บิ๊กแม็ตช์เปิดสนามของทัพสิงห์
หลังจากช่วงอุ่นเครื่องที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการทำทีมของนายใหญ่คนใหม่ก็คือเกมรุกที่วูบวาบและเข้าทำอย่างดุดัน แต่ปัญหาก็คือในเกมรับที่มีช่องว่างเยอะทีเดียว
ถ้าจะปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องเท่านั้น มันก็ต้องรวมถึงเกมรุกด้วยที่เป็นภาพลวงตา
วันอาทิตย์นี้นี่แหละที่ถือว่าเป็น "ของจริง" และเป็นตัววัดว่าทั้งเกมรุกและเกมรับของ "สิงห์บลูส์" อยู่ในสภาพเดียวกับที่เห็นในช่วงอุ่นเครื่องรึเปล่า
วันนี้ไปวิเคราะห์สถิติของทีมว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงกันบ้าง
เกมเปิดสนาม
ทั้ง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือสองสโมสรที่เก็บชัยชนะในเกมเปิดสนามมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
"ปีศาจแดง" พกสถิติเป็นทีมที่ชนะเกมแรกของซีซั่นมากที่สุดในลีก 18 เกม โดยมีทาง "สิงห์บลู์" ตามมาเป็นอันดับสองที่ 17 เกม
นอกจากนี้ เชลซี ยังแพ้เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 20 เกมหลัง โดยแพ้ให้กับ เบิร์นลี่ย์ ในรังตัวเองเมื่อปี 2017 โดยก่อนหน้านั้นก็แพ้แค่หนเดียวเกิดขึ้นในเกมกับ โคเวนทรี ที่ไฮก์ฟิลด์ โร้ด เมื่อปี 1998
สำหรับสถิติการพบกันทั้งสองทีมครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 ที่ทั้งคู่พบกันในเกมเปิดสนาม หนล่าสุดคือเมื่อปี 2004 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมหนแรกคว้าชัยชนะไปได้ 1-0 จากประตูชัยของ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ส่วนอีก 3 ครั้งที่เหลือเจอกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดทั้งหมด โดยในปี 1952 เชลซี แพ้ 0-2, ปี 1953 เสมอ 1-1 และในปี 1958 เชลซี แพ้ 2-5
สถิติของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
ในฐานะนักฟุตบอลที่พังตาข่ายมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แน่นอนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด เคยลงสนามเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วหลายเกม
นายใหญ่สิงห์บลูส์มีสถิติลงสนามเจอกับ "ปีศาจแดง" ทั้งหมด 31 เกม โดยมีสถิติอยู่ที่ชนะ 11 เสมอ 10 และแพ้ 10 ซึ่งก็ต้องถือว่าค่อนข้างสูสี
ส่วนในฐานะกุนซือแม้จะเพิ่งคุมทีมมาแค่ปีเดียวแต่ก็เคยนำทัพพบกันมาแล้วเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมานี่เอง โดยพา ดาร์บี้ บุกเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 ในเกมคาราบาว คัพ รอบ 3 ก่อนที่จะดวลเป้าเอาชนะและผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ
ก็ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีของเหล่าสาวก "สิงห์บลูส์" ที่น่าจะพออุ่นใจได้บ้างว่าขนาดกับ ดาร์บี้ ยังไม่แพ้, ด้วยศักยภาพของ เชลซี ก็คงมีลุ้นถึงชนะได้เหมือนกัน
สถิติมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด
การมาเยือนเมืองแมนเชสเตอร์ของ เชลซี ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย เพราะตลอด 6 เกมหลังที่มาเล่นที่นี่ทีมไม่ชนะเลย แม้ว่าจะเสมอได้ถึง 4 เกมก็ตาม (แพ้ 2)
หนล่าสุดที่ทีมบุกเก็บชัยชนะที่โรงละครแห่งความฝันได้ต้องย้อนไปเมื่อปี 2013 ซึ่งทีมคว้าชัยชนะ 1-0 จากประตูของ ฆวน มานูเอล มาต้า ซึ่งปัจจุบันเป็นนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว
ชัยชนะทั้ง 6 เกมในการมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ดของ "สิงห์บลูส์" นั้นมาจากผู้จัดการทีมไม่ซ้ำหน้าเลยทั้ง เกล็น ฮ็อดเดิ้ล, รุด กุลลิท, เคลาดิโอ รานิเอรี่, โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ และ ราฟาเอล เบนีเตซ
หวังว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะเป็นกุนซือคนที่ "7" ที่พาทีมบุกชนะที่นี่ได้เป็นครั้งแรกในรอบ "7" ปีได้ในเกมนี้
สถิติเจอกันของทั้งสองทีม
แม้สถิติ เชลซี มาเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่ดีเท่าไรนัก แต่สถิติเจอกันโดยรวมในช่วงหลังก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว
"สิงห์บลูส์" แพ้แค่ 2 เกมเท่านั้นจาก 13 เกมหลังที่ทั้งคู่เจอกันในพรีเมียร์ลีก โดยเก็บชัยชนะได้ 5 เกม และเสมอกัน 6 เกม
แน่นอนว่าด้วยสถิติแบบนี้ หากให้บอกว่า "ปีศาจแดง" แพ้ให้กับทีมไหนมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ก็คือ เชลซี นี่เอง ที่เอาชนะไปได้ทั้งหมด 18 ครั้ง ยังรวมถึงการเสียประตูให้กับทีมสิงโตแห่งกรุงลอนดอนมากที่สุดจำนวน 71 ประตูด้วย
ส่วนสถิติของ เชลซี ในการบุกชนะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากที่สุดคือการบุกชนะ 4-0 ย้อนกลับไปเมื่อปี 24 สิงหาคม 1968
ปรีซีซั่นของทัพสิงห์บลูส์
ในช่วงปรีซีซั่นทั้ง 7 เกมเริ่มจากที่ ไอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, เร้ดดิ้ง, ออสเตรีย และ เยอรมัน ทีมเก็บชัยชนะได้ 4 เกม เสมอ 2 แพ้ 1
ชัยชนะทั้งสี่นัดเกิดขึ้นในเกมกับ เซนต์ แพทริคส์, บาร์เซโลน่า, เร้ดดิ้ง และ ซัลซ์บวร์ก เสมอสองนัดกับ โบฮีเมียนส์ และ มึนเช่นกลัดบัค ส่วนความพ่ายแพ้เกิดขึ้นในเกมกับ โยโกฮาม่า มารีนอส
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ใช้นักเตะลงสนามทั้งหมด 36 คน แข้งที่ลงเล่นมากที่สุดก็คือ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า 426 นาที ตามด้วย เปโดร โรดริเกซ 418 นาที, คูร์ท ซูม่า 414 นาที, จอร์จินโญ่ 384 นาที และ มาเตโอ โควาซิช 367 นาที ขณะที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เจ็บก่อนหน้านี้ก็ประเดิมสนามในเกมอุ่นเครื่องเกมสุดท้ายกลับ กลัดบัค ไป 18 นาที
ส่วนประตูรวมทีมทำได้ทั้งหมด 18 ลูกมี รอสส์ บาร์คลี่ย์ 4 ประตู, เมสัน เมาท์ 3 ประตู, แทมมี่ อบราฮัม, มิชี่ บาตชูอายี่, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ คริสเตียน พูลิซิช คนละ 2 ประตู ส่วนที่เหลือมี เอแมร์ซอน, เคเนดี้ และ เปโดร โรดริเกซ คนละ 1 ประตู
สถิติจากฤดูกาลที่แล้ว
ออกสตาร์ทมากที่สุด : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า 38, จอร์จินโญ่ 37, เกปา อาร์รีซาบาลาก้า, ดาวิด ลุยซ์ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 36
ยิงประตูมากที่สุด : เอแด็น อาซาร์ 16 ลูก, เปโดร โรดริเกซ 8 ลูก, รูเบน ลอฟตัส-ชีค 6 ลูก
แอสซิสต์มากที่สุด : เอแด็น อาซาร์ 15, วิลเลี่ยน 6, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า และ รอสส์ บาร์คลี่ย์ 5
คลีนชีต : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า 14
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT