เปิดตัวสวยแต่จบไม่สวย
ความพ่ายแพ้ให้กับ เวสต์แฮม 2-3 ในเกม "ลอนดอน ดาร์บี้" คืนวันพุธที่ผ่านมาทำให้ทีมต้องเหนื่อยหนักแน่กับช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลนี้กับการปกป้องพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ตัวเองยืนอยู่
เพราะนอกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผลงานร้อนแรงต่อเนื่อง ยังมี วูล์ฟแฮมป์ตัน อีกทีมที่ไล่จี้พวกเขาเหลือแค่ 2 คะแนนแล้ว
กลายเป็นว่าตอนนี้ชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจจะไม่มีประโยชน์เลยในตอนท้ายหากทีมหลุดวงโคจร
"สิงห์บลูส์ " เดินลงสนามสู่เกมนี้พร้อมความมั่นใจเต็มเปี่ยม แถมนี้ยังเป็นการเปิดตัว "เสื้อใหม่" ที่เตรียมใช้ทำศึกในฤดูกาลหน้าให้แฟนๆในยลโฉมกันเป็นครั้งแรกอีกด้วย
ชุดนี้อุตส่าห์นำลวดลายแบบ "ก้างปลา" ที่้ได้รับแรงบันดาลใจจากงานฝีมือดั้งเดิมของการตัดเย็บในลอนดอน และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทบริติช เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ จากความสุขจากการเปิดตัวเกมแรกกลับลงด้วยความผิดหวัง
ทีมขึ้นนำก่อนช่วงท้ายครึ่งแรกจากจุดโทษของ วิลเลี่ยน แต่ช่วงทดเจ็บกลับมาโดนตีเสมอซะอย่างนั้น มันส่งผลต่อความเชื่อมั่นใจครึ่งหลังไม่น้อย แทนที่จะเดินเข้าสู่ห้องแต่งตัวด้วยประตูนำ
สุดท้ายโดนแซงนำเฉยแม้จะคีเสมอได้แต่นาทีเกือบจะสุดท้ายของเกมกลับมาโดนเจาะตาข่ายอีก
แต่ละประตูที่เสียต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ลูกแรกทีมควรจะจัดการกับลูกตั้งเตะได้ดีกว่านี้ ลูกที่สองก็จัดระเบียบเกมรับอย่างย่ำแย่ ส่วนลูกที่สามจากจังหวะสวนกลับทีมกลับไม่ได้ระวังเลยทั้งที่สกอร์ไม่ได้ตามหลัง เข้าใจว่าต้องการชัยชนะแต่อย่างน้อยหนึ่งแต้มยังดีกว่าไม่ได้เลย
เข้าใจว่าความพ่ายแพ้ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ทีมมีโอกาสที่จะเบียดขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตารางหากเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแสดงให้เห็นว่าทีมประมาทเกินไปหน่อย
แม้ว่า เวสต์แฮม จะแพ้มา 2 เกมติดแบบยิงประตูไม่ได้นับตั้งแต่กลับมาลงสนาม แต่ในเวทีพรีเมียร์ลีกไม่เคยมีเกมไหนที่ง่ายอยู่แล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทีม "ขุนค้อน" กำลังหนีตกชั้นอยู่
แนวรุกของทีมดูขัดหูขัดตาไปหน่อย โดยเฉพาะทาง แทมมี่ อบราฮัม ที่ตอนนี้ดูไม่เหมือน "แทมมี่" คนเมื่อช่วงต้นซีซั่นที่มีทีเด็ดทีขาด เหมือนกับว่าเล่นๆไปเริ่มเดาทางง่ายแถมบอบบาง เจอพวกของแข็งอัดเข้าหน่อยก็ไปไม่เป็นแล้ว จะมาหวังให้เพื่อนป้อนให้อย่างเดียวคงยาก จนสุดท้ายอยู่ในสนามชั่วโมงเศษเท่านั้น
เข้าใจว่าเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บ มองในแง่ดีกว่าสภาพร่างไม่พร้อมเต็มที่ หากมองในแง่ร้าย ปีหน้าโอกาสสูงเหลือเกินที่จะเสียตำแหน่งให้กับ ทิโม แวร์เนอร์ ที่ดูจะไว้เนื้อเชื่อใจได้มากกว่า
คนที่ดูจะเป็นความหวังและที่พึ่งในยามนี้คงหนีไม่พ้น คริสเตียน พูลิซิช ที่หลังจากปรับตัวเข้ากับทีมได้ก็เริ่มฉายแววโดดเด่นออกมา หลังจากที่มีช่วงหนึ่งที่เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น
อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ วิลเลี่ยน ที่สังหารจุดโทษและฟรีคิกในเกมนี้ กลายเป็นนักเตะคนแรกของลีกที่สังหารลูกตั้งเตะอย่างจุดโทษกับฟรีคิกเข้าประตูในเกมเดียวกันนับตั้งแต่ที่ เชส ฟาเบรกาส สมัยค้าแข้งกับ เชลซี ทำได้เมื่อปี 2016 ในเกมที่เจอกับ เวสต์แฮม นี่แหละ
ถือว่าโชคดีจริงๆที่ วิลเลี่ยน นับรวม เปโดร โรดรีเกซ ด้วยที่ยอมอยู่ช่วยทีมไปจนจบฤดูกาลนี้ ไม่งั้นสภาพทีมคงดูไม่จืดเหมือนกันโดยเฉพาะในแนวรุกที่ตัวเลือกเหมือนจะเยอะ แต่ประสิทธิภาพยังไม่น่าเชื่อใจนัก
ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ เชลซี ทำแต้มหล่นถึง 18 คะแนนเมื่อออกนำคู่แข่ง มีแค่ เวสต์แฮม (22) คู่แข่งในเกมนี้รวมถึง แอสตัน วิลล่า (19) ที่มากกว่า และถือเป็นการแพ้เกมที่ 10 แล้วในซีซั่นนี้
ก่อนหน้านี้มีแค่หนเดียวเท่านั้นนับตั้งแต่การมาของ โรมัน อบราโมวิช ที่ "สิงห์บลูส์" แพ้มากกว่านี้ในซีซั่นเดียว คือแพ้ 12 เกมในปี 2015/16
โชคดีที่ปีนี้เป็นที่ทีมทีมใหญ่ล้วนฟอร์มตกกันไปหมด (ยกเว้น ลิเวอร์พูล) ทำให้ทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังยืนหยัดอยู่ในท็อปโฟร์
เกมถัดไปที่จะเปิดบ้านเจอกับ วัตฟอร์ด ทีมอาจจะต้องเจอความกดดันบ้างเมื่อทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ วูล์ฟส์ ลงสนามก่อน หากชนะได้จะแซงพวกเขาจึ้นไปทันที อาจจะรวมถึง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นก่อนเหมือนกันจะทิ้งห่างออกไป เพราะทุกทีมล้วนเล่นในบ้าน
"หมาป่า" อาจจะเจองานยากหน่อยที่ต้องเล่นกับ อาร์เซน่อล แต่กับ ปีศาจแดง ที่เจอ บอร์นมัธ หากมองตามหน้าเสื่อคงไม่พลาดสามแต้ม
ตอนนี้ไม่ต้องเอาเวลาไปแช่งทีมอื่นให้ไม่ชนะ เอาไปเน้นกับทีมตัวเองให้ชนะเท่านั้นก็พอแล้ว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT