ในรอบทศวรรษที่ผ่านมาถือว่าน่าผิดหวังสำหรับวงการฟุตบอลอิตาลีที่ตอนนี้สโมสรในประเทศแทบจะไม่เหลือความยิ่งใหญ่อย่างเมื่อยุค 90
โดยเฉพาะในเวทียุโรปทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก ที่ไม่มีสโมสรจากแดนรองเท้าบู๊ตก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้เลย
จะมีก็แค่ ยูเวนตุส ที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่แต่ก็ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ให้กับทีมจากสเปนทั้ง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด
ส่วนแชมป์ในประเทศก็เป็น "ม้าลาย" นี่แหละที่ครองความยิ่งใหญ่คว้าแชมป์มาแล้วถึง 8 สมัยติดต่อกัน ส่วนอีกสองหนเป็นของ เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มียอดนักเตะที่ค้าแข้งในลีกอิตาลีซะเมื่อไร แค่นักเตะชาวอิตาลีก็ฝีเท้าอยู่ในขั้นระดับโลกไม่น้อย
ลองไปดูกันว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา นักเตะที่ดที่สุดในแต่ละตำแหน่งของกัลโช่ เซเรีย อา มีใครกันบ้าง
ระบบ 4-3-1-2
ผู้รักษาประตู
จานลุยจิ บุฟฟ่อน
สำหรับตำแหน่งนายด่านสุดท้ายจะเป็นใครไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เขาคนนี้ จานลุยจิ บุฟฟ่อน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามือกาวจอมเก๋าคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ไปถึง 7 สมัย มีแค่เมื่อฤดูกาลที่แล้วที่ไปเล่นกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หนึ่งปี ไม่อย่างนั้นคงเป็น 8 สมัยไปแล้ว
บุฟฟ่อน ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีทั้งหมด 5 ครั้ง และยังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2017 ซึ่งตอนนั้นอายุปาเข้าไป 39 ปีเข้าให้แล้ว พร้อมสถิติเก็บคลีนชีต 124 เกมจาก 253 นัด คิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงถึง 49% เลยทีเดียวในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
แม้ว่าในช่วงหลังจะมี ซามีร์ ฮันดาโนวิช ที่ก้าวขึ้นมาทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน แต่หากมองผลงานโดยรวมแล้วยังไงก็ต้องยกให้ บุฟฟ่อน เหนือกว่า
แบ็คขวา
คริสเตียน มาจโจ้
หนึ่งในแบ็คตัวเก๋าที่ค้าแข้งอยู่ในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มานานเกินกว่า 10 ปี สร้างชื่อจนก้าวไปติดทีมชาติอิตาลีในการค้าแข้งกับ นาโปลี
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาต้องบอกว่าในตำแหน่ง "ฟูล-แบ็ค" ถือเป็นตำแหน่งที่นักเตะไม่ค่อยจะมีใครโดดเด่นมากนัก แม้การเล่นจะไม่ได้มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ แต่สิ่งที่ คริสเตียน มาจโจ้ มีก็คือความต่อเนื่อง
จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องยากที่จะทีมอย่าง นาโปลี จะไปถึงตำแหน่งแชมป์ แต่ด้วยการเล่นของ มาจโจ้ ช่วยให้ทีมได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย รวมถึงแชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย อีก 1 สมัย
อีกคนที่เบียดแย่งตำแหน่งนี้กันอย่างสูสีก็คือ สเตฟาน ลิชสไตเนอร์ ของ ยูเวนตุส แต่ด้วยการอยู่กับทีมที่เป็นรองในเรื่องของศักยภาพแต่ผลงานส่วนตัวที่ทำได้ถึง 20 ประตู คงต้องยกให้ คริสเตียน มาจโจ้ เบียดเข้าวินไปแบบฉิวเฉียด
เซนเตอร์
เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่
หากไม่นับผลงานหนึ่งฤดูกาลที่เจ้าตัวไปเล่นกับ เอซี มิลาน ในปี 2017/18 ต้องบอกว่า เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ มีทศวรรษที่สมบูรณ์ทีเดียว
กองหลังทีมชาติอิตาลีคือกองหลังคนสำคัญของทั้งสโมสรและทีมชาติ นอกจากจะคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา มาครอง 7 สมัย ยังเป็นขุนพลของทีมชาติอิตาลีชุดรองแชมป์ยูโร 2012 รวมถึงได้เหรียญทองแดงในฟีฟ่า คอนเฟเดเรชั่น ในปี 2013
โบนุชชี่ ยังมีสถิติเป็นนักเตะที่คว้าชัยชนะมากที่สุดในการลงสนามในเซเรีย อา ถึง 212 เกม แถมเก็บคลีนชีตในฐานะกองหลังได้อีก 134 นัดในรอบทศวรรษ
นอกจากนี้เจ้าตัวยังคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเซเรีย อาเมื่อปี 2016 ถือเป็นกองหลังคนแรกที่ได้รางวัลนี้นับตั้งแต่ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ได้เมื่อปี 2006 ด้วย
จอร์โจ้ คิเอลลินี่
หนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของอิตาลีในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาจะขาดชื่อของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ไปไม่ได้เลยเมื่อพูดถึงฟอร์มการเล่นและความสำเร็จ
สตาร์ตัวเก๋าอยู่กับ ยูเวนตุส มาตั้งแต่ปี 2005 เป็นแกนหลักของทีมมาอย่างยาวนาน และอยู่คว้าแชมป์ครบทั้ง 8 สมัยติดต่อกันของทัพ "ม้าลาย"
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คิเอลลินี่ คว้าโทรฟี่กับ ยูเวนตุส มาถึง 16 รายการ ซึ่งเป็นรางวัลในประเทศทั้งหมด น่าเสียดายที่ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบชิงชนะเลิศทีมพลาดไปทั้งสองหน
นอกจากจะเล่นเกมรับได้ดี คิเอลลินี่ ยังเติมขึ้นไปเล่นลูกตั้งเตะและพอมีประตูให้แฟนๆได้เฮกับอยู่บ้าง โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีแค่ในปี 2017/18 ปีเดียวเท่านั้นที่ทำประตูไม่ได้
แบ็คซ้าย
อเล็กซ์ ซานโดร
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่หาตัวที่จะได้ชื่อว่าดีที่สุดได้ยากสักหน่อย เลยต้องยกให้ อเล็กซ์ ซานโดร จากการพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยม
แม้ว่าจะเพิ่งย้ายมาค้าแข้งในอิตาลีในปี 2015 แต่ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาล แบ็คทีมชาติบราซิลสร้างชื่อด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม คว้าแชมป์ไป 8 รายการ
อเล็กซ์ ซานโดร มีทีเด็ดอยู่ที่การเติมเกมรุกที่หาตัวจับยาก นั่นทำให้บางครั้งถูกดันขึ้นไปเล่นในตำแหน่งตัวรุกทางฝั่งซ้ายให้กับทีม ที่สำคัญคือหัวจิตหัวใจที่พร้อมบู๊อยู่เสมอไม่ว่าจะเจอกับใครก็ตาม
ด้วยผลงานระดับนี้ไม่แปลกที่หลายทีมจากอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี รวมถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเคยมีข่าวพัวพันว่าอยากได้ตัวไปร่วมทีมเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมานี่เอง
กองกลาง
อันเดรีย ปีร์โล่
หนึ่งในสุดยอดกองกลางที่ดีที่สุดในโลก หนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่เล่นให้ทั้งสามทีมใหญ่ทั้ง อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส
อันเดรีย ปีร์โล่ คือหัวใจสำคัญในแดนกลางหลังจากที่พา เอซี มิลาน ประสบความสำเร็จในยุค 2000 ก็ตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งกับ "ม้าลาย" ในปี 2011
แน่นอนว่า 4 ปีในถิ่นตูริน ปีร์โล่ คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อาทั้ง 4 สมัย บวกด้วยแชมป์โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และแชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย อีก 2 สมัย
ความสามารถในการคุมจังหวะเกม, วิสัยทัศน์ในการอ่าน, มองเกมขาด นี่คือมิดฟิลด์ที่ได้รับการยอมรับจากทุกผู้คนในวงการลูกหนังอย่างไม่ต้องสงสัย
รัดย่า นาอิงโกลัน
หนึ่งในนักเตะที่มีประสบการณ์ค้าแข้งในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลีมาอย่างโชกโชน แม้ว่าชื่อเสียงจะไม่ได้โด่งดังจนเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ผลงานของเขาต้องบอกว่าไม่ธรรมดา
หลังจากสร้างชื่อขึ้นมากับ กายารี่ ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม รัดย่า นาอิงโกลัน ก้าวไปอีกขั้นในการค้าแข้งกับ โรม่า ด้วยการเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของทีมหมาป่าในฐานะตัวปั้นเกมที่นอกจากจะทำประตูได้ยังแอสซิสต์ให้เพื่อนด้วย
แม้จะไม่สามารถช่วยทีมคว้าแชมป์อะไรมาครองได้ แต่ นาอิงโกลัน ก็มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของกัลโช่ เซเรีย อาถึง 4 หนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และยังเคยเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ โรม่า อีกด้วย
ปัจจุบันยังคงโลดแล่นในสังเวียนเป็นกำลังสำคัญให้ กายารี่ ทำผลงานได้ดีอยู่ในฤดูกาลนี้
มิราเล็ม เปียนิช
ครบหนึ่งทศวรรษพอดีสำหรับพ่อค้าแข้งทีมชาติบอสเนียฯที่มาหากกินในอิตาลี นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งกับ โรม่า จาก โอลิมปิก ลียง เมื่อปี 2011
5 ปีอันยอดเยี่ยมกับ โรม่า, มิราเล็ม เปียนิช พังตาข่ายให้ทีมไปไม่น้อยที่ 27 ลูกจาก 159 เกมในเซเรีย อา ก่อนจะถูกดึงตัวมาเข้าสังกัด ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 32 ล้านยูโร
นี่คือกองกลางที่ยึดตำแหน่งของทีมได้อย่างเหนียวแน่นทีสุดคนหนึ่ง แม้ว่า "ม้าลาย" จะมีมิดฟิลด์ดาวดังเพียบ แต่สตาร์วัย 29 ปีก็ยืนหยัดทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีจนแม้จะมีการเปลี่ยนโค้ชก็ยังได้รับความไว้วางใจ
การที่ค้าแข้งในอิตาลีมายาวนานครบทศวรรษทำให้ชื่อของ เปียนิช ได้รับการเลือกเข้ามาอยู่ในทีมเหนือ ปอล ป็อกบา และ อาร์ตูโร่ วีดาล ที่ย้ายออกไปซะก่อน
กองกลางตัวรุก
มาเร็ค ฮัมซิค
หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสรนาโปลี ซึ่งหากไม่มีชื่อของ ดีเอโก้ มาราโดน่า "พระเจ้า" ของลาวเนเปิ้ลส์ คงต้องยกตำแหน่งที่สุดให้ไปแล้ว
มาเร็ค ฮัมซิค ติดทีมแห่งทศวรรษอย่างไร้กังขากับผลงานอันยอดเยี่ยมตลอดเส้นทางค้าแข้งกับ นาโปลี แม้ว่าจะไม่สามารถจะไปถึงฝั่งฝันด้วยการพาทีมคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ได้ แต่ความสำเร็จในแง่ของผลงานส่วนตัวต้องบอกว่ายอดเยี่ยม
เขาคือนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ 520 และดูแล้วคงยากที่ใครจะทำลายลงได้ง่าย เพราะนักเตะที่ยังค้าแข้งอยู่อย่าง โฆเซ่ กาเยฆอน เพิ่งลงเล่นไปเพียง 320 เกมเท่านั้น
นอกจากนี้ ฮัมซิค ยังเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรโดยทำไปทั้งสิ้น 121 ประตู ทั้งที่ไม่ได้กองหน้าด้วย
หากนับในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเขาทำไป 74 ประตูกับอีก 69 แอสซิสต์ มีส่วนร่วมกับประตูถึง 143 ลูก! ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของลีกอิตาลี และไม่ใช่แค่เฉพาะในทศวรรษนี้ด้วย
กองหน้า
อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่
หากว่าคุณเช็กผลฟุตบอลผ่านทางไลฟ์สกอร์หรืออะไรก็ตาม ถ้า อูดิเนเซ่ ลงทำการแข่งขันแล้วทำประตูได้ ชื่อแรกที่คุณจะนึกถึงก็คือ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่
ที่อื่นชื่อของเขาอาจจะไม่ได้โด่งดังเป็นที่รู้จัก แต่ในอิตาลี ดิ นาตาเล่ ได้รับการยกย่องว่าคือหนึ่งในดาวยิงตัวอันตรายที่คู่แข่งต้องระวัง แม้จะค้าแข้งกับทีมไม่ได้ใหญ่มากนักอย่าง อูดิเนเซ่ แต่เจ้าตัวก็ยิงได้ถึง 209 ประตูในเซเรีย อา อิตาลี ขึ้นแท่นเป็นนักเตะที่ยิงสูงที่สุดเป็นอันดับ 6 ตลอดกาล
ดิ นาตาเล่ คือดาวยิงที่เป็นกองหน้าธรรมชาติ เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวในปี 2010 และ 2011 แม้ว่าจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2016 แต่ในทศวรรษที่ผ่านมาก็ติดทีมยอดเยี่ยมเซเรีย อา ถึง 3 หน ด้วยผลงาน 125 ประตู
ถือเป็นเรื่องน่ายกย่องที่เจ้าตัวเลือกที่จะอยู่กับ อูดิเนเซ่ ยาวถึง 12 ปีทำให้ไม่มีเหรียญแชมป์อะไรเหมือนกับคนอื่น แต่ก็ได้รับการยกย่องอย่างสูง
กอนซาโล่ อีกวาอิน
เกือบจะกลายเป็นกองหน้าที่ถูกลืมไปแล้วหลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาถูกปล่อยยืมตัวกับ เอซี มิลาน และ เชลซี แต่ก็กลับมายืนหยัดอีกครั้งในซีซั่นนี้กับ ยูเวนตุส
อดีตดาวยิง เรอัล มาดริด สร้างชื่อในการมาเล่นกับ นาโปลี ตั้งแต่ปี 2013 โดยถือเป็นเครื่องจักรจอมถล่มประตูอย่างแท้จริง นำพาต้นสังกัดให้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับหัวแถวเบียดแย่งแชมป์กับ ยูเวนตุส
โดยเฉพาะในปี 2015/16 ที่กดไปถึง 36 ประตูจาก 35 เกม จนทำให้ "ม้าลาย" ต้องซื้อตัวมาร่วมทีมในซัมเมอร์หลังจบฤดูกาลดังกล่าว ก่อนซัด 40 ลูกจาก 73 เกมในฤดูกาล 2016-18 ช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัย
ส่วนคนอื่นที่อยู่ในข่ายมีทั้ง ชิโร่ อิมโมบิเล่, ฟาบิโอ กวายาเรลล่า, เมาโร อีการ์ดี้ และ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ แต่เทียบกันเฉพาะปีที่ อีกวาอิน อยู่ต้องยกให้เค้าแหละ