ยอดเยี่ยมไปเลยลูกพี่

แม้จะว่าไปแล้วยังห่างไกลจาก "เรือใบ" ในเวลานี้ แต่อย่างน้อยทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังเดินมาอยู่ในเส้นทางที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งหลังชัยชนะที่แอนฟิลด์

ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะมีปัญหาในเรื่องของการจัดทีม โดยเฉพาะในแนวรับซึ่งอาจจะเป็นข้อแก้ตัวได้จากความพ่ายแพ้ แต่คงไม่แฟร์กับฝั่ง เชลซี ที่เก็บสามคะแนนได้แล้วถูกมองว่าเป็นเพราะคู่แข่งมีนักเตะบาดเจ็บเยอะ

การจัดทีมของ เชลซี ไม่มีอะไรซับซ้อนโดยเฉพาะรูปแบบการเล่นที่นายใหญ่ชาวเยอรมันวางระบบ "หลังสาม" มาตั้งแต่คุมทีมเกมแรก

และดูเหมือนทีมจะได้สามคนที่เป็นกำลังหลักไปอย่าง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งและ ติอาโก้ ซิลวา แต่จากอาการบาดเจ็บทำให้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ได้ลงเล่นแทนและทำหน้าที่แทนได้อย่างไร้ที่ติ โดยมี เอดูอาร์ เมนดี้ เฝ้าเสาอยู่แล้ว

ทางซ้ายเกมนี้เป็น เบน ชิลเวลล์ ที่ได้เล่นต่อ ส่วนทางขวสลับมาเป็น รีซ เจมส์ แสดงให้เห็นถึงการวางแผนที่รัดกุมของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ไม่ใช้ มาร์กอส อลอนโซ่ กับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ที่อ่อนในการเล่นเกมรับมากกว่านั่นเอง

ตรงกลาง จอร์จินโญ่ กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังพักเกมที่แล้วโดยเล่นร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เจ้าเก้า ส่วนเกมรุก เมสัน เมาท์ กับ ฮาคิม ซิเย็ค ประจำการณ์เหมือนเดิม แต่กองหน้าจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ มาเป็น ทิโม แวร์เนอร์

ถือเป็นการวางตัวผู้เล่นที่กลั่นกรองออกมาอย่างมันสมองอันยอดเยี่ยมของนายใหญ่ผู้นี้อย่างชัดเจน

การพัก แวร์เนอร์ เป็นแค่สำรองในเกมล่าสุดแล้วส่งลงเล่นในเกมนี้เป็นการวางแผนเอาไว้แล้วให้สตาร์ชาวเยอรมันผู้นี้มีความสดอย่างเต็มที่ไว้สำหรับไล่บี้ในตั้งแต่ในแดนหน้าและก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม

ความขยันของ แวร์เนอร์ ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว ที่ขาดหายไปก็เพียงแค่ประตูเท่านั้น น่าเสียดายสำหรับบอลที่ถูกส่งสู่ก้นตาข่ายได้ในเกมนี้จะถูกวีเออาร์รับไปซะ

หรือจะ เมสัน เมาท์ กับ ฮาคมิ ซิเย็ค ที่มีความคล่องตัวสูงและสามารถบดบี้กับคู่แข่งได้ในทุกจังหวะ แม้ว่าลูกกลางอากาศจะไม่ได้โดดเด่น แต่การไม่ใช่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า โธมัส ทูเคิ่ล มีแผน

ที่จะไม่ชมไม่ได้เลยก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่การวิ่งของเขาเป็นประโยชน์กับทีมอย่างมหาศาล เช่นเดียวกับ จอร์จินโญ่ ที่คุมจังหวะของเกมได้เป็นอย่างดี

เข้าสกัด 5 ครั้งมากที่สุดในเกม, ตัดเกม 3 หนมากที่สุดในเกม, บล็อคลูกยิง, เก็บบอล รวมถึงจังหวะโหม่ง 100% นี่คืออีกเกมที่ยอดเยี่ยมของแข้งทีมชาติอิตาลีในฤดูกาลนี้

ถือเป็นการเรียกความมั่นใจกลับมาอย่างยอดเยี่ยมหลังจากที่แทบจะหมดอนาคตสมัยที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังอยู่

ส่วนเกมรับรวมถึงวิง-แบ็กสามารถปิดโอกาสของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ปล่อยให้ เอดูอาร์ เมนดี้ เจองานยาก หรือปล่อยให้คู่แข่งในจังหวะสับไกแบบเน้นๆเลย

แต่คนที่ควรได้รับคำชมเป็นอย่างยิ่งหนีไม่พ้น เมสัน เมาท์ ที่การเสริมทัพระดับ 200 ล้านปอนด์ของทีมในฤดูกาลนี้ไม่ได้มีผลกับเขาเลยแม้ว่าจะเปลี่ยนกุนซือก็ตาม

หรือถ้าจะบอกว่านี่คือนักเตะที่ทำผลงานได้อย่างสม่ำเสมอที่สุดในทีมก็คงไม่เกินไปนัก

ด้วยทรัพยากรที่ไม่ให้เลือกใช้อย่างเหลือเฟือโดยเฉพาะในแนวรุก ตัวสำรองที่มีอยู่ดีพอที่จะเป็นตัวจริงได้เช่นกัน ดังนั้นหากเทียบขุมกำลังแล้ว เชลซี ถือว่ามีศักยภาพไม่เป็นรองใครในลีก เหลือเพียงแค่การปรับจูนให้เข้าที่เข้าทางเท่านั้น

เกมรับถูก โธมัส ทูเคิ่ล จัดการให้เข้าที่เข้าทาง จากที่เคยเป็นทีมที่เสียประตูง่ายสมัย แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตอนนี้ 10 เกมผ่านไปกับเจ้านายคนใหม่ทีมเสียไปเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น

เป้าหมายการจบใน "ท็อปโฟร์" ตอนนี้อยู่ในมือของตัวเองแล้วเมื่อชัยชนะในเกมล่าสุดทำให้ทีมสอดแทรกขึ้นมาอยู่ในจุดนั้นเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งหากทีมคว้าตั๋วไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกไปหน้าได้ แน่นอนว่าทั้ง โรมัน อบราโมวิช และ มารีน่า กรานอฟสกาย่า ย่อมพร้อมให้ โธมัส ทูเคิ่ล เบิกเงินซื้อนักเตะที่ต้องการแน่

หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นกองหน้าตัวเป้าที่ดูจะเป็นจุดด้อยเดียวในเวลานี้ไปซะแล้ว เป้าหมายก็ไม่ใช่ใครอื่น เอร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของ ดอร์ทมุนด์ นั่นแหละ

ไม่ต้องสนว่าจะสามารถฉีกสัญญาได้ในปี 2022 ที่ 68 ล้านปอนด์ ระดับ "เสี่ยหมี" คนใจร้อนอาจจะยอมจ่ายให้จบๆไปเลย ไม่ต้องไปแย่งกับใครเค้าด้วย

อีก 11 เกมที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้ สาวก "สิงห์บลูส์" คงไม่ได้หวังไกลไปมากกว่าแค่พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนในบอลถ้วยก็ค่อยว่ากันว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ได้ก็ดี ไม่ได้ก็อาจจะเสียดายไปบ้างเพราะทีมผลงานดีเหลือเกินในตอนนี้

ปีนี้ของจริง ปีหน้าของจริงยิ่งกว่าแน่