บุญพา-วาสนาส่ง
จากการที่บรรดาคู่แข่งที่พาเหรดกันไม่ใช่แค่สะดุดแต่ถึงขั้นล้มหัวคะมำกันถ้วยหน้าทั้ง สเปอร์ส, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ อยู่ในสถานะที่ดีทีเดียว
"ไก่เดือยทอง" ที่เสีย แฮร์รี่ เคน เจ็บจากศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บชัยชนะได้แค่เกมเดียวจาก 3 นัดหลัง ส่วน อาร์เซน่อล หนักเลยแพ้มาสามเกมติดและแพ้มา 4 จาก 5 นัดหลัง ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แพ้มา 3 จาก 4 เกม
ที่สำคัญในเกมล่าสุดที่ผ่านนี่แหละที่ทั้ง "ไก่เดือยทอง" และ "ปืนใหญ่" ที่ลงสนามพากันแพ้ทำให้เกมระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เชลซี ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเหมือนว่ามีโควต้าถ้วยใหญ่ของยุโรปเป็นเดิมพัน
เมาริซิโอ ซาร์รี่ จัดทีมแบบแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเล่นเพื่อเน้นความรัดกุมจากการลง มาเตโอ โควาซิช ลงสนาม ก่อน รอสส์ บาร์คลี่ย์ ที่ถนัดเกมรุกมากกว่า ส่วนแบ็คซ้าย มาร์กอส อลอนโซ่ กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจากที่ฟอร์มย่ำแย่และหลุดเป็นสำรองในช่วงหลัง
เกปา อาร์รีซาบาลาก้า, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ทำหน้าที่ในส่วนของแนวรับ แดนกลางนอกจาก โควาซิช ก็ไม่มีอะไรแปลกไป จอร์จินโญ่ กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ส่วนแนวรุกเป็นหน้าที่ของ เอแด็น อาซาร์, วิลเลี่ยน และ กอนซาโล่ อีกวาอิน
การกลับมายิงประตูได้ในเกมล่าสุดทำให้กองหน้าชาวอาร์เจนติน่าได้โอกาสออกสตาร์ทในเกมนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาผลงานโดยรวมจะเข้าขั้นว่า "แย่" เลยในสายตาแฟนบอล
"สิงห์บลูส์" ไม่ได้ออกสตาร์ทอย่างเชื่องช้าอะไร แต่เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด แต่เริ่มต้นด้วยความดุดัน จุดแข็งในเรื่องการครองบอลทีมสิงโตแห่งกรุงลอนดอนกลายเป็นโดนเจ้าถิ่นกดดันใส่จนแทบโงหัวไม่ขึ้น
เมื่อโดนบี้หนักๆกระทั่งนำมาซึ่งการเสียประตูให้กับเด็กเก่าอย่าง ฆวน มาต้า ซึ่งในจุดนั้นก็ไม่อยากจะว่าทีมของ ซาร์รี่ ยืนคุมเกมกันไม่ดี แต่การปล่อยให้ มาต้า อยู่ตรงแถวจุดโทษคนเดียวมันก็เป็นอะไรที่ยากจะรับได้
เชลซี พยายามที่จะเปิดเกมรุกเอาประตูคืน แต่ตัวความหวังอย่าง เอแด็น อาซาร์ เหมือนสู้อย่างโดดเดี่ยว ครั้นจะพึ่งพาเอาบอลฝากให้กับ กอนซาโล่ อีกวาอิน พี่ท่านก็เล่นล้ำหน้าเกือบทุกครั้งที่บอลมาถึง
และต้องบอกว่าเกมนี้เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์อย่างมากที่ดาวยิงจาก ยูเวนตุส ได้อยู่ในสนามจนครบ 90 นาทีทั้งที่ข้างสนามก็มี โอลิวิเยร์ ชิรูด์
อีกวาอิน ไม่มีการประสานงานกับเพื่อนเลย, เก็บบอลไม่ได้, ความเร็วก็ไม่มี แทบจะกลายเป็นตัวถ่วงมากกว่าที่จะเป็นตัวช่วย ยิ่งได้เห็นข่าวว่า ซาร์รี่ อาจจะดึงตัวมาร่วมทีมในซีซั่นหน้าแฟนบอลยิ่งร้องยี้กันใหญ่
แต่ในวันที่เกมแทบไม่ได้มีอะไรให้พูดถึงของ เชลซี กลับมาได้ประตูแบบโชคช่วยสุดๆเมื่อลูกยิงของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ลอยตรงตัว ดาบิด เด เคอา แต่มือกาวปีศาจแดงกลับรับไม่อยู่ชนิดที่เพื่อนก็ไม่คิดทำให้จังหวะปราดเข้าไปซ้ำของ มาร์กอส อลอนโซ่ จึงไม่มีแนวรับยูไนเต็ดคนไหนวิ่งเข้ามากดดัน สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 ในช่วงท้ายครึ่งแรกบั่นทอนกำลังใจเจ้าถิ่นแน่นอน แต่เพิ่มพูนขวัญให้กับผู้มาเยือนก่อนเข้าห้องแต่งตัว
ครึ่งหลังเกมโดยรวมของทีมไม่ได้เป็นรองน่าเกลียดอะไรนัก แม้ว่าในจังหวะเล่นเกมรุกจะไม่มีทีท่าว่าจะบวกประตูเพิ่มได้เลย แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้คู่แข่งได้โอกาสแบบจะแจ้งอะไร
มีแค่ในช่วงทดเจ็บจากลูกเตะมุมที่ มาร์กอส โรโฮ ได้โหม่ง เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ได้แต่ยืนมองแล้วแต่ยังดีที่ เปโดร โรดริเกซ ที่คุมเส้นโหม่งออกมาได้
แต่ เชลซี ก็มีโอกาสทองที่จะได้ประตูชัยเหมือนกันกับจังหวะหลุดเดี่ยวของ กอนซาโล่ อีกวาอิน ที่พยายามยิงข้ามตัว ดาบิด เด เคอา แต่ไม่พ้นทำให้สุดท้ายทีมเก็บเพิ่มอีก 1 คะแนนเท่านั้น
ถ้ามองแบบแฟร์ๆก็ถือว่าเป็นผลการแข่งขันที่ยุติธรรมดี และ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็คงพอใจกับหนึ่งคะแนนที่ได้มา เพราะเชื่อว่าใจนึงก็คงพะวงกับเกมยูโรปา ลีก รอบตัดเชือกที่ทีมจะต้องบุกไปเยือน แฟร้งค์เฟิร์ต ที่เยอรมันในวันพฤหัสบดี
ด้วยรูปเกมที่ออกมาแม้จะไม่ได้เป็นรองอะไรสุดกู่ แต่ว่ากันตามตรงแล้วหาก เชลซี แพ้ออกมาก็คงไม่มีข้อโต้แย้งอะไร
หากตัดเกมยุโรปพูดถึงเกมพรีเมียร์ลีกแบบเน้นๆ กับสองเกมที่เหลือที่จะเปิดบ้านพบ วัตฟอร์ด และไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ถือว่าไม่ใช่คู่แข่งที่พวกเขาจะเอาชนะไม่ได้ ด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าอยู่ชัดเจน
ข้ามไปดูที่คู่แข่งอย่าง สเปอร์ส ที่ต้องไปเยือน บอร์นมัธ และเปิดบ้านพบ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งในรายหลังต้องการแต้มเพื่อลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปอยู่ ส่วน อาร์เซน่อล เล่นในบ้านเจอ ไบรท์ตัน และเยือน เบิร์นลี่ย์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่โปรแกรมเบาที่สุดกับการเยือน ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ตกชั้นไปแล้ว และเกมสุดท้ายเล่นในบ้านเจอ คาร์ดิฟฟ์ ที่ถึงเกมสุดท้ายอาจจะไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดแล้วด้วย
ถ้าตัดสองทีมที่เป็นรองพวกเขาไปมองแต่ "ไก่เดือยทอง" ที่มีแต้มมากกว่าสองแต้ม ซึ่งถึงตอนนี้ เชลซี สามารถมองถึงอันดับ 3 ของตารางเลยด้วยซ้ำ
ดูเหมือนว่าอะไรจะกลับมาเข้าทาง เชลซี เต็มๆ ทั้งโอกาสในการคว้าท็อปโฟร์ หรือจะพ่วงในบอลยุโรปปีนี้ที่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเจอแต่คู่แข่งที่อ่อนชั้นเรื่อยมาจนถึงรอบตัดเชือก และเป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์ในปีนี้ไปครอง
ไม่รู้ว่า เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำบุญวัดไหนมาถึงกลับมายืนอยู่ในจุดนี้ได้อีกครั้งหลังจากที่ส่อแววว่าจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว
คว้าท็อปโฟร์ของตารางมาครองได้บวกกับแชมป์ยูโรปา ลีกตั้งแต่ปีแรกที่คุมทีม คงจะเท่ห์ไม่เบาเลย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT