สู่เส้นทางแห่งชัยชนะ
หลังจากที่ออกสตาร์ทอย่างกระท่อนกระท่อนในช่วงต้นซีซั่น ตอนนี้ "สิงห์บลูส์" เก็บชัยชนะมาแล้ว 3 เกมติดต่อกันทุกรายการ
โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่บุกเอาชนะ ลีลล์ 2-1 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
นายใหญ่ชาวอังกฤษแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และการวางแท็คติคในแต่ละเกม ด้วยการปรับมาเล่นในระบบ 3-4-2-1 หลังก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการบุกชนะ วูล์ฟส์ 5-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก
ในเกมยุโรปแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าชัยชนะในเกมนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากการวางแผนอันแยบยลของผู้เป็นกุนซือ
อันที่จริงตั้งแต่ต้นฤดูกาล เชลซี มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนภายใต้การคุมทีมของเจ้านายคนใหม่ เล่นเกมรุกเร็ว, บีบเกมสูง โดยเฉพาะในเกมรุกที่ใช้ความดุดันเข้าทำ ไม่มีมาต่อบอลหลายจังหวะให้เสียอารมณ์แฟนๆ
เกมนี้ แลมพาร์ด ปรับให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เข้าไปยืนเป็นสามกองหลังร่วมกับ คูร์ท ซูม่า และ ฟิคาโย่ โทโมรี่ ซึ่งไม่ใช่อะไรที่แปลกนัก เพราะแบ็กขวาชาวสเปนก็เคยเล่นในตำแหน่งนี้มาก่อน ส่วนในตำแหน่งวิง-แบ็กให้ รีซ เจมส์ ที่พร้อมแล้วยืนทางขวา ส่วนทางซ้าย มาร์กอส อลอนโซ่ ทำหน้าที่
ชัดเจนว่านักเตะทั้งสองฝั่งมีทีเด็ดอยู่ที่การเติมเกมรุกสูง การส่งเซนเตอร์ยืนสามคนช่วยให้เกมของทีมแน่นขึ้น แบ็กเติมเกมบุกได้อย่างไม่ต้องพะว้าพะวง
ที่สำคัญคือการได้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมาประจำการในแดนกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ ช่วยเพิ่มความ "แน่น" ให้กับเกมของทีมมากกว่าเดิม
ส่วนแนวรุกทั้ง เมสัน เมาท์ และ วิลเลี่ยน ทำผลงานได้ดีด้วยกันทั้งคู่ในเวลานี้คอยปั้นเกมช่วย แทมมี่ อบราฮัม
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยในเกมนี้ก็คือ เชลซี ดูไม่เปิดพื้นที่ให้กับคู่แข่งมากนัก โดยเฉพาะโอกาสทำประตู ที่ตลอดทั้งเกม ลีลล์ มีโอกาสส่องเข้ากรอบเพียง 3 ครั้งเท่านั้น และ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ก็มีจังหวะเซฟสวยๆให้เห็นอีก แสดงให้เห็นถึงฝีมือที่ยกระดับขึ้นมาเช่นกัน
แม้ว่าจะมีความผิดพลาดจนเกือบเสียประตูเหมือนกันแต่ก็รอดมาได้
ความยืดหยุ่นในการเล่นเกมรับของทีมเกมนี้ถือว่าทำได้เป็นอย่างดี และมันก็เป็นผลพวงมาจากการปรับแท็คติคการเล่นของผู้เป็นเจ้านายในเกมนี้
ขณะที่ในเกมรุกกองหน้าทีมชาติอังกฤษก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเขาดีพอในการยึดตำแหน่งตัวจริงอย่างถาวรของทีมหลังเผชิญกับเสียงวิจารณ์มาตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่นว่าดีพอหรือไม่
ซึ่ง แทมมี่ ก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการซัดไปแล้ว 8 ลูกจาก 10 เกมในซีซั่นนี้
หนึ่งประตูจากเกมกับ ลีลล์ ซึ่งหากดูเผินๆเหมือนจะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่เมื่อเช็กวีเออาร์แล้วไม่ล้ำมันก็คือประตู และที่มันพิเศษกว่านั้นก็คือเกมนี้เป็นการลงสนามฉลองอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ และประตูนี้ก็เกิดขึ้นในนาทีที่ 22 ด้วย
เป็นการฉลองวันเกิดที่แฮปปี้จริงๆ
และจังหวะที่ปล่อยบอลออกจากเท้าที่ดูมั่นใจมากทีเดียว หมุนตัว ดูพื้นที่และยิงไปที่ช่องว่าง แม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าจ่อๆขนาดนั้นยังไงก็เข้า แต่หากคุณไม่เยือกเย็นพออาจจะพลาดก็ได้
ถือเป็นพัฒนาที่ดีขึ้นหลังจากที่เกมพ่าย ลิเวอร์พูล คาบ้านมีโอกาสจังหวะหลุดเดี่ยวแต่ยิงไปติด อาเดรี่ยน ดื้อๆ
รูปเกมในนัดนี้ของ เชลซี ไม่ได้เป็นรองเจ้าบ้านแม้จะเป็นการเล่นทีมเยือน นักเตะช่วยกันเล่นกันดีจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นผลพวงจากความพ่ายแพ้ในเกมแรกบีบให้ทีมจำเป็นต้องมีแต้มไม่ว่าจะ 1 หรือ 3 ก็ตาม
นอกจากการวางแผนที่ยอดเยี่ยมในเกมนี้ อีกสิ่งที่สำคัญก็คือการแก้เกมที่กล้า "วัด" ด้วยการเปลี่ยนเอา คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ลงมาเล่นแทน รีซ เจมส์ พร้อมปรับแผนมายืน 4-2-3-1 อีกครั้ง
และนั่นเป็นที่มาของประตูชัยในเกมนี้ในจังหวะสวนกลับที่ ฮัดสัน-โอดอย พาบอลทะลวงมาทางซ้ายก่อนไหลให้ วิลเลี่ยน วอลเล่ย์บอลตกพื้นเสียบตาข่าย
นี่แหละคือทีเด็ดของการเล่นเกมรุกของ เชลซี ในเกมนี้ รุกด้วยความรวดเร็ว ได้ประตูหรือไม่ก็อีกเรื่อง แต่มันสร้างโอกาสให้กับทีม
การได้ ฮัดสัน-โอดอย กลับมาช่วยเพิ่มความหลากหลายในเกมรุกของทีมได้เป็นอย่างดี ยังมี รูเบน ลอฟตัส-ชีค ที่รอต่อคิวกลับมาอีกคน ซึ่งน่าจะทำให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีตัวเลือกมากขึ้นกว่าเดิม
จากกุนซือที่ถูกมองว่าเป็น "มือใหม่" แต่จากการทำงานที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้คงได้เห็นแล้วว่า เขามีของและพร้อมที่จะเดิมพันเพื่อให้ทีมได้ชัยชนะในเกม แม้จะเสี่ยงก็ตาม
น่าเสียดายที่ เชลซี ยังติดโทษแบนในการซื้อตัวนักเตะ ทำให้ แลมพาร์ด ต้องใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดไปก่อน ยังไม่ได้ซื้อนักเตะที่ตัวเองต้องการ
แต่ผลงานของทีมก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีแม้จะมีเกมที่แพ้และดูท่าจะดีวันดีคืนอีกด้วย
ยังไม่ต้องพูดถึงซัมเมอร์หน้าที่ทีมจะกลับคืนสู่ตลาดนักเตะ ให้สู้ศึกฤดูกาลนี้อย่างเต็มที่ก่อน
สานต่อผลงานสวยๆไปจนจบฤดูกาลเดี๋ยว โรมัน อบราโมวิช เห็นมีแววก็ควักกระเป๋าให้เองนั่นแหละ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT