มุมมองจากเกมล่าสุด
ดูเหมือนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังมีปัญหาให้คิดไม่ตกอีกเพียบกับปฏิบัติการพาทัพสิงห์ไปถึงฝั่งฝันให้ได้ในซีซั่นนี้
การตามหลังสามประตูในครึ่งแรกแสดงให้เห็นถึงความอ่อนชั้นในเกมรับของทีมอย่างที่เป็นมาตลอด ยังดีที่สุดท้ายทวงประตูคืนมาได้สำเร็จ
นี่คือประเด็นสำคัญจากเกมล่าสุดว่าตรงไหนคือปัญหาที่ เชลซี เจอในตอนนี้
เกมรับยังห่วยไม่เลิก
แม้จะทุ่มทุนไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ในทุกตำแหน่งตั้งแต่ข้างหลังยันข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้ทีมดีขึ้นเท่าไร
โดยเฉพาะในเกมรับที่ยังคงมีเรื่องให้พูดถึงอยู่เรื่อยๆ
การดร็อป เกปา อาร์รีซาบาลาก้า หลังไปพลาดในเกมกับ ลิเวอร์พูล มาเป็น วิลลี่ กาบาเยโร่ อาจจะไม่ได้สร้างความผิดพลาดอะไร แต่ก็ไม่ได้ช่วยทีมได้ดีขึ้นเท่าไร
สามประตูที่เสียแทบจะโยนให้เป็นความผิดของกองหลังได้ทั้งหมดเลยก็ว่าได้
ลูกแรก มาร์กอส อลอนโซ่ โหม่งไม่ดีให้ มาเธอุส เปเรยร่า ก่อนแอสซิสต์ให้ คัลลั่ม โรบินสัน เข้าไปยิงตั้งแต่นาทีที่ 4 จากนั้น ติอาโก้ ซิลวา จับบอลลั่นโดย โรบินสัน เจ้าเก่าฉกไปยิงผ่านมือ วิลลี่ กาบาเยโร่ เข้าไป ตามด้วยลูกเตะมุมที่ รีซ เจมส์ ไม่เช็คล้ำหน้าตามเพื่อนกลายเป็นยืนห้อยคนสุดท้ายทำให้ ไคล์ บาร์ทลี่ย์ ได้ยิงจ่อๆ
ฟอร์มกับ บาร์นสลี่ย์ ในศึกคาราบาว คัพกลางสัปดาห์กลายเป็นภาพลวงตาไปเลย
สามเกมแรกโดนเจาะตาข่ายไปแล้ว 6 ลูก ซึ่งต้องยอมรับว่าเกินครึ่งเป็นการเจอกับทีมอย่าง ไบรท์ตัน และ เวสต์บรอมวิช ที่ต้องถือว่าเป็นรองพวกเขาเยอะในเรื่องของศักยภาพ
ไม่รู้ว่าเมื่อ เบน ชิลเวลล์ หายกลับมาจะช่วยทีมได้ดีแค่ไหนกัน
ติโม แวร์เนอร์ ยังโชว์ฟอร์มไม่ออก
จำได้ตอนที่ เชลซี ประกาศคว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ ต้องบอกว่าแฟนบอลทุกคนไชโยโห่ร้องว่านี่แหละจะเข้ามาทำให้เกมรุกของทีมพังตาข่ายเป็นกอบเป็นกำแน่
เพราะจากผลงานฤดูกาลที่ผ่านมา แทมมี่ อับราฮัม วูบวาบช่วงต้น แต่พอท้ายฤดูกาลก็หายไป ส่วน โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็ถูกวางให้เป็นตัวสำรองอยู่แล้ว
95 ประตูกับอีก 40 แอสซิสต์จากการลงเล่น 159 เกมให้กับ ไลป์ซิก เป็นใบเบิกทางชั้นยอด และมันก็ย่อมสร้างความคาดหวังให้กับเหล่าสาวกสีน้ำเงิน
ทว่า 3 เกมในพรีเมียร์ลีกที่ออกสตาร์ทตัวจริงและอยู่เต็มเกมทั้ง 3 นัด ติโม แวร์เนอร์ ยังยิงไม่ได้และมีแอสซิสต์มาฝากแค่ครั้งเดียวตั้งแต่เกมเปิดสนาม ส่วนสองเกมหลังทำอะไรไม่ได้ แม้เกมล่าสุดกับ เวสต์บรอมวิช จะมีจังหวะยิงชนคาน แต่ที่เหลือแทบไม่ได้ทำอะไรเลย
ในฐานะกองหน้าเล่นดีแค่ไหนไม่ใช่ส่วนสำคัญ แต่ถูกตัดสินด้วยเรื่องของตัวเลขจากจำนวนประตูและแอสซิสต์
หวังว่าแฟนบอลจะได้เห็นชื่อของ ติโม แวร์เนอร์ บนสกอร์บอร์ดครั้งแรกในเร็วๆนี้
แท็คติคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด
แม้ว่าผลเสมอในเกมนี้จะมีเรื่องที่น่าชื่นชมโดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ทีมสามารถทวงสามประตูคืนเพื่อกลับมาคว้าหนึ่งคะแนนได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าพูดถึงเรื่องผลงานก็ต้องบอกว่าน่าผิดหวัง
ตลอดทั้ง 3 เกมในซีซั่นนี้ต้องบอกว่าทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำผลงานได้ไม่ดีเลยสักนัด ซึ่งยังไงในฐานะโค้ชก็ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ
นายใหญ่สิงห์บลูส์พยายามปรับรูปแบบการเล่นทั้งในระบบ 4-3-3 และ 4-2-3-1 ซึ่งทาง ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เข้ามาใหม่ดูเหมือนว่าจะหาจุดลงตัวไม่ได้
แวร์เนอร์ ที่เล่นเป็นหน้าเป้า เกมล่าสุดถูกขยับมาเล่นเกมรุกทางฝั่งซ้าย ส่วน ฮาแวร์ตซ์ เล่นทั้งหน้าต่ำและตัวรุกทางขวา ซึ่งผลงานที่ออกมาถือว่ายังไม่เข้าเป้า
ความกดดันถาโถมเข้าใส่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ว่าจะต้องทำผลงานให้ดีให้ได้ ยังไงก็ต้องหาทางออกและเค้นผลงานให้ดีที่สุดออกมาโดยเร็ว
การกลับมาของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย
การมาของบรรดาแนวรุกทั้ง ติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ฮาคิม ซิเย็ค ดูเหมือนว่า คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย จะต้องเผชิญความยากลำบากในการแย่งตำแหน่งในทีม ทั้งที่เพิ่งต่อสัญญาใหม่ออกไป
เกมแรกที่ชนะ ไบรท์ตัน ลงเล่นเป็นตัวสำรอง เกมที่สองกับ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ลงเล่น ส่วนนัดล่าสุดลงสนามมาในครึ่งหลังพร้อมกับพิสูจน์ผลงานช่วยให้ทีมกลับสู่เกมได้ทั้งกับประตูและฟอร์มการเล่น
การลงมาของแข้งวัย 19 ปีปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะอนาคตไกลกระทั่งบาดเจ็บหนักเมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่ฟอร์มในนัดนี้อาจจะทำให้เขากลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและอาจจะทำให้ได้รับโอกาสมากขึ้นจากเจ้านาย
การต่อสัญญาใหม่กับทีมแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม และการเป็นเด็กปั้นของสโมสรนั่นทำให้เขาได้รับแรงสนับสนุนจากแฟนบอลเป็นอย่างดี
ในสภาพที่เกมรุกทางริมเส้นฝั่งซ้ายยังมีปัญหา น่าจะเป็นโอกาสดีที่ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย จะโชว์ผลงานและยึดตำแหน่งของทีมเอาไว้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT