลอนโซ่ เริ่มมีจังหวะหลุดให้เห็นบ่อยขึ้นหลังออกสตาร์ทซีซั่นนี้อย่างร้อนแรง โดยเฉพาะประตูแรกที่เสียเพราะตามเข้าไปหา อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ช้าไปหนึ่งก้าว หรือจังหวะเติมเกมรุกที่การเปิดบอลดูจะไม่เข้าเป้าบ่อยครั้ง และเมื่อ อาซาร์ เล่นไม่ได้ แบ๊คชาวสเปนก็แทบจะไม่มีประโยชน์ แถมเกมรับก็เสียตำแหน่งบ่อยด้วย
กับ ดาวิด ลุยซ์ ที่ไม่ได้เป็นตัวหลักและแทบจะไม่อยู่ในแผนงานแต่กลับมาคืนชีพในยุคของ ซาร์รี่ ตอนแรกก็ดูเหมือนจะดี แต่ท้ายที่สุดแล้วจังหวะหลุดง่ายๆยังมีให้เห็น ไหนจะออกอาการโฉ่งฉ่างเข้าสกัดบอลแบบไม่รู้จังหวะก็เริ่มหลุดออกมาเรื่อยๆแล้ว
ไหนจะ จอร์จินโญ่ ที่จากเริ่มต้นอย่างเทพ ไปๆมาๆกลายเป็นไม่มีทีเด็ดอะไรเลย และเริ่มถูกมองว่านี่เป็น "เด็กเส้น" ของเจ้านายที่หนีบมาจาก นาโปลี จนส่งให้ เชส ฟาเบรกาส ตัดสินใจอำลาทีมไปในที่สุด
แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบมาถึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่กลายเป็นต้องเล่นมิดฟิลด์ตัวสูงไปเลย ทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด จริงอยู่มีแบบแผนการเล่นของทีมที่บีบเกมสูงและแย่งบอลกลับมา, ก็องเต้ ถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการวิ่งไล่บอลในแดนหน้ารวมถึงความฟิตในการลงมาช่วยเกมรับอีกแรง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเล่นของรุกไม่ใช่แบบฉบับของสตาร์แชมป์โลกรายนี้เลย โดยเฉพาะในจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการจ่ายหรือยิงยังดูขัดหูขัดตา
ท้ายที่สุดกับตัวของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เองที่ถึงขนาดว่ามีแฟนบอลบางคนเริ่มไม่พอใจกับแนวทางถึงขนาดขับไสไล่ส่งกันเลยทีเดียว ซึ่งว่าไปแล้วก็คงเกินเลยไปสักหน่อย
ดูจากรูปการณ์ตอนนี้แล้ว การเสริมทัพดูจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งของทัพสิงโตแห่งกรุงลอนดอน แม้ว่า ซาร์รี่ จะเคยออกมาบอกว่าเน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ และไม่คิดจะทุ่มเงินดึงใครมาเสริม แต่ดูจากสถานการณ์อย่างน้อย 2 ต้องแหน่งที่ทีมต้องดึงเข้ามาคือกองหน้าตัวเป้าและกองกลางที่เข้ามาคอยแทนที่ จอร์จินโญ่ บ้าง
อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของการจัดทีม กระแสของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ค่อยๆแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้าตัวยังไม่ยอมต่อสัญญา ซึ่งผลพวงน่าจะมาจากการที่ไม่ได้ลงสนามกับทีม แต่ด้วยฟอร์มการเล่นของทั้ง วิลเลี่ยน และ เปโดร โรดรีเกซ ถึงเวลาหรือยังที่ดาวรุ่งรายนี้จะขึ้นมาสักที
หรือบางคนสมควรที่จะโดนดร็อปแล้วให้ตัวสำรองลงเล่นบ้าง โดยเฉพาะในตำแหน่งเซนเตอร์ของ ดาวิด ลุยซ์ ที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ควรได้ทำหน้าที่บ้าง ส่วนแบ็คซ้ายเป็นที่เข้าใจได้กับความวูบวาบของ มาร์กอส อลอนโซ่ คงยากที่ ซาร์รี่ จะถอดออก
แต่ถึงกระนั้นแล้วยังไงขุมกำลังก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับมาสู้ศึกในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้
ไม่อย่างนั้นหากกล้าๆหลุดจากพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกขึ้นมา ไม่แน่ว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ อาจจะไม่ได้อยู่คุมทีมถึงซีซั่นหน้าก็ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT