เอาไงดี เชลซี
บางอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี แต่มันก็มีบางอย่างที่เข้ามาทำให้หลายอย่างดูจะยังไม่ลงตัวสักที
การได้ เอดูอาร์ เมนดี้ เข้ามายืนในตำแหน่งผู้รักษาประตูพร้อมได้รับคำการันตีจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้เป็นเจ้านายว่านี่คือมือหนึ่งของทีม ถือเป็นการแก้ปัญหาที่เด็ดขาดและไม่ต้องมีอะไรค้างคา หลังจากที่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า มาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว มาจนถึงช่วงต้นซีซั่นนี้
ในสามเกมที่ลงเฝ้าเสาจากสามรายการทั้งในพรีเมียร์ลีก, คาราบาว คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพิ่งเสียไปประตูเดียว โดยเฉพาะในเกมล่าสุดในฟุตบอลยุโรปกับ เซบีย่า แม้จะไม่ได้มีงานอะไรมากนัก แต่จังหวะจัดการลูกเปิดของคู่แข่งก็ช่วยให้แนวรับมั่นใจมากขึ้น
เช่นเดียวกับการกลับมาของ ติอาโก้ ซิลวา ที่หายหน้าจากเกมลีกที่โดน เซาธ์แฮมป์ตัน ทะลวงตาข่ายไป 3 เม็ดจากการที่ต้องไปช่วยทีมชาติบราซิลไกลถึงอเมริกาใต้ ทำให้ร่างกายไม่สมบูรณ์พอ กลับมาคุมเกมได้อย่างดีเยี่ยม
ถึงแม้ปราการหลังตัวเก๋าจะยังสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้และในระหว่างซ้อมต้องใช้ล่าม แต่ทาง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยืนยันว่านั่นไม่ใช่ปัญหา
แต่ถึงกระนั้นหากอูยู่ในสถานการณ์คับขันในสนามที่ต้องสื่อสารกันมันก็ต้องส่งผลบ้างแหละน่า ถ้ามันต้องมีสถานการณ์เฉพาะหน้า แม้ว่าจะวางแผนกันมาเป็นดีก็ตาม
ส่วนในเกมรุกทำได้ดีมาตลอดตั้งแต่เปิดฤดูกาล มาถึงเกมล่าสุดกับ เซบีย่า ดันยิงไม่ได้ ทั้งที่ 5 เกมก่อนหน้านี้กดไปถึง 17 ประตู
ทว่าการที่กองหลังเสียประตูเยอะนั้นถูกมองว่าทำให้แนวรุกเหนื่อยใจเหมือนกันที่บางครั้งยิงเท่าไรก็ไม่พอเพราะเกมรับเสียประตูกันง่าย
กระนั้นพอหันมาเน้นเกมความเหนียวแน่นก็กลายเป็นว่ายามขึ้นเกมรุกก็เลยดูไม่เต็มที่เท่าไร
แต่ละคนในเกมรุกเหมือนจะเล่นด้วยความสามารถเฉพาะตัวกันมากกว่าที่จะประสานงานกัน อาจจะเป็นเพราะยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เขากันนั่นแหละ
ตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ลงเล่นมาแล้ว 8 เกม ตั้งแต่นัดแรกในลีกกับ ไบรท์ตัน ทีมเปลี่ยนแปลงแนวรุกมาตลอด กระทั่งในสองเกมหลังนี่แหละที่ใช้ชุดเดิมโดยมี เมสัน เมาท์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ คริสเตียน พูลิซิช เป็นสามประสานโดยมี ติโม แวร์เนอร์ ยืนหน้าเป้า
จากเกมลีกที่ยิง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ได้ 3 ประตูแต่ก็เสีย 3 ประตู กลายเป็นยิงไม่ได้แต่ก็ไม่เสียประตูในเกมกับ เซบีย่า
เกมรุกที่ทำได้ดีก่อนหน้ากลับยิงไม่ได้ ส่วนเกมรับที่เสียประตูง่ายๆก็กลายเป็นมาคลีนชีต
นั่นแสดงให้เห็นว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังคิดไม่ต้องแก้ปัญหายามที่เกมรุกทำได้ดี จะทำยังไงให้เกมรับเหนียวแน่นไปด้วย
จะสร้างแรงจูงใจแบบไหนว่ายามที่ทีมได้ประตูจะไม่ผ่อนเกมแม้ในกรณีที่ยิงคู่แข่งได้ทะลุ 2-3 ลูกไปแล้ว
เพราะในตำแหน่งผู้รักษาประตูรวมถึงไปกองหลังและกองกลางนั้น ทีมน่าจะมีนักเตะที่ลงตัวอยู่แล้วโดยมี เอดูอาร์ เมนดี้ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู เซนเตอร์จะเป็น ติอาโก้ ซิลวา กับ คูร์ท ซูม่า แบ็คซ้ายเป็น เบน ชิลเวลล์ ส่วนทางขวา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ทำหน้าที่ ขณะที่แดนกลางเป็น จอร์จินโญ่ กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้
ส่วนแนวรุกที่ใช้มาสองเกมติด แต่ดูท่าคงไม่ยึดชุดนี้ไปตลอด เพราะยังมี ฮาคิม ซิเย็ค, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย รวมถึง แทมมี่ อบราฮัม ที่ดีพอลงเล่นเป็นตัวจริงพร้อมสอดแทรกเข้าไป
เกมในวันเสาร์นี้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นตัววัดว่าทีมของทีมจะออกมาหน้าตาแบบไหนเมื่อไม่มีนักเตะเจ็บหรือติดโทษแบน กับเกมใหญ่แบบนี้
อาจจะมีห่วงตรงจุดของ ติอาโก้ ซิลวา นี่แหละที่เพิ่งบู๊มาเต็ม 90 นาทีในเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ในวัย 36 ปี ไม่รู้ว่าจะฟิตพอเล่นสองเกมติดต่อกันได้รึเปล่า
หากมองเหมือนเหล่ากูรูทั้งหลายว่าพื้นฐานของทีมเกมรับต้องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คงต้องบอกว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีงานอีกเพียบที่ต้องทำ เพราะจริงอยู่ว่าการได้ ติอาโก้ ซิลวา มาช่วยถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยทีมได้ แต่อย่างที่บอกว่าด้วยวัยขนาดนี้แล้วคงไม่ได้ลงเล่นทุกเกม
ส่วนหันไปดูคนที่เหลือเมื่อมองจากผลงานที่ผ่านมาก็เหมือนกับการซื้อหวย ไม่รู้ว่าวันไหนจะดีหรือวันไหนจะออกทะเลกัน ต่อให้มี เอดูอาร์ เมนดี้ มาเฝ้าเสาแล้วก็ตามที
เกมรับก็ห่วง เกมรุกก็ต้องยิง หวังว่าจะจัดการกับปัญหาให้ได้ไวๆ เพราะไม่อย่างนั้นเงินมหาศาลที่ทุ่มทุนเสริมทัพไปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาจะส่งผลย้อนกลับมาทำให้ แฟร้ง แลมพาร์ด ตกเก้าอี้ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT