การบ้านที่ยังต้องทำต่อ
ความพ่ายแพ้ต่อ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-2 ในเกมล่าสุดแสดงให้เห็นว่าทีมมีปัญหาที่ยังต้องแก้ไขอีกเพียบ โดยเฉพาะในแนวรุกของทีม
การไม่มี ฮาคิม ซิเย็ค ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบร้ายแรงกว่านี้คิดเอาไว้ซะอีก
การจัดทีมไม่มีอะไรซับซ้อน การได้ คริสเตียน พูลิซิช ฟิตกลับมาลงเล่นในเกมรุกฝั่งซ้ายแล้วขยับเอา ทิโม แวร์เนอร์ ไปยืนทางขวา ส่วนกองหน้าตัวเป้ายังคงเป็น โอลิวิเบร์ ชิรูด์ ที่ทำได้ดีในเวลานี้ ส่วนกองกลาง ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่นัดพ่าย เอฟเวอร์ตัน ไปยืนสูงถอยลงมาประสานงานกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ เมสัน เมาท์
ส่วนเกมรับและผู้รักษาประตูเหมือนเดิมทั้ง เอดูอาร์ เมนดี้, รีซ เจมส์, คูร์ท ซูม่า, ติอาโก้ ซิลวา และ เบน ชิลเวลล์ อยู่กันพร้อมหน้าเช่นเดิม
จากการไม่แพ้ใคร 17 เกมก่อนหน้าที่จะมาแพ้ในเกมที่กูดิสัน พาร์ค ดูท่าทางว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะยึดมั่นกับแผนการเล่นในระบบ 4-3-3 หลังจากช่วงแรกเล่นในระบบ 4-2-3-1 แล้วดูจะไม่เวิร์คเท่าไร
แม้ว่าที่จริงแล้วระบบสามารถยืดหยุ่นได้ทั้งสองแบบ แต่ด้วยการเล่นเกมรุกของทีมที่ต้องอาศัยแบ็คทั้งสองข้างทั้ง รีซ เจมส์ และ เบน ชิลเวลล์
นั่นทำให้การมีมิดฟิลด์คอยช่วยยามที่ทีมต้องโดนคู่แข่งโต้กลับดูจะมีสร้างความสมดุลให้ทีมมากกว่า
แต่เกมฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นใน บทจะแย่บางครั้งทุกคนในทีมก็พากันฟอร์มตกไปกันหมด ส่วนคนที่ทำได้ดีอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็ไม่ใช่ตัวที่จะพลิกเกมได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีมที่จะคอยเปิดป้อนให้
รูปเกมที่ทีมตั้งเกมบุกการต่อบอลไม่ดีนัก ก็ต้องอาศัยจากลูกตั้งเตะ และสองจังหวะเน้นๆในครึ่งแรกจากลูกเตะมุมทั้ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่โหม่งหลุดกรอบกับ คูร์ท ซูม่า ที่โหม่งบอลไปชนคาน ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่ทีมถือว่ามีทีเด็ดในการเข้าทำที่หลากหลาย
แถมการต่อเกมในช่วงออกสตาร์ทครึ่งหลังก็ยอดเยี่ยมนไม่ซึ่งประตูขึ้นนำจังหวะที่ ทิโม แวร์เนอร์ ไหลบอลให้ เบน ชิลเวลล์ ที่ทะลุมากราบซ้ายแล้วเปิดเข้ากลางให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ อาศัยจังหวะและขาที่ยาววอลเล่ย์ด้วยซ้ายตัดหน้า วิลลี่ โบลี่ บอลพุ่งเข้ากรอบ รุย ปาตริซิโอ รับไม่อยู่บอลปลิ้นเข้าประตูไป
แต่ทว่าแทนที่เกมจะดีขึ้นและเหนือกว่า เชลซี กลับปล่อยให้ "หมาป่า" ครองบอลแล้วบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องจนมาโดนทีเด็ดของ ดาเนียล โปเดนเซ่ ที่หลอกทั้ง เบน ชิลเวลล์ และ รีซ เจมส์ จังหวะต่อเนื่้องลูกเตะมุมในกรอบเขตโทษด้านซัดเสียบตาข่ายสุดสวย
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ขยับเปลี่ยนตัวหลังเสียประตูไป 5 นาทีเอา มาเตโอ โควาซิช กับ แทมมี่ อบราฮัม มาแทน ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แต่ถามว่าเกมดีขึ้นรึเปล่าก็ต้องบอกว่าไม่เลย
แถมช่วงทดเจ็บนาทีที่ทีมบุกอยู่ดีๆกลับโดนสวนแล้ว เปโดร เนโต้ ที่ที่พาบอลเกือบครึ่งสนามเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วซัดบอลเรียดเสียบเสาเข้าไปส่งให้ เชลซี แพ้เป็นเกมที่สองติดต่อกัน
ไม่อยากจะโทษว่าจังหวะนี้ คูร์ท ซูม่า ถอยมากเกินไปแถมยืนห่าง แต่ก็ต้องชม เปโดร เนโต้ ในจังหวะขยับหนีแล้วยิงคมกริบจริงๆ ต้องบอกว่าสองประตูที่เสียนั้น เอดูอาร์ เมนดี้ นี่จนปัญหาจริงๆ
ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ทีมแพ้ในลีกสองนัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีพอดิบพอดี กระแสเรื่องของการกลับมาลุ้นแชมป์ลีกกลายเป็นเครื่องหมายคำถามอีกครั้ง
หากไม่นับจังหวะได้ประตูแล้ว นัดนี้เกมโอเพ่น เพลย์ของทีมต้องบอกว่าไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้คู่แข่งเลย
ทิโม แวร์เนอร์ ตกเป็นเป้าวิจารณ์อย่างหนักกับการยิงไม่ได้มาแล้ว 8 เกมติด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมชาติเยอรมันอย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่โดนเปลี่ยนตัวออกจากเกม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซด์อย่างบีบีซีที่ให้คะแนนการเล่นของสองนักเตะจากเมืองเบียร์ต่ำกว่าทุกคนในทีม
สงสาร เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เกมนี้วิ่งที่ไล่บอลเหมือนหมาบ้า แต่บทสรุปของเกมกลับต้องมือเปล่า
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ดูยังมีงานให้ทำอีกเพียบ โดยเฉพาะแนวรุกที่จะเค้นศักยภาพของ ทิโม แวร์เนอร์ ออกมายังไง, จะเรียกความมั่นใจของ แทมมี่ อบราฮัม ได้ยังไง, ต้องฟูมฟัก ฮาคิม ซิเย็ค ให้ดีแค่ไหน เพราะช่วงที่ลงสนามเกมรุกทีมอันตรายจริงๆ หรือจะ ไค ฮาแวร์ตซ์ ว่าควรจะเล่นตรงไหนกันแน่
ประสบการณ์ลุ้นแชมป์ยังน้อย
ขาดความคิดสร้างสรรค์ในการเล่นเกมรุก
สองเกมที่แพ้ติดต่อกันไม่ได้โอกาสยิงแบบจะแจ้งเลย
หากจะลุ้นแชมป์จริงๆแพ้ได้แต่ไม่ใช่แพ้แบบนี้
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังมีงานต้องทำอีกเยอะจริงๆ
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT