ชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ถือเป็นการเรียกความมั่นใจชั้นเยี่ยมของ เชลซี หลังจากที่เพิ่งพ่ายคารังให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มา
แถมยังเป็นการเก็บสามแต้มเต็มในลีกครั้งแรกในรอบ 5 เกมอีกด้วย
อย่างที่บอกไว้ในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีสิ่งที่ต้องปรับหลังจากความพ่ายแพ้นัดล่าสุดสามจุดใหญ่คือผู้รักษาประตู, กองหลัง และ กองหน้า ซึ่งเกมนี้มีการจัดการ 2 ใน 3 ที่เราว่ากันเอาไว้
ตำแหน่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือนายทวารที่ "แลมพ์ส" ยังคงยึดมั่นกับ วิลลี่ กาบาเยโร่ ปล่อยให้ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า นั่งข้างสนามต่อไป
ส่วนกองหลังปรับมาเล่นในระบบ 3 เซนเตอร์ รวมถึง กองหน้าเปลี่ยนมาใช้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แทน มิชี่ บาตชูอายี่
ความพ่ายแพ้ในบ้านก่อนหน้านี้ 5 จาก 13 เกมที่เป็นกังวลกัน สุดท้ายทีมก็เรียกศรัทธาจากแฟนบอลมาได้ด้วยชัยชนะเหนือคู่แข่งแย่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมาได้
ที่สำคัญทั้งสองประตูมาจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ มาร์กอส อลอนโซ่ ซึ่งเป็นสองนักเตะที่เป็นเพียงแค่ตัวสำรองของทีมในซีซั่นนี้
ต้องบอกว่าเป็นการวางแผนที่น่าปรบมือให้เลยสำหรับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ไม่ลังเลในการปรับทีมเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
แถมเป็นการดวลกับเจ้านายเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมแท็คติคด้วย
จุดที่น่าสนใจของทีมในเกมนี้คือการจับคู่กันในแดนกลางของ มาเตโอ โควาซิช กับ จอร์จินโญ่ ที่จัดการกับเกมของคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม
จอร์จินโญ่ มีสถิติผ่านบอลสำเร็จ 89%, เก็บบอล 13 หน, ได้ฟาวล์ 4 ครั้ง, เข้าสกัดชนะ 4 ครั้ง, ตัดบอล 3 ครั้ง, ผ่านบอลสำคัญ 2 ครั้ง และจ่ายบอลทะลุช่อง 1 ครั้ง
ขณะที่ทาง โควาซิช มีสถิติผ่านบอลสำเร็จ 95%, เก็บบอล 15 หน, ผ่านบอลในแดนคู่แข่ง 42 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง และผ่านบอลสำคัญ 2 ครั้ง
ชัดเจนว่าคนหนึ่งคุมเกม อีกคนสร้างสรรค์เกม โดยมี รอสส์ บาร์ลี่คย์ กับ เมสัน เมาท์ ปั้นเกมรุกบวกกับ มาร์กอส อลอนโซ่ และ รีซ เจมส์ ที่วิ่งเติมเกมรุกริมเส้น
โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เล่นด้วยความมุ่งมั่นมากเป็นพิเศษ ไล่บี้ทุกจังหวะและการจบสกอร์ก็ต้องบอกว่าดูมีความมั่นใจ
หรือจะ มาร์กอส อลอนโซ่ พอได้เล่นเกมรุกอย่างที่ถนัดแบบไม่ต้องพะวงข้างหลังอะไรมาก อะไรก็ดูดีไปหมดอย่างที่เห็น
ประตูในเกมนี้ถือเป็นลูกที่ 17 ในพรีเมียร์ลีกของแบ็คชาวสเปนผู้นี้นับตั้งแต่ย้านมาร่วมทีมเมื่อปี 2016 ซึ่งหากนับในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว อลอนโซ่ คือกองหลังที่พังประตูได้เยอะที่สุดเลย
อีกจุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดในเกมนี้คือความกระฉับกระเฉงของนักเตะ อาจจะเป็นเพราะทีมผลงานแย่มาติดๆ ลับหลังคงจะโดนด่ามาไม่น้อยทำให้มีความมุ่งมั่นมากหน่อย แม้แต่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่วัยเลยเลข 3 ไปแล้วยังวิ่งแบบลืมแก่
เรียกได้ว่ากำลังมาเต็ม
แถมชัยชนะในเกมนี้ยังทำให้ เชลซี ภายใต้การนำทัพของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นทีมแรกที่เอาชนะ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ทั้งเหย้า-เยือนในเกมลีกซีซั่นเดียวอีกด้วย
ข่าวดีอีกอย่างก็คือการได้เห็น แทมมี่ อบราฮัม ลงสนามเป็นตัวสำรองก่อนเกมสำคัญที่จะพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกช่วงกลางสัปดาห์
ถึงตอนนี้แผนการเล่น 3 เซนเตอร์น่าจะเป็นทางออกที่ดีให้กับทีมในช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้, เซนเตอร์มีเพียบ, วิง-แบ็คพร้อมบุก, มิดฟิลด์ตัดเกมสามารถเปลี่ยนเกมเป็นรุกได้, แนวรุกริมเส้นมีความเร็ว, กองหน้าตัวเลือกเพิ่ม
"เสือใต้" ถูกยกให้เหนือกว่า น่าจะลดความกดดันของ เชลซี ลงไปได้พอสมควร, ด้วยแข้งพลังหนุ่มน่าจะบดบี้กับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
บาเยิร์น มิวนิค เป็นฟุตบอลเกมบุกอยู่แล้ว แบ็คสองข้างเติมเกมสูง แม้กระทั่งเซนเตอร์ยังยืนสูงน่าจะเปิดโอกาสให้ทีมได้โดยเฉพาะในจังหวะสวนกลับ
ด้วยความมั่นใจ, ไม่ได้กดดันมากมายทีมของ แฟร้งค์ แลพมาร์ด น่าจะได้ผลการแข่งขันที่ดีในเกมนี้