:::     :::

แรงดีไม่มีตก

วันจันทร์ที่ 07 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
3,668
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถึงตอนนี้ กูรูหลายคนต่างพากันยกให้ เชลซี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเต็มตัวไปแล้วในฤดูกาลนี้

แม้ว่าจะมีบางคนไม่เห็นอยู่บ้างก็ตามที

เพราะด้วยขุมกำลังของทีมในซีซั่นนี้ต้องยอมรับว่า "สิงห์บลูส์" ไม่ได้มีแค่ 11 ตัวจริงที่พร้อมต่อกรกับทุกทีม แต่บรรดาตัวสำรองของทั้ง 11 ตำแหน่งก็ถือว่ายอดเยี่ยม

หรือจะบอกว่าดีกว่าทีมบางทีมด้วยซ้ำ

นับเป็นการวางแผนอันยอดเยี่ยมในการเสริมทัพอย่างบ้าคลั่งในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ในขณะที่ทุกคนมองว่าบรรดาแข้งที่ดึงเข้ามาจะลงสนามหมดได้ยังไงกัน


แต่ด้วยโปรแกรมที่แน่นขนัด อาการบาดเจ็บของนักเตะที่หลายทีมต้องเจอ มันชัดเจนเลยว่า เชลซี กำลังเดินมาในทิศทางที่ถูกต้อง

และดูเหมือนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะปรับทีมให้เข้าที่เข้าทางได้แล้ว แถมมีทรัพยากรให้เลือกใช้อย่างไม่จำกัด

เท่านั้นไม่พอดูแล้วตอนนี้ทีมน่าจะครบเครื่องมากที่สุดทีมหนึ่งไม่ใช่แค่ในลีกแต่รวมถึงในยุโรป ด้วยจังหวะเข้าทำที่หลากหลายจริงๆ

มันแสดงออกมาให้เห็นในเกมที่ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด นี่แหละ

ประตูแรกจังหวะเข้าทำจากริมเส้นเปิดให้กองหน้าชาร์จประตู ลูกที่สองลูกตั้งเตะ ลูกที่สามจังหวะสวนกลับ แต่ละประตูที่ได้ล้วนได้เห็นการประสานงานของทีมที่ดูดีทีเดียว

ไปเจาะดูผลงานรายบุคคลเกมนี้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง

เอดูอาร์ เมนดี้

ไม่ใช่เกมที่ทำหน้าที่ได้โดดเด่นอะไรเพราะจังหวะเกมรุกของคู่แข่งไม่ได้มากมายอะไรนัก

แต่ต้องยอมรับว่าจังหวะที่ทีมเสียประตูไปก่อนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอยู่เหมือนกันที่ออกมาขนาดนั้นทั้งที่เพื่อร่วมทีมทั้ง คูร์ท ซูม่า และ ติอาโก้ ซิลวา วิ่งบีบมาอยู่แล้ว

พอโดน พารทริค แบมฟอร์ด แตะบอลหลบไปได้ก่อนยิงเข้าไปมันแสดงให้เห็นว่าเจ้ากะจังหวะพลาดนั่นแหละ ยังดีที่ทีมชนะเลยไม่ได้ถูกพูดถึงอะไรมากมาย


รีซ เจมส์

ยังคงทำผลงานได้เป็นอย่างดีสำหรับ รีซ เจมส์ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นแบ็คขวามือหนึ่งของทีมถึงขนาดที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กัปตันทีมหลุดไปเป็นแค่สำรองเท่านั้น

นอกจากจะเติมเกมรุกได้ดุดันแล้ว เกมรับเจ้าตัวก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง เรียกได้ว่าตลอดทั้งเกมแทบไม่ปล่อยให้ใครดวลตัวต่อตัวแล้วผ่านไปได้เลย

แถมเกมนี้ยังมีแอสซิสต์ประตูตีเสมอให้กับทีมด้วย ถือเป็นแอสซิสต์ที่สองในซีซั่นนี้หลังจากที่ทำได้ตั้งแต่เกมเปิดสนามกับ ไบรท์ตัน หวังว่าจะมีมาเรื่อยๆไม่ต้องรอนานแบบนี้อีก

คูร์ท ซูม่า

ออกสตาร์ทเกมนี้ได้ไม่สวยเท่าไรนักที่ปล่อยให้ พาทริค แบมฟอร์ด หลุดเข้าไปทำประตูง่ายๆตั้งแต่ต้นเกม ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละทีมควรหลักเลี่ยง

ในจังหวะนั้นหากดูภาพช้าเหมือนว่า คูร์ท ซูม่า จะชะงักในช่วงท้ายอาจจะคิดว่า ติอาโก้ ซิลวา หรือ เอดูอดาร์ เมนดี้ จะถึงก่อน แต่กลายเป็นทีมเสียประตูซะอย่างนั้น

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเจ้าตัวก็กลับมาเล่นด้วยความมั่นใจและแข็งแกร่งอีกครั้ง ไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแถมยังโหม่งประตูให้ทีมขึ้นนำอีกด้วย


ติอาโก้ ซิลวา

กำแพงยักษ์ในการปกป้องประตูของทีม จังหวะเสียประตูแรกแม้ว่าจะไม่ได้หน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ในฐานะกองหลังตัวกลางก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบเหมือนกัน แต่ด้วยอายุเท่านี้แล้วจะไล่ตามก็ยากเหมือนกัน

แต่หลายจังหวะในเกมนี้เข้าซ้อนเพื่อนได้เป็นอย่างดี หากไม่นับลูกเสียประตูถือว่าคุมเกมได้อย่างดีเยี่ยมเลย ช่วยให้เพื่อนในแนวรับนิ่งตามไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีการออกบอลที่ชาญฉลาดยามที่ได้บอลคืนมา ช่วยให้ทีมเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกได้ดีด้วย

เบน ชิลเวลล์

เช่นเดียวกับ รีซ เจมส์ ทางฝั่งขวา งานของ เบน ชิลเวลล์ ช่วยทีมได้อย่างดีเยี่ยมทั้งรับและรุก เรียกได้ว่าวิ่งอย่างไม่รู้จักเหนื่อยเลย

อย่างไรก็ตามเกมนี้ไม่ได้มีส่วนร่วมมากเท่าไรนัก โดยเฉพาะในเกมรุกที่แต่ละคนล้วนทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่การช่วยเติมช่วยทำทางก็เปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมได้

อีกจุดหนึ่งที่รอดตัวไปคือจังหวะฟาวล์ เอียน โปเวด้า ในกรอบ โชคดีที่ไม่เสียจุดโทษ


เอ็นโกโล่ ก็องเต้

การยืนในตำแหน่งกองกลางตัวรับของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ถือว่าช่วยงานเกมรับของ เชลซี ให้ไม่ต้องเจองานที่หนักมานักตลอดทั้งเกม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญ

โดยเฉพาะการป่วน มาเตอุสซ์ คลิช จนทำเกมไม่ได้เหมือนกับการกตัดการเชื่อมเกมของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปในตัว

ความฟิตของ ก็องเต้ คือส่วนสำคัญในการหยุดเกมรุกของคู่แข่ง ช่วยให้เพื่อนร่วมทีมถอยลงเล่นเกมรับกันได้ทัน ทำให้ ลีดส์ เจาะเข้าไปยากมากขึ้นอีก

ไค ฮาแวร์ตซ์

กับบรรดาแนวรุกของ เชลซี ในเกมนี้ต้องบอกว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ มีบทบาทน้อยที่สุดเลย ต่างจากเกมกลางสัปดาห์กับ เซบีย่า ที่เจ้าตัวได้เล่นบอลมากกว่านี้

ส่วนเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์นัดนี้หลายครั้งเจ้าตัวพยายามมีส่วนร่วม โดยเฉพาะจังหวะที่กระชากบอลเข้าเขตโทษด้านขวา แต่สุดท้ายเปิดบอลไปติดผู้เล่นทีมเยือน 

ที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นหรือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้ายโดนเปลี่ยนตัวออกจากทีมจากสนามในนาทีที่ 67 ของเกมให้ มาเตโอ โควาซิช ลงเล่นแทน


เมสัน เมาท์

ยังคงเดินหน้าทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมไม่เปลี่ยน สมกับที่ได้รับความไว้วางใจจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด

หลายคนสบประมาทว่าเขาจะกลายเป็นแค่ตัวสำรองกับการเสริมทัพของทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ผลงานของเขายังคงยอดเยี่ยมดอกกลับนักวิจารณ์ทุกคน

วิ่งไม่หมด ขยันช่วยทีมทั้งรุกและรับ แถมยังเป็นคนเล่นลุกตั้งเตะประจำทีม และจากลูกเตะมุมของเขาก็ช่วยให้ทีมขึ้นนำก่อนคว้าสามแต้มในที่สุด

ฮาคิม ซิเย็ค

ถือว่าเป็นแนวรุกที่ทีมจะขาดไม่ได้เลยในตอนนี้ มีส่วนร่วมกับการขึ้นเกมรุกของทีมอยู่เสมอ 

ประตูตีเสมอของทีมในเกมนี้ก็มาจากการไหลบอลของ ฮาคิม ซิเย็ค ที่ให้ รีซ เจมส์ เปิดเข้าเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ชาร์จเข้าไป

น่าเสียดายที่เจ้าตัวโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 30 ของเกม โดยเป็น คริสเตียน พูลิซิช ลงเล่นแทน

ทิโม แวร์เนอร์

เป็นอีกเกมที่ ทิโม แวร์เนอร์ ถือว่าทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะกับจังหวะชาร์จจ่อๆหน้าประตูแค่หลาเดียวแต่กลับยิงไปชนคานซะงั้น

หลายต่อหลายจังหวะการตัดสินใจดูจะมีปัญหาทำให้เสียโอกาสไป ยังดีที่ยังมาแอสซิสต์ประตูให้ทีมซัดปิดท้ายไปได้

ตอนนี้คงต้องเร่งฟอร์มกันหน่อยเพราะ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กำลังมั่นใจน่าจะได้เล่นต่อเนื่อง หาก แทมมี่ อบราฮัม เกิดเปรี้ยงมาอีกอาจจะลำบากได้


โอลิวิเยร์ ชิรูด์

แม้ส่วนใหญ่ในช่วงหลังจะเป็นตัวสำรอง หากนับเฉพาะการออกสตาร์ทในตำแหน่งตัวจริงเจ้าตัวทำได้ถึง 6 ประตูจาก 6 เกมหลังเลย

ผลพวงจากความยอดเยี่ยมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ซัด 4 ประตู ทำให้เจ้าตัวได้ลงสนามต่อเนื่องเลย และจากประตูในเกมนี้ก็น่าจะทำให้ได้รับโอกาสต่อเนื่องอีก

จากการเป็นกองหน้าตัวเป้าคนเดียวที่เด่ดในลูกกลางอากาศยิ่งทำให้ภาษีดีกว่า ส่วนเกมรุกภาคพื้นดินก็พร้อมที่จะประสานงานกับเพื่อนด้วยเช่นกัน

สำรอง

คริสเตียน พูลิซิช

65 นาทีในเกมนี้แสดงให้เห็นเลยว่าสภาพร่างกายแทบจะฟิตสมบูรณ์เต็มที่แล้ว เห็นได้จากการเคลื่อนไหวตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม

โดยเฉพาะประตูปิดท้ายให้กับทีมต้องบอกว่าการวิ่งเข้าไปชาร์จประตูนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก ถึงขนาดที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ออกปากชมไม่ขาด

หลังต้องเผชิญอาการบาดเจ็บในช่วงหลัง การทำประตูได้น่าจะเรียกความมั่นใจกลับม่ได้เป็นอย่างดีเลย


มาเตโอ โควาซิช

หลังจากที่ลงสนามมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง เกมนี้ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองก่อนถูกส่งลงเล่นแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เล่นไม่คอ่ยออก

การลงมาของ มาเตโอ โควาซิช ชัดเจนว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องการให้เกมตรงกลางแน่นมากขึ้น ให้เจ้าตัวลงมาเพื่อช่วย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่ต้องเติมเกมบุกอะไรมากมาย

ก็ถือว่าลงมาเล่นได้ตามแผนที่กุนซือต้องการ แม้จะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่เล่นตามที่โค้ชสั่งนี่แหละถูกต้องที่สุดแล้ว

แทมมี่ อบราฮัม

ได้โอกาสลงเล่นตลอดช่วงหลังและก็ทำได้ดีทีเดียว แต่ต้องหลีกทางให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่มาแรงจริงๆ

การลงเล่นในช่วง 11 นาทีสุดท้ายถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป พร้อมกับมีโอกาสสับไกหนึ่งครั้งแต่ไม่เข้ารอบ

ตอนนี้คงต้องขยันเล่น ขยันวิ่งมากขึ้นเพื่อชนะใจ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กลับมายึดตัวจริงอีกครั้ง และจำนวนประตูนี่แหละจะเป็นตัววัดว่าจะกลับมาได้หรือไม่


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด