ของกำลังขึ้นทีมชาติไม่น่าขัดจังหวะ
แมนชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล มาเจอกันเองจบลงด้วยการเสมอ, อาร์เซน่อล พ่ายแพ้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ แต่จากผลงานก่อนหน้านี้ทำให้คะแนนยังไม่ได้ขยับไปไหน
ไม่ได้ดูถูก เลสเตอร์ ซิตี้ กับ สเปอร์ส สองทีมนำของตารางในขณะนี้ แต่บ่อนรับพนันทุกสำนักยังไม่มองว่าสองทีมนี้ดีพอจะอยู่ในจุดสูงสุดเมื่อฤดูกาลจบลง
15 คะแนนจาก 8 เกมมองแล้วอาจจะดูไม่ได้มากนัก แต่ตอนนี้ "สิงห์บลูส์" ตามหลังจ่าฝูงอยู่เพียง 3 คะแนนเท่านั้น
เมื่อหันไปดูฟอร์มตอนนี้ต้องบอกว่าทีมกำลังอยู่ในเส้นทางที่ดีเลยกับการไม่แพ้ใครมาแล้ว 8 เกมติดต่อกัน โดยเฉพาะ 6 เกมหลังที่เสียแค่ลูกเดียวและซัดไปถึง 14 ลูกจาก 4 นัดหลัง
ในเกมล่าสุดกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่คว้าชัย 4-1 ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นเรื่องดีๆมากมาย
จุดแรกคือแนวรุกที่ตอนนี้ดูท่าทางว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะได้ทีมที่ลงตัวแล้วในเวลานี้ โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าที่ แทมมี่ อบราฮัม แสดงให้เห็นอย่างที่เจ้าตัวบอกมาตลอดตอนที่ทีมเสริมเกมรุกอย่างหนักว่าเขาพร้อมจะแย่งตำแหน่ง และก็ทำได้จริงๆ
สองประตู สองแอสซิสต์จาก 4 เกมหลังถือเป็นตัวการันตีได้เป็นอย่างดี และมันก็ไม่มีปัญหาสำหรับ ติโม แวร์เนอร์ ที่จะขยับออกไปเล่นเป็นตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย
แน่นอนว่าทั้งคู่สามารถขยับสลับตำแหน่งกันได้ด้วย
ตอนนี้ แทมมี่ พิสูจน์ตัวเองว่าเป็น "ฟ็อกซ์ อิน เดอะ บ็อกซ์" หรือเพชรฆาตในเขตโทษที่ดีที่สุดของทีมในเวลานี้ และยิ่งเล่นด้วยความมั่นใจอะไรก็ดูดีไปหมด
ฤดูกาลที่แล้วช่วงต้นซีซั่น แทมมี่ ก็ออกสตาร์ทได้อย่างดีเยี่ยมก่อนที่จะค่อยๆแผ่วลงไป แต่ปีนี้คงมีแรงฮึดมากกว่าเดิมประกอบกับมีตัวช่วยป้อนช่วยสนับสนุนหลายคนน่าจะช่วยให้รักษามาตรฐานการเล่นได้ยาวๆหน่อย
จุดที่สองคือ เบน ชิลเวลล์ ที่ตอนแรกมีข้อสงสัยจากแฟนบอลไม่น้อยในเรื่องของค่าตัวที่แพงหูฉีก ซึ่งตอนนี้คงจะได้รับคำตอบกันเป็นที่เรียบร้อย
จากที่ต้องอดทนรอให้หายจากอาการบาดเจ็บ จนประเดิมสนามเกมแรกด้วยประตูบวกแอสซิสต์ จนถึงตอนนี้นับตั้งแต่หายกลับมาลงเล่นในลีกเต็มทั้ง 5 เกม ทำไป 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์
ไม่ใช่แค่เกมรุกอย่างเดียวที่ทำให้ทีมดูดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่เกมรับก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังลงมาช่วยบล็อคช่วยทีมได้ไม่แพ้การเล่นเกมรุกเลย ช่วยทีมเก้บคลีนชีตไปถึง 3 เกมจาก 5 นัดที่ลงสนาม
ถือเป็นการแก้ปัญหาเกมรุกทางซ้ายได้อย่างดีเยี่ยมนับตั้งแต่ที่ มาร์กอส อลอนโซ่ ฟอร์มตกลงไป ส่วนคนอื่นในตำแหน่งเดียวกับอย่าง เอแมร์ซอน หรือตัวขัดตาทัพอย่าง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ต้องบอกว่ายังไม่ดีพอ
จุดที่สามคือฟอร์มการเล่นของ ฮาคิม ซิเย็ค ที่ยังรักษาความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้เป็นอย่างดีนับตั้งแต่หายเจ็บกลับมา หลังจากที่ชิมลางลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน กับ แมนชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ถึงเวลาที่ความฟิตพร้อมเต็มที่สำหรับลงเล่นเป็นตัวจริง
4 เกมที่ออกสตาร์ทตัวจริงเจ้าตัวทำ 2 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ กลายเป็นตัวรุกคนสำคัญของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่สำคัญคือเรื่องของการปรับตัวที่แทบจะไม่ต้องใช้เวลาเลยด้วยซ้ำ
แถมเจ้าตัวยังเผยว่าตอนนี้แค่สบตากับเพื่อนร่วมทีมก็รู้ใจว่าจะต้องเล่นยังไง เล่นอย่างสบายใจ นั่นคือเหตุผลที่ผลงานถึงออกมาดีขนาดนี้
นับว่าคุ้มค่าการรอคอยหลังจากที่เจ็บมาตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่นพักมาร่วมเดือนกว่าจะหาย
จุดที่สี่ก็คือลูกตั้งเตะของทีมที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในจังหวะที่เล่นเกมรับหรือเล่นเกมรุก
นั่นคือจุดที่เป็นปัญหาของทีมมาตั้งแต่ยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ รวมถึงในปีแรกที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด คุมทีม ทั้งฟรีคิกและเตะมุมในจังหวะที่จะลุ้นประตูนั้นแทบไม่ได้เป็นทีเด็ดให้ทีมเลย
แต่ตอนนี้เมื่อมีตัวเล่นลูกฟรีคิกดีๆทั้ง เบน ชิลเวลล์ และ ฮาคิม ซิเย็ค - คูร์ท ซูม่า ทำไปแล้ว 2 ประตู ในขณะที่ ติอาโก้ ซิลวา ก็สร้างความกดดันให้คู่แข่งได้อย่างดีเยี่ยม
ส่วนเกมรับก็ยืนระเบียบได้ดีมากขึ้นเมื่อมีกองหลังตัวเก๋าอย่าง ซิลวา บัญชาเกม ยิ่งผู้รักษาประตูมาเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ด้วยแล้วยิ่งอุ่นใจมากขึ้น
น่าเสียดายอย่างเดียวในช่วงที่ทีมกำลังฟอร์มดีแบบนี้ แต่กลับมาโปรแกรมทีมชาติเข้าเบรก อาจจะทำให้ขาดตอนไป
บางทีมที่ฟอร์มแย่อาศัยช่วงนี้พักหายใจและกลับมาทำได้ดีอีกครั้ง บางทีมกำลังแรงพอเบรกไปกลับมาไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม
หลังกลับมาจากทีมชาติ เชลซี มีโปรแกรมบุกไปเยือน นิวคาสเซิ่ล ซึ่งถือว่าไม่หนักมากนัก และทีมก็มีศักยภาพมากเพียงพอที่จะคว้าชัยชนะมาครองได้
ก็หวังว่าทีมจะสานต่อความยอดเยี่ยมก่อนพักเบรกเอาไว้ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT