ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ
เพราะแม้แต่ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ยังเหนื่อยเวลาที่ต้องเจอกับทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
แม้ว่าทัพ "ตราหมี" จะแสดงให้เห็นถึงความดุดันตั้งแต่ต้นเกมมากกว่าที่ทำในนัดแรก ผลพวงก็มาจากความพ่ายแพ้คารังที่ทำให้พวกเขาต้องยิงประตูให้ได้
แต่ทุกอย่างก็ยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้นเมื่อ ฮาคิม ซิเย็ค มาทำประตูให้ "สิงห์บลูส์" ขึ้นนำ นั่นเท่ากับว่าผู้มาเยือนต้องทำให้ได้สองประตูเป็นอย่างน้อยแล้ว
เอาจริงๆก่อนที่จะมีประตูแรกของเกมเกิดขึ้นต้องบอกว่าทั้งสองทีมแทบไม่ได้มีโอกาสทำประตูแบบจะแจ้งกันเลย หรือแม้แต่ครึ่งหลังทาง เชลซี ก็ยังคุมเกมได้ดีเยี่ยมไม่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนเลย
กระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แอต.มาดริด เองก็ถอดใจสุดท้ายช่วงทดเจ็บมาโดนฝังอีกลูกจาก เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ จบเกม 2-0 รวมผลสองเกมสอนบอลไป 3-0
ถือเป็นเกมที่นักเตะของสิงโตน้ำเงินทำผลงานได้อย่างเป็นอย่างดีทุกคนเลยทีเดียว ลองไปดูว่าแต่ละคนได้คะแนนเท่าไร และจุดไหนที่ทำได้เป็นอย่างดีในเกม
เอดูอาร์ เมนดี้ 7/10
ครึ่งแรกมือกาวทีมชาติเซเนกัลแทบไม่ต้องออกแรงทำอะไรนักในครึ่งแรก แม้ว่าจะมีจังหวะที่ต้องใช้สมองในการเล่นด้วยเท้าอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง
ในภาพรวมมีการเซฟจังหวะของ ชูเอา เฟลิกซ์ และยืนตำแหน่งมีสมาธิดีตลอดเกม ไม่ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องหนักใจอะไร นับเป็นการเก็บคลีนชีตเกมที่ 6 จาก 8 เกมที่เฝ้าเสาให้ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นนี้ด้วย
เซซาร์ อัซปิลิวยต้า 7/10
ถือเป็นอีกเกมที่ทำได้ดีทีเดียวสำหรับ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่ควาใมทุ่มเทยามลงสนามไม่เคยเป็นรองใครอยู่แล้ว
จังหวะเด่นในเกมนี้ก็คือลูกทีมเหมือนกับไปเหนี่ยว ยานนิค การ์ราสโก้ ล้มในกรอบในจังหวะที่จิ้มบอลคืนหลังเบาไปหน่อย ยังดีที่ผู้ตัดสิน ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ ไม่ชี้ไปที่จุดโทษ เพราะตอนนั้นสกอร์ยัง 0-0 อาจจะงานงอกได้
แต่สถิติโดยรวมที่เหลือถือว่าแจ่มทั้งการสัมผัสบอลมากที่สุดในทีม (100 ครั้ง) ดวลคู่แข่งชนะ 5 ครั้ง, เคลียร์บอล 4 ครั้ง, เข้าแท็คเกิ้ล 2 ครั้ง, บล็อค และ ตัดเกมอีกอย่างละครั้ง ก็ต้องปรบมือให้แหละ
คูร์ท ซูม่า 7/0
กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งในตำแหน่งเซนเตอร์สำหรับ คูร์ท ซูม่า จากการบาดเจ็บของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ถึงกระนั้นก็ปักหลักช่วยทีมได้อย่างแข็งแกร่ง
แน่นอนว่าการยืนในระบบ 3 เซนเตอร์ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ คูร์ท ซูม่า ที่ช่วยเติมเต็มในเกมรับของทีมได้อย่างไร้ปัญหาจากการดวลกับคู่แข่งชนะถึง 8 หน เคลียร์บอล 5 ครั้งและยังมีจังหวะโหม่งสกัดอีก 2-3 หน ไม่ได้เป็นจุดอ่อนของทีมเลยจากการลงเล่นในเกมนี้
อันโตนิโอ รือดิเกอร์ 7/10
ถือว่ากลับมาเกิดใหม่อย่างแท้จริงสำหรับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในการเปลี่ยนตัวกุนซือครั้งนี้
แต่นั่นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เซนเตอร์ชาวเยอรมันคือปราการหลักคนสำคัญที่ช่วยทีมให้มีเกมรับที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีม โดยเกมนี้บัญชาเกมรับพร้อมจัดการกับทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และ ยานนิค การ์ราสโก้ จนเล่นไม่ออก
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ทำให้ แอต.มาดริด ต้องเหลือ 10 คนช่วงท้ายจากการเอาท้องตัวเองไปรับศอกของ สเตฟาน ซาวิช อีกด้วย
รีซ เจมส์ 7/10
ถือเป็นเกมที่ รีซ เจมส์ ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 90 นาที ไม่ว่าจะเกมรับหรือเกมรุกถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างไร้ปัญหา
ในด้านเกมรับ แข้งชาวอังกฤษจัดการกับ เรนาน โรดี้ อยู่หมัด จน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ต้องทำการเปลี่ยนตัวเอา มริโอ เอร์โมโซ๋ ลงมาเล่นแทน แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร รวมถึง ยานริค การ์ราสโก้ ที่โดนโยกมาเพื่อเล่นงานก็ยังทำไม่ได้
ส่วนเกมรุก เจ้าตัวผ่านบอลสำคัญ 3 หน มากที่สุดในทีมร่วม รวมทั้งผ่านบอลเข้าเป้าสูงถึง 94 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวในนัดนี้
มาร์กอส อลอนโซ่ 7/10
อีกหนึ่งแข้งที่กลับมาเล่นได้อย่างโดดเด่นภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ด้วยสไตล์การเล่นที่เติมเกมบุกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแถมมีทีเด็ดด้วย กับระบบ 3 เซนเตอร์นั้นถือว่าดึงศักยภาพของ มาร์กอส อลอนโซ่ ออกมาอย่างเต็มที่
แม้ว่าในภาพรวมเกมนี้จะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่การมีเขาอยู่ในเกมทำให้เกมทางขวาของ แอตเลติโก มาดริด ไม่กล้าที่จะลุยมากนัก เพราะรู้ถึงพิษสงในการผ่านบอลหรือแม้แต่ยิงประตูเองของเจ้าตัวเป็นอย่างดี
เกมรุกเดินหน้าลุยขึ้นมาบ้าง แม้น่าเสียดายที่มีจังหวะได้เปิดบอลแต่ไม่ดี แต่เกมเกมรับก็สามารถรับมือกับ คีแรน ทริปเปียร์ ได้อย่างไม่ยากเย็น
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 9/10
แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ อย่างไร้ข้อกังขาสำหรับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่กลับมาเค้นศักยภาพมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกกลับมาอีกครั้งหลังจากที่หายไปพักใหญ่
กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสตัดบอลสำคัญถึง 4 หนในเกมนี้ และนั่นก็นำมาซึ่งสองประตูที่ทีมทำได้ดีในเกมนี้ด้วย
นอกจากนี้ยังเก็บบอลถึง 13 ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งอีก 7 หน เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่รับแน่น สามารถเปลี่ยนเกมของทีมจากรับเป็นรุกได้อย่างดีเยี่ยม แบบนี้จะไม่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมได้ยังไง
มาเตโอ โควาซิช 7/10
แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนอย่างเพื่อนร่วมแดนกลางอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่ มาเตโอ โควาซิช ก็คอยเชื่อมเกมระหง่างแนวรับกับแนวรุกได้เป็นอย่างดี
ทุกครั้งที่มีโอกาส มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียจะพาบอลไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีการจ่ายบอลคืนหลังไป-มาให้เสียอารมณ์แต่อย่างใด และยังมีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้าถึง 92 เปอร์เซ็นต์เลย
ด้วยการเล่นนั้นทำให้ เชลซี เก็บบอลไว้กับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังวิ่งแบบไม่มีหมดอีกด้วย ความยอดเยี่ยมของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็มีเขานี่แหละเป็นส่วนหนึ่ง
ฮาคิม ซิเย็ค 9/10
ถ้าจะบอกว่านี่คือเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ ฮาคิม ซิเย็ค นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งกับ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ก็คงไม่ใช่คำพูดที่มากเกินไปเลย
หลังจากความน่าผิดหวังจากเกมล่าสุดกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด นี่ถือเป็นการแก้ตัวของมิดฟิลด์ทีมชาติโมร็อกโกที่เล่นงานเกมรับของ แอต.มาดริด พร้อมส่งบอลผ่านบอล ยาน โอบัลค ไปได้ และควรจะได้มากกว่าหนึ่งประตูด้วย
ไค ฮาแวร์ตซ์ 7/10
ดูจะกลับมาเล่นด้วยความมุ่งมั่นและความมั่นใจอีกครั้งสำหรับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไม่ว่าเกมนี้จะเล่นเป็นหน้าต่ำหรือสลับขึ้นไปยืนกองหน้าก็ดูจะมีชีวิตชีวาอย่างดีทีเดียว
แม้ในภาพรวมจะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ประตูขึ้นนำก็ถือว่ามีส่วนร่วมกับการให้บอล ทิโม แวร์เนอร์ ซึ่งทำให้เห็นถึงการประสานงานกับเพื่อนร่วมชาติที่แฟนบอลอยากเห็นกันเหลือเกิน
ทั้งการวิ่ง การทำทาง การป่วนแนวรับคู่แข่งถือว่าทำได้เป็นอย่าง นี่อาจจะเป็นกองหน้าในแบบที่ทีมต้องการและคนที่ โธมัส ทูเคิ่ล ตามหาอยู่
ทิโม แวร์เนอร์ 8/10
นับเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจทีเดียวสำหรับ ทิโม แวร์เนอร์ ที่ต้องบอกว่าเกมนี้ความเร็วของเขาเล่นงานเกมรับของ แอตเลติโก มาดริด ได้เป็นอย่างดีเลย
จังหวะที่แอสซิสต์ให้กับ ฮาคิม ซิเย็ค ถือเป็นการเล่นที่น่าชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะจังหวะที่บอลออกจากเท้าเรียกได้ว่าพอดีเหลือเกินทั้งน้ำหนักและเวลา เหลือแค่ให้เพื่อนส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้เท่านั้น
ต้นครึ่งหลังยังหวะโอกาสาหลุดไปยิงมุมแคบ น่าเสียดายติดมือ ยาน โอบลัค แต่ก็ต้องบอกว่าผ่านเกมนี้ความมั่นใจของดาวยิงชาวเยอรมันจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
คริสเตียน พูลิซิช 7/10
ลงมาแทนที่ ฮาคิม ซิเย็ค นาทีที่ 77 ซึ่งหากไม่นับจังหวะแอสซิสต์ให้ เอแมร์ซอน ยิงประตูปิดท้ายต้องบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเท่าไรนัก การเลี้ยงบอลก็โดนดักทางได้หมด แต่ก็ถือว่าได้แอสซิสต์ในเกมนี้ไป
คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย 6/10
อีกคนที่ถูกส่งลงเล่น โดยแทน ทิโม แวร์เนอร์ นาทีที่ 83 ของเกม แม้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรในเกม แต่ก็ช่วยเชื่อมเกมเล็กๆน้อยๆให้ คริสเตียน พูลิซิช ไปแอสซิสต์ประตูปิดท้าย
เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ 7/10
สัมผัสบอลครั้งแรกก็เป็นประตูปิดท้ายให้กับทีม ซึ่งยังไงก็ต้องปรบมือให้กับการจบสกอร์ประตูนี้ด้วยเพราะต้องบอกงว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนกัน
เบน ชิลเวลล์ 6/10
ถูกส่งลงมาเพียงเพื่อถ่วงเวลาให้จบๆไปเท่านั้น ก็เลยไม่ได้มีผลงานอะไรให้ต้องพูดถึง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT