:::     :::

ทีมแห่งทศวรรษ

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
5,346
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ช่วงนี้มีการจัดทีมที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีของแต่ละสโมสร แฟนบอลเห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง ก็ว่ากันไป

สำหรับกับ เชลซี นับตั้งแต่การมาของ โรมัน อบราโมวิช เมื่อปี 2003 ด้วยเม็ดเงินมหาศาลทำให้สามารถทุ่มเงินซื้อนักเตะมาร่วมทีมได้ นำมาซึ่งโทรฟี่ 13 ใบ ช่วยให้ทีมก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ไม่ใช่แค่ในประเทศแต่รวมถึงในยุโรป

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง มีนักเตะที่ผ่านเข้าออกมากมาย แต่ทีมก็ยังยืนหยัดอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี และยังเดินหน้าคว้าแชมป์ได้อยู่เรื่อยๆ ชนิดที่ไม่ให้แฟนบอลต้องรอนาน

ไม่ว่าจะเป็นบอลถ้วยหรือบอลลีก ไม่ว่าจะเปลี่ยนกุนซือเป็นใครก็มักจะมีโทรฟี่มาฝากเสมอ

ที่นี่เราจะดูทีมที่ดีที่สุดของทีมในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เผื่อจะได้เก็บไว้เทียบกับในทศวรรษหน้าต่อไป

แต่ต้องขอแจ้งก่อนว่านับเฉพาะฟอร์มการเล่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่ปี 2010) ดังนั้นเหล่านักเตะอย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ปีเตอร์ เช็ก และ แอชลี่ย์ โคล จะไม่จะนับเข้าไปด้วย

ผู้รักษาประตู - ติโบต์ กูร์กตัวส์


เมื่อไม่นับ ปีเตอร์ เช็ก แล้ว คงไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปกว่า ติโบต์ กูร์กตัวส์ อีกแล้ว

จากย้ายมาร่วมชายคาสแตมฟอร์ด บริดจ์ในปี 2011 และถูกส่งตัวไปให้กับ แอตเลติโก มาดริด ยืมใช้งานจนกลายเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดี กระทั่งกลับสู่ต้นสังกัดอีกครั้งในปี 2014

เพียงแค่ปีแรกกับการมาเฝ้าเสาให้กับทีม มือกาวทีมชาติเบลเยียมช่วยทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองทั้ง พรีเมียร์ลีก และ ลีก คัพ ก่อนที่จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีกครั้งในปี 2016/17 ตามด้วยแชมป์เอฟเอ คัพในปี 2017/18 

ในช่วงเวลาที่เฝ้าเสาให้กับ "สิงห์บลูส์" แทบจะเรียกได้ว่า กูร์กตัวส์ ยกระดับขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก หรืออย่างน้อยก็ติด 1 ใน 3 ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

น่าเสียดายที่การย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ปีแรกผลงานจะน่าผิดหวัง เพราะเป็นช่วงเวลาที่ "ราชันชุดขาว" ย่ำแย่ด้วย ถ้าอยู่กับทีมต่อสถานการณ์คงไม่เป็นแบบนี้

แบ็คขวา - บรานิสลาฟ อีวาโนวิช

        

เกือบ 10 ปีในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงสนามให้ทีมไป 377 เกม มีประตูมาฝากแฟนๆถึง 34 ลูก ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มากทีเดียวเมื่อเทียบกับทำแหน่งการเล่น

อีวาโนวิช ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวามากที่สุดของทีม แถมยังมีความขยันและทุ่มเททุกครั้งยามที่สุดลงสนาม

นอกจากแบ็คขวาแล้ว อีวาโนวิช ยังสามารถขยับเข้าไปยืนเซนเตอร์ได้อีกด้วย นอกจากสารพัดประโยชน์ในเกมรับ เขายังสามารถคุกคามคู่แข่งยามเล่นเกมรุกได้ด้วยทั้งการเติมเกมริมเส้นแล้วเปิดให้เพื่อน หรือจะอยู่ในกรอบแล้วโหม่งพังประตูด้วยตัวเอง

นอกจากจะผลงานกับทีมได้ดีแล้ว อีวาโนวิช ยังถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสรด้วยการคว้าแชมป์ทุกรายการกับทีมทั้ง พรีเมียร์ลีก (3 สมัย), เอฟเอ คัพ (3 สมัย) รวมถึง ลีก คัพ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก อีกอย่างละสมัยมาครองอีกด้วย

ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสมควรที่จะอยู่ในทีมยอดเยี่ยมในรอบทศวรรษ

เซนเตอร์ - จอห์น เทอร์รี่

         

ในสายตาแฟนบอลบางคนอาจจะมองเรื่องเป็นชู้กับเมียของ เวย์น บริดจ์ หรือจังหวะลื่นล้มในการดวลจุดโทษเกมชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่กับสาวกสีน้ำเงิน จอห์น เทอร์รี่ เปรียบเสมือนพระเจ้า

จากเด็กปั้นของสโมสรกระทั่งก้าวสู่ทีมชุดใหญ่จนกระทั่งสวมปลอกแขนกัปตันทีม นี่คือหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร ลงสนามทุกรายการไป 717 เกม มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

เกือบ 20 ปีกับการค้าแข้งกับทีม เทอร์รี่ ถูกยกให้เป็นกัปตันทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสร แถมยังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในเซนเตอร์ดีที่สุดทั้งของสโมสรรวมถึงทีมชาติอังกฤษด้วย หรือจะบอกว่าเป็นแข้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของสโมสรก็ไม่น่าเกลียด

5 แชมป์พรีเมียร์ลีก, 5 แชมป์เอฟเอ คัพ, 3 แชมป์ลีก คัพ, 2 แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์, 1 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ 1 แชมป์ยูโรป ลีก คือโทรฟี่ที่ เทอร์รี่ นำมาสู้รั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์

เซนเตอร์ - แกรี่ เคฮิลล์

        

ย้ายมาร่วมทีมเมื่อปี 2012 และถือเป็นปราการหลังคู่แข่งอันแข็งแกร่งของ จอห์น เทอร์รี่ เลย

เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการคว้าแชมป์ทุกรายการกับ "สิงห์บลูส์" และผลงานในสนามถือว่าไม่ได้ด้อยไปกว่า เทอร์รี่ รวมถึงความเป็นผู้นำที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย

เมื่อ เทอร์รี่ อำลาทีมไม่แปลกที่ แกรี่ เคฮิลล์ จะก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกัปตันทีมแทน น่าเสียดายที่เมื่อฤดูกาลที่แล้วลงสนามเพียงแค่ 9 เกมทุกรายการตลอดซีซั่น กระทั่งประกาศอำลาทีมไปโดยลงเล่นเกมสุดท้ายกับสโมสรด้วยการลงสนามในช่วงท้ายเกมที่พบ วัตฟอร์ด ท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนบอลดังสนั่น

จนถึงทุกวันนี้ก็ยังค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีก โดยไปเล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ คู่แข่งร่วมพรีเมียร์ลีกนั่นเอง

แบ็คซ้าย - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า


อีกหนึ่งแข้งที่โชว์ฟอร์มได้ดีอย่างต่อเนื่องกับสโมสร และยังค้าแข้งกับทีมอยู่ในปัจจุบันในฐานะกัปตันทีมด้วย

โดยปกติเราจะเห็น เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เล่นในตำแหน่งแบ็คขวาซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เจ้าตัวสามารถไปยืนอีกฟากฝั่งได้ แถมต้องบอกว่าทำได้ดีทีเดียว

แม้ว่าตัวจะเล็กไปหน่อยแต่เรื่องของหัวจิตหัวใจแข้งชาวสเปนรายนี้ไม่เป็นรองใคร ทำได้ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ 

ถึงช่วง 1-2 ปีหลังเราอาจจะไม่ได้เห็นฟอร์มที่ดีที่สุดของ อัซปิลิกวยต้า จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่เจ้าตัวก็ยังยืนหยัด และค่อยๆโชว์ฟอร์มการเล่นกลับมาจนทำได้ดีอีกครั้งในซีซั่นนี้

แม้อนาคตต่อไปกับทีมจะยังไม่แน่นอนจากการมี รีซ เจมส์ ที่พร้อมสอดมาแย่งตำแหน่ง แต่ความขยันและความทุ่มเทของเขาไม่เป็นที่สงสัยเลย

กองกลาง - เอ็นโกโล่ ก็องเต้


คนนี้ต้องบอกว่าไม่มีไม่ได้เลย แม้ว่าจะเพิ่งย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อปี 2016 ก็ตาม

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยกระดับตัวเองจากมิดฟิลด์ธรรมดากลายเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลก ที่ไม่ได้เล่นแค่เกมรับเพียงอย่างเดียว แต่นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ได้พัฒนาการเล่นเกมรุกขึ้นมาอีกด้วย

แค่ปีแรกกับทีมก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีมาเป็นรางวัลส่วนตัวอีกด้วย

ตอนนี้ต้องยกให้กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสคือนักเตะที่สำคัญที่สุดของทัพ "สิงห์บลูส์" เลย ทั้งเรื่องฝีเท้า, การยืนตำแหน่ง, ความแข็งแกร่ง, วิสัยทัศน์ในการเล่น แถมยังมีความเร็วและการเข้าสกัดบอลที่ดี บวกกับการจบสกอร์ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอีก

ค่าตัว 32 ล้านปอนด์ที่ เชลซี จ่ายให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปทุกวันนี้กลานเป็นถูกเหมือนได้เปล่าไปแล้ว

กองกลาง - เชส ฟาเบรกาส


จากเด็กในอคาเดมี่ของ บาร์เซโลน่า ย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล กลายเป็นเด็กในคาถาของ อาร์แซน เวนเกอร์ ลงประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ในวัยเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น

หลังจากก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ดีที่สุดในโลก เชส ฟาเบรกาส กลับไปตามความฝันกับ "เจ้าบุญทุ่ม" อีกครั้ง แม้จะไม่ได้เล่นตัวจริงต่อเนื่องเท่าไรแต่ผลงานยังถือว่ายอดเยี่ยมกระทั่งย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 2014

เชส เข้ามาเป็นตัวหลักของทีมทันทีและเป็นหนึ่งในนักเตะที่ลงเล่นมากที่สุดของทีมในฤดูกาล 2014/15 และช่วยทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและลีก คัพในทันที

กองกลางชาวสเปนถือเป็นกำลังหลักของทีมจนกระทั่งการมาของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการอำลาทีม จนสุดท้ายย้ายออกจากทีมเมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา

แต่อย่างน้อยเจ้าตัวก็พกสถิติเป็นนักเตะที่แอสซิสต์ได้ถึง 100 หนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกด้วยจำนวนเกมเพียง 293 นัด น้อยกว่า ไรอัน กิ๊กส์ เจ้าของสถิติเดิมถึง 74 นัด

กองกลาง - ฆวน มาต้า


กองกลางทีมชาติสเปนย้ายออกจาก เชลซี พร้อมกับความผิดหวังสุดๆของแฟนบอล เพียงแค่หนึ่งปีหลังจากได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมด้วย

ฆวน มาต้า พกดีกรีแชมป์โลก 2010 ก่อนย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 2011 และอีกปีให้หลังก็ได้แชมป์ยุโรปกับทีมชาติสเปน โดยกับสโมสรก่อนหน้านั้นก็ได้แชมป์เอฟเอ คัพ รวมถึงโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีกด้วย

ปี 2012 จึงถือเป็นปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับมิดฟิลด์รายนี้เลย แถมในฤดูกาลถัดมายังติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีกด้วย

ในปีถัดมาก็ยังเป็นกำลังสำคัญของทีมในการช่วยต้นสังกัดชูถ้วยยูโรปา ลีกมาครองได้อีกใบ แต่ในฤดูกาล 2013/14 กลับอยู่กับทีมได้เพียงแค่ครึ่งเดียวกลับถูกขายออกจากทีมโดยกุนซือที่ชื่อ โชเซ่ มูรินโญ่

33 ประตูกับ 58 แอสซิสต์ในการลงเล่น 135 เกมให้กับทีม ต้องบอกว่าในช่วงเวลาที่ค้าแข้งกับทีมเขาคือนักเตะที่ดีที่สุดในทีมก็คงไม่แปลก

กองหน้า - วิลเลี่ยน


ถือเป็นอีกหนึ่งแข้งในแนวรุกที่เล่นได้ทั้งฝั่งขวาและซ้าย มีทีเด็ดทั้งจากลูกตั้งเตะและลูกยิงจากนอกกรอบ

แม้ว่าในช่วง 2-3 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า วิลเลี่ยน จะมีปัญหาในเรื่องของฟอร์มการเล่น แต่ปีนี้เจ้าตัวจะกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง และแถมจะทำได้ดีกว่าที่ผ่านมาซะด้วย

สตาร์ทีมชาติบราซิลดูจะกลับมามีความพริ้วไม่ต่างจากเมื่อ 4-5 ปีก่อน แม้ว่าจะมีติดๆขัดๆในช่วงต้นซีซั่น ตอนนี้ วิลเลี่ยน กลับมายึดตัวจริงในแนวรุกของทีม ท่ามกลางดาวรุ่งที่เป็นกำลังหลักในทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

ระยะเวลามากกว่า 6 ปีที่เล่นในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ ผลงาน 55 ประตูกับอีก 30 แอสซิสต์ ก็เป็นอะไรที่ต้องได้รับการปรบมือ

กองหน้า - ดีเอโก้ คอสต้า


นี่คือนักเตะที่หากเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามของคุณ, คุณก็คงจะเกลียดเขาอย่างมาก แต่หากเขาเป็นนักเตะในทีมของคุณล่ะก็ คุณจะรักเขาอย่างแน่นอน

ทำงานอย่างหนัก, มีความดุดัน, กองหน้าผู้ทำทุกอย่างเพื่อประตูของทีม พร้อมที่จะฟัดกับทุกคนที่เป็นคู่แข่ง นี่คือกองหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดในรอบทศวรรษของ เชลซี เลย

59 ประตูจากการลงสนาม 120 เกม ในระยะเวลา 3 ปีในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 2 สมัย รวมถึงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีในซีซั่น 2014/15 ด้วย

ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว ดีเอโก้ คอสต้า จะผิดใจอะไรกับ อันโตนิโอ คอนเต้ จนถึงกับต้องเก็บข้าวของย้ายออกจากทีมไป แต่ด้วยผลงานในระยะเวลาสั้นๆกับทีมต้องใช้คำว่ายอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย

กองหน้า - เอแด็น อาซาร์


อย่าว่าแต่ทีมยอดเยี่ยมในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเลย ถ้าจะบอกว่าทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลของสโมสร ยังไงก็ต้องมีชื่อของ เอแด็น อาซาร์ ในทีมแน่นอน

6 แชมป์ในรอบ 7 ปีกับทีม แม้ว่าอาจจะน้อยไปสักหน่อย แต่ต้องบอกว่า เอแด็น อาซาร์ คือส่วนสำคัญในโทรฟี่ทุกใบตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับ "สิงห์บลูส์"

นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม, นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หรือรางวัลส่วนตัวในแดนผู้ดี อาซาร์ จัดมาหมด แถมรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรอีก 4 หนด้วย

สตาร์ทีมชาติเบลเยียมมีครบทุกอย่างในแบบที่นักเตะตัวรุกควรจะมีทั้งความเร็ว, ความคล่องตัว, การจ่ายบอล, การจบสกอร์, ฟรีคิก อะไรมีหมด แถมมีช่วงเวลาที่เจ้าตัวขึ้นไปเป็กองหน้าแบบ "ฟอลส์ ไนน์" ให้กับทีมและก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันด้วย

อาซาร์ มีส่วนร่วมกับประตูของทีมถึง 160 ลูก แบ่งเป็นยิง 110 แอสซิสต์อีก 50 ตลอดระยะเวลา 352 เกมที่ลงเล่นให้กับ ติดอยู่ในท็อป 10 ของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มอบให้กับสโมสรนั้นถือว่าครบถ้วน แม้แต่ปีสุดท้ายก็ยังยอดเยี่ยมทั้งผลงานส่วนตัวรวมถึงพาทีมคว้าโทรฟี่ยูโรปา ลีกมาครอง ทำให้การลาทีมของเขาไม่มีอะไรต้องติดค้างอีก ซึ่งแฟน เชลซี จะจดจำเขาในฐานะนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมเคยมีมาเลย


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด