เหตุผลที่สิงห์ควรปลด เมาริซิโอ ซาร์รี่
นอกจากความพ่ายแพ้อันเละเทะให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-6 จนทำให้กระแส "ปลด เมาริซิโอ ซาร์รี่" กลับมาอีกครั้งหลังเพิ่งเกิดขึ้นมาหมาดๆในเกมที่โดน บอร์นมัธ อัดมา 0-4
ดูเหมือนว่าจากคะแนนนิยมในช่วงต้นซีซั่นที่มีต่อเทรนเนอร์ชาวอิตาลีผู้นี้เริ่มจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ถึงขั้นว่าบางคนไม่อยากให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปด้วยซ้ำ
แน่นอนว่างานนี้ดูเหมือนว่าบอร์ดบริหารเองก็เหมือนจะรับลูกกับเค้าเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมา เชลซี เองก็ถือเป็นสโมสรที่ไม่ได้มีความอดทนกับกุนซือที่ทำผลงานไม่เข้าตาสักเท่าไร
จริงอยู่ที่นี่เป็นปีแรกในการทำทีมของ ซาร์รี่ แล้วโดยรวมผลงานไม่ได้ถือว่าขี้เหร่อะไรนัก แต่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป้าหมายหลักของทีมตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่นก็คือการพา เชลซี กลับเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้
ซาร์รี่ เป็นโค้ชที่มีฝีมือ ไม่ต้องสงสัยเลย เพียงแต่ ณ ปัจจุบัน สิงโตแห่งกรุงลอนดอนไม่ใช่ทีมกลางๆแล้ว พวกเขาคือทีมที่ต้องมีแชมป์ติดมือทุกปี ซึ่งอันที่จริงการได้แชมป์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้นั่งในเก้าอี้ต่อไป
ชัดเจนว่าทีมจะต้องกลับไปร่วมวงในแชมเปี้ยนส์ ลีกและตอนนี้มีแค่สองทางเท่านั้น หนึ่งคว้าท็อปโฟร์ของตารางพรีเมียร์ลีกที่เริ่มยากขึ้น หรืออีกหนึ่งคือแชมป์ยูโรปา ลีกที่ทีมเป็นเต็งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้แชมป์ซะเมื่อไรกัน
แถมประการสำคัญดูเหมือนว่าการแก้เกมของ ซาร์รี่ จะไม่ค่อยน่าประทับใจนัก แผนการเล่นแบบเดิมๆ เปลี่ยนตัวแบบเดิมๆ ขึ้นเกมรุกแบบเดิมๆ ซึ่งดูเหมือนว่าคู่แข่งจะจับทางได้แล้ว
ไปดูกันว่าเหตุผลที่ว่าทำไม เชลซี สมควรจะปลด เมาริซิโอ ซาร์รี่ ออกจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด
พัฒนาการทีมอันน้อยนิด
ฤดูกาลที่แล้วถือเป็นปีที่ย่ำแย่ของ เชลซี ภายใต้การนำของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทีมจบในอันดับ 5 ของตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แน่นอนว่าการมาถึงของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวของกับทีมไม่ว่าบอร์ดบริหาร, นักเตะ หรือแฟนบอล ย่อมคาดหวังสิ่งที่ดีขึ้น แต่มองตามจริงแล้วก็ไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น
สิ่งที่อดีตนายใหญ่ นาโปลี ต้องทำคือการยกระดับทีมให้ดีขึ้นในทุกด้าน จริงอยู่ว่าสไตล์การเล่นของทีมดูมิติ ขึ้นเกมอย่างมีระบบ ครองบอลมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ออกมายังไม่ถือว่าน่าพอใจนัก
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความมั่นใจจากช่วงต้นซีซั่นของแฟนบอลจะดูจะลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน จากที่รั้งในอันดับ 2 ของตารางทีมหล่นมาอยู่ในอันดับ 6 ซึ่งอยู่นอกพื้นที่เป้าหมายของสโมสรในตอนนี้
นี่ไม่อาจจะเรียกได้ว่ามีการพัฒนา จงมองข้ามเรื่องของผลการแข่งขันออกไป เพราะนั่นไม่ใช่อย่างเดียวที่เขาต้องทำ สิ่งสำคัญคือการยกระดับนักเตะขึ้นมาด้วย รวมถึงนักเตะดาวรุ่งที่ไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควรอย่าง คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย หรือ รูเบน ลอฟตัส-ชีค ทั้งที่คนที่ลงสนามบางครั้งมีผลงานที่ย่ำแย่
ทว่าจากจุดนี้ดูเหมือนว่าผ่านไปแล้ว 1 ใน 3 ของซีซั่นต้องบอกว่า "ล้มเหลว" และดูไม่ออกเลยว่า ซาร์รี่ จะกอบกู้ความมั่นใจของนักเตะในทีมกลับมายังไง
ขนาด อันโตนิโอ คอนเต้ พาทีมคว้าสองแชมป์ในช่วงสองปียังไม่อาจรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้ ซึ่งหากว่า ซาร์รี่ ทำได้แย่กว่าก็คงไม่มีเหตุผลที่จะได้ทำงานต่อไป
ดื้อเกินกว่าจะปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษได้ชื่อว่าเป็นลีกที่ยากที่สุดในยุโรป ซึ่งพืสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ว่าคุณจะมีชื่อเสียง มีฝีมือมาจากไหนก็อาจจะล้มเหลวได้กับที่นี่
เมาริซิโอ ซาร์รี่ กำลังเผชิญกับความยากลำบากนั้นเช่นเดียวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในปีแรกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากแนวทางการทำทีมของนายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนดูเหมือนว่าเขาจะขาดความยืดหยุ่นไปสักหน่อย
สไตล์การทำทีมในแบบของ ซาร์รี่ ไปได้สวยในช่วงออกสตาร์ทซีซั่น แต่ดูเหมือนว่าเล่นไปเล่นมาคู่แข่งจะเริ่มจับทางพวกเขาได้ มันแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงหลัง
แต่ปัญหาก็คือกุนซือสิงห์บลูส์กลับยังยึดมั่นในปรัชญาการทำทีมของตัวเองโดยไร้ซึ่งการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เขาให้ความสำคัญกับการเล่นเกมรุก เช่นเดียวกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่กุนซือชาวสเปนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่เปิดเกมรุกพร่ำเพรื่อ เขารู้ว่าเกมไหนจะบุกแหลก เกมไหนจะดูเชิง ขึ้นอยู่กับคู่แข่งด้วย
ความพ่ายแพ้ให้กับ ซิตี้ 0-6 แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ ดื้อเกินไปที่จะปรับระบบการเล่นของทีม ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือเขาปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางของตัวเองในการให้สัมภาษณ์หลังจบเกมแม้เพิ่งจะโดนยำเละมา
กุนซือที่ดื้อด้านอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ และ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ เป็นที่น่าสนใจในช่วงที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำได้เยี่ยมเหมือนอย่างปากพูด
ตอนนี้ เชลซี เหมือนกับเรือที่กำลังจะจมซึ่งท้ายที่สุดเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วอีก
ใช้งาน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ผิดตำแหน่ง
ความดื้อของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปมากกว่าเดิมก็คือการใช้งาน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในตำแหน่งที่ไม่ถนัด
สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสถือเป็นนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ เชลซี แต่มาถึงในซีซั่นนี้การทำงานของเขายากขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อไม่ได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับที่ถนัดอย่างที่ผ่านมา
การมาของ จอร์จินโญ่ ซึ่งถูกค่อนขอดว่าเป็นลูกรักของ ซาร์รี่ ทำให้ตำแหน่งการยืนของ ก็องเต้ เปลี่ยนไป และด้วยระบบการเล่นที่เห็นจากตลอดช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่าอดีตมิดฟิลด์เลสเตอร์ ซิตี้ ถูกดันสูงขึ้นไปช่วยไล่บอลมากกว่าเล่นเกมรับ
แต่การเล่นของ จอร์จินโญ่ มักจะนำไปสู่ปัญหาอยู่เสมอเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งที่มีศักยภาพในการเล่นเกมรุก เห็นได้ชัดจากผลการแข่งขันในช่วงหลังที่แพ้ อาร์เซน่อล 0-2, แพ้ บอร์นมัธ 0-4 และล่าสุดกับการโดน แมนฯ ซิตี้ ถล่ม 0-6 ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ก็องเต้ อาจดูเหมือนว่าทำได้ดีขึ้นหากมองในแง่ของเรื่องการทำประตูในการขึ้นไปยืนเป็นนักเตะตัวสูง แต่เขาเหมาะสมกับการเล่นเป็นกองกลางตัวรับมากกว่า ในฐานะนักเตะที่คอยป้องกันอยู่หน้าแผงหลัง มันชัดเจนอยู่แล้วกับทีมชาติฝรั่งเศสที่ไปถึงตำแหน่งแชมป์โลก
เกมรับของ เชลซี ดูมีระเบียบเมื่อมี ก็องเต้ คอยช่วย แต่ ซาร์รี่ เหมือนจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่านี่คือสิ่งที่กำลังทำลายทีม บางทีอาจจะถึงเวลาที่จะหาเจ้านายคนใหม่ คนที่ให้ความสำคัญกับ ก็องเต้ และให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในสนาม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT