ผลการแข่งขันที่ยุติธรรรม
คงไม่ใช่ผลการแข่งขันที่ผิดคาดเท่าไรนักกับการที่สองทีมใหญ่มาเจอกัน การแบ่งแต้มดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด แม้ว่ามันจะน่าเสียดายสำหรับทั้งสองทีมในความคิดของพวกเขาเองที่ไม่ได้ชัยชนะก็ตาม
เพราะด้วยรูปเกมที่ออกมาต้องบอกว่านี่คือผลการแข่งขันที่ยุติธรรมแล้ว เพราะในขณะฝ่ายบุกเดินเกมขึ้นมา ฝ่ายที่เล่นเกมรับยืนกันอย่างเหนียวแน่น คู่แข่งแทบเจาะเข้าไปไม่ได้
แม้จะมีจังหวะปัญหาอย่างลูกแฮนด์บอลของ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่สุดท้ายไม่ได้ถูกเป่าเป็นจุดโทษ หรือลูกยิงบางจังหวะแต่ก็มันก็ไม่ได้อันตรายพอหรือจะยกให้เป็นจังหวะซูเปอร์เซฟอะไร มากมาย
จะมีก็แค่จังหวะลูกยิงเน้นๆของ ฮาคิม ซิเย็ค แต่บอลก็ไม่ได้หนีตัว ดาบิด เด เคอา มากนัก เช่นเดียวกับลูกยิงของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
แต่ในเกมนี้ก็มีสถิติตัวเลขที่น่าสนใจหลายอย่างที่จะหยิบยกมาพูดถึงกัน
ผลเสมอไร้สกอร์เหย้า-เยือนรอบเกือบร้อยปี
เกมแรกที่ทั้งคู่เจอกันที่โอลด์ แทฟฟอร์ดย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมจบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์ ซึ่งในตอนนั้นกุนซือของฝั่ง เชลซี ยังเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด
แม้ในเกมนี้จะมีการเปลี่ยนตัวกุนซือไปแล้วมาเป็น โธมัส ทูเคิ่ล ทซึ่งที่ผ่านมาเคยคุม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นมีประตูเกิดขึ้นทุกเกม
แต่สุดท้ายผลงารแข่งขันในเกมนี้จบลงด้วยผลเสมอแบบไร้สกอร์อีกครั้ง แม้ว่า "ปีศาจแดง" จะเป็นทีมที่สอยตาข่ายคู่แข่งมากที่สุดในฤดูกาลนี้ 53 ลูกก็ตามที แต่การยิงไม่ได้เกมนี้ทำให้พวกเขายิงคู่แข่งไม่ได้เป็นเกมที่ 6 แล้วในซีซั่นนี้
และผลเสมอจากเกมนี้ทำให้ทั้งคู่เสมอกันแบบยิงกันไม่ได้ทั้งคู่ทั้งเหย้า-เยือนเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์เท่านั้น ซึ่งครั้งแรกนั้นต้องย้อนไปเกือบ 100 ปีที่แล้ว หรือเมื่อฤดูกาล 1921/22 เลย
เรียกได้ว่าคนที่อยู่ในชาตินี้อย่าว่าแต่ยังมีชีวิตอยู่แล้ว จะบอกว่ายังไม่ตายจากชาติที่แล้วก็คงไม่เกินไป หรือบางคนอาจจะเกิดใหม่มาหลายครั้งแล้วก็ได้
ปีศาจแดงกับสถิติไม่แพ้เกมเยือนในลีก
ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะการเล่นนอกบ้านที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ทีมรั้งอยู่ในตำแหน่งหัวตารางของทีมอยู่ในขณะนี้
ซึ่งจนถึงเวลานี้เดินทางมาถึงหลัก 20 เกมแล้ว เรียกได้ว่าวนมาครบหนึ่งฤดูกาลแล้ว หรือหากนับเป็นวันก็เกินกว่า 1 ปีไปเป็นที่เรียบร้อย
ความพ่ายแพ้นอกบ้านครั้งสุดท้ายของทีมต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคม 2020 คือการบุกไปพ่าย ลิเวอร์พูล ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้วนั่นเอง
20 เกมที่ไม่แพ้เกมเยือนเป็นสถิติไม่แพ้นอกบ้านนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร แต่ต้องบอกว่านี่ยังไม่ใช่สถิติดีที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อันดับหนึ่งก็คือ อาร์เซน่อล ที่ทำไว้ 27 เกม ในช่วงเดือนเมษายน 2003 ถึง กันยายน 2004 ในช่วงที่ทีมทำสถิติไร้พ่ายนั่นเอง ส่วนอันดับสองเป็น ลิเวอร์พูล ที่ทำไว้ 21 เกมระหว่างเดือนมกราคม 2019 ถึง กุมภาพันธ์ 2020นี่เอง
ส่วนของยูไนเต็ดอยู่ในอันดับ 3 ร่วมกับที่ เชลซี ทำไว้ 20 เกมเท่ากันในช่วงเดือนธันวาคม 2007 ถึง ธันวาคม 2008
เชลซี ครองบอลเยอะแต่ไม่ช่วยอะไร
อีกครั้งกับการเล่นทาง เชลซี ที่ครองบอลเยอะกว่าคู่แข่ง กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วนับตั้งแต่ที่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีม
การครองบอลเหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 58 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 42 เปอร์เซ็นต์ กัลโอกาสยิงที่มากกว่า 18 ครั้งต่อ 11 ครั้ง แต่เข้ากรอบแค่ 6 ครั้งหรือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
โดยเฉพาะในช่วงต้นครึ่งหลังที่เริ่มต้นด้วยการเก็บบอลไว้กับตัง แต่ในบางครั้งมันเป็นการผ่านบอลกันไปมา ซึ่งการเคลื่อนบอลที่ไปข้างหน้าไม่มากพอทำให้คู่แข่งลงไปตั้งรับทันและสุดท้ายบอลก็ไม่ไปไหน
ตลอดทั้งเกมทีมผ่านบอล 594 ครั้ง มากกว่า "ปีศาจแดง" ถึง 150 หน โดยมีความแม่นยำถึงระดับ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่กลางสนามเท่านั้น
สิ่งที่เห็นมีแค่ เมสัน เมาท์ คนเดียวเท่านั้นที่มุ่งมั่นที่จะตะลุยไปข้างหน้า ซึ่งการครองบอลคือสิ่งที่ดี แต่คงต้องทำอะไรให้มันเฉียบขาดมากกว่านี้หน่อย
ปีศาจแดงกับผลงานน่าผิดหวังในการเจอทีมท็อป 6
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะเป็นทีมที่ยิงประตูเยอะที่สุดในลีกและทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ แต่หากนับเฉพาะทีม "ท็อป 6" ของตารางต้องใช้คำว่าน่าผิดหวัง
การเสมอกับ เชลซี นั้นทำให้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่ชนะตลอด 7 เกมในฤดูกาลนี้ที่เจอกับทีมท็อป 6 ของลีก
ซีซั่นนี้ทีมแพ้ สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ในบ้านตัวเอง และเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ เชลซี (2 ครั้ง) เท่ากับว่าทีมเก็บได้แค่ 5 คะแนนเท่านั้นจากความเป็นไปได้ 21 คะแนน
ในเกมถัดไปทีมจะเจอกับ คริสตัล พาเลซ ตามด้วยการเจอกับทีมกลุ่มนำอีกครั้งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งถ้าหากวัดจากสถิติที่เป็นมานั้น โอกาสชนะคงจะเป็นไปได้ยาก และหากไม่ชนะก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่องแซงคว้าแชมป์ไปได้เลย
บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับฟอร์มการเล่นเจอทีมท็อป 6
นับตั้งแต่ย้ายมาต้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบอกว่าชื่อของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส คือคนที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง
ไม่ใช่กับ "ปีศาจแดง" เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงสร้างผลกระทบต่อพรีเมียร์ลีกเลยด้วยการยกระดับทีมให้ก้าวขึ้นมาอยู่ในพื้นที่หัวตารางอีกครั้ง
15 ประตู 11 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ของสตาร์ทีมชาติโปรตุเกส หากนับรวมการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวทำไป 23 ลูกกับ 18 แอสซิสต์จาก 40 เกม เรียกได้ว่ามีส่วนร่วมกับประตูของทีมเฉลี่ยนทุกนัดเลย
แต่ทว่าหากนับเฉพาะการเจอกับทีมในท็อป 6 นั้น บรูโน่ ทำได้แค่ประตูเดียวเท่านั้นซึ่งมาจากจุดโทษอีกด้วยในเกมกับ สเปอร์ส ส่วนที่เหลือกับ อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล รวมทั้งหมด 7 เกมก็มีแค่ประตูนั้นแหละที่ทำได้
ในเกมกับ เชลซี นัดนี้ บรูโน่ ไม่ได้สร้างโอกาสทำประตูให้ทีมเลย ไม่ได้ยิงเข้ากรอบด้วย ถือว่าน่าผิดหวังทีเดียวสำหรับฝั่งสีแดง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT