:::     :::

ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,563
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ชัยชนะเหนือ แอตเลติโก มาดริด ต้องได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องสำหรับ เชลซี เพราะอย่างที่รู้ว่าทีมดังจากสเปนตอนนี้ไม่ใช่ทีมที่ใครจะเอาชนะได้ง่ายๆ

เพราะแม้แต่ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ยังเหนื่อยเวลาที่ต้องเจอกับทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่

แม้ว่าทัพ "ตราหมี" จะแสดงให้เห็นถึงความดุดันตั้งแต่ต้นเกมมากกว่าที่ทำในนัดแรก ผลพวงก็มาจากความพ่ายแพ้คารังที่ทำให้พวกเขาต้องยิงประตูให้ได้

แต่ทุกอย่างก็ยิ่งเป็นเรื่องยากมากขึ้นเมื่อ ฮาคิม ซิเย็ค มาทำประตูให้ "สิงห์บลูส์" ขึ้นนำ นั่นเท่ากับว่าผู้มาเยือนต้องทำให้ได้สองประตูเป็นอย่างน้อยแล้ว

เอาจริงๆก่อนที่จะมีประตูแรกของเกมเกิดขึ้นต้องบอกว่าทั้งสองทีมแทบไม่ได้มีโอกาสทำประตูแบบจะแจ้งกันเลย หรือแม้แต่ครึ่งหลังทาง เชลซี ก็ยังคุมเกมได้ดีเยี่ยมไม่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนเลย

กระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แอต.มาดริด เองก็ถอดใจสุดท้ายช่วงทดเจ็บมาโดนฝังอีกลูกจาก เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ จบเกม 2-0 รวมผลสองเกมสอนบอลไป 3-0

        

ถือเป็นเกมที่นักเตะของสิงโตน้ำเงินทำผลงานได้อย่างเป็นอย่างดีทุกคนเลยทีเดียว ลองไปดูว่าแต่ละคนได้คะแนนเท่าไร และจุดไหนที่ทำได้เป็นอย่างดีในเกม

เอดูอาร์ เมนดี้ 7/10

ครึ่งแรกมือกาวทีมชาติเซเนกัลแทบไม่ต้องออกแรงทำอะไรนักในครึ่งแรก แม้ว่าจะมีจังหวะที่ต้องใช้สมองในการเล่นด้วยเท้าอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง

ในภาพรวมมีการเซฟจังหวะของ ชูเอา เฟลิกซ์ และยืนตำแหน่งมีสมาธิดีตลอดเกม ไม่ทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องหนักใจอะไร นับเป็นการเก็บคลีนชีตเกมที่ 6 จาก 8 เกมที่เฝ้าเสาให้ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นนี้ด้วย

เซซาร์ อัซปิลิวยต้า 7/10

ถือเป็นอีกเกมที่ทำได้ดีทีเดียวสำหรับ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่ควาใมทุ่มเทยามลงสนามไม่เคยเป็นรองใครอยู่แล้ว 

จังหวะเด่นในเกมนี้ก็คือลูกทีมเหมือนกับไปเหนี่ยว ยานนิค การ์ราสโก้ ล้มในกรอบในจังหวะที่จิ้มบอลคืนหลังเบาไปหน่อย ยังดีที่ผู้ตัดสิน ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ ไม่ชี้ไปที่จุดโทษ เพราะตอนนั้นสกอร์ยัง 0-0 อาจจะงานงอกได้

แต่สถิติโดยรวมที่เหลือถือว่าแจ่มทั้งการสัมผัสบอลมากที่สุดในทีม (100 ครั้ง) ดวลคู่แข่งชนะ 5 ครั้ง, เคลียร์บอล 4 ครั้ง, เข้าแท็คเกิ้ล 2 ครั้ง, บล็อค และ ตัดเกมอีกอย่างละครั้ง ก็ต้องปรบมือให้แหละ


คูร์ท ซูม่า 7/0

กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งในตำแหน่งเซนเตอร์สำหรับ คูร์ท ซูม่า จากการบาดเจ็บของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ถึงกระนั้นก็ปักหลักช่วยทีมได้อย่างแข็งแกร่ง

แน่นอนว่าการยืนในระบบ 3 เซนเตอร์ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ คูร์ท ซูม่า ที่ช่วยเติมเต็มในเกมรับของทีมได้อย่างไร้ปัญหาจากการดวลกับคู่แข่งชนะถึง 8 หน เคลียร์บอล 5 ครั้งและยังมีจังหวะโหม่งสกัดอีก 2-3 หน ไม่ได้เป็นจุดอ่อนของทีมเลยจากการลงเล่นในเกมนี้

อันโตนิโอ รือดิเกอร์ 7/10

ถือว่ากลับมาเกิดใหม่อย่างแท้จริงสำหรับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในการเปลี่ยนตัวกุนซือครั้งนี้

แต่นั่นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เซนเตอร์ชาวเยอรมันคือปราการหลักคนสำคัญที่ช่วยทีมให้มีเกมรับที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีม โดยเกมนี้บัญชาเกมรับพร้อมจัดการกับทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ และ ยานนิค การ์ราสโก้ จนเล่นไม่ออก

นอกจากนี้ยังมีส่วนที่ทำให้ แอต.มาดริด ต้องเหลือ 10 คนช่วงท้ายจากการเอาท้องตัวเองไปรับศอกของ สเตฟาน ซาวิช อีกด้วย


รีซ เจมส์ 7/10

ถือเป็นเกมที่ รีซ เจมส์ ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้ง 90 นาที ไม่ว่าจะเกมรับหรือเกมรุกถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างไร้ปัญหา

ในด้านเกมรับ แข้งชาวอังกฤษจัดการกับ เรนาน โรดี้ อยู่หมัด จน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ต้องทำการเปลี่ยนตัวเอา มริโอ เอร์โมโซ๋ ลงมาเล่นแทน แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร รวมถึง ยานริค การ์ราสโก้ ที่โดนโยกมาเพื่อเล่นงานก็ยังทำไม่ได้

ส่วนเกมรุก เจ้าตัวผ่านบอลสำคัญ 3 หน มากที่สุดในทีมร่วม รวมทั้งผ่านบอลเข้าเป้าสูงถึง 94 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวในนัดนี้

มาร์กอส อลอนโซ่ 7/10

อีกหนึ่งแข้งที่กลับมาเล่นได้อย่างโดดเด่นภายใต้การคุมทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ด้วยสไตล์การเล่นที่เติมเกมบุกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแถมมีทีเด็ดด้วย กับระบบ 3 เซนเตอร์นั้นถือว่าดึงศักยภาพของ มาร์กอส อลอนโซ่ ออกมาอย่างเต็มที่

แม้ว่าในภาพรวมเกมนี้จะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่การมีเขาอยู่ในเกมทำให้เกมทางขวาของ แอตเลติโก มาดริด ไม่กล้าที่จะลุยมากนัก เพราะรู้ถึงพิษสงในการผ่านบอลหรือแม้แต่ยิงประตูเองของเจ้าตัวเป็นอย่างดี

เกมรุกเดินหน้าลุยขึ้นมาบ้าง แม้น่าเสียดายที่มีจังหวะได้เปิดบอลแต่ไม่ดี แต่เกมเกมรับก็สามารถรับมือกับ คีแรน ทริปเปียร์ ได้อย่างไม่ยากเย็น


เอ็นโกโล่ ก็องเต้ 9/10

แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ อย่างไร้ข้อกังขาสำหรับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้  ที่กลับมาเค้นศักยภาพมิดฟิลด์ตัวรับระดับโลกกลับมาอีกครั้งหลังจากที่หายไปพักใหญ่

กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสตัดบอลสำคัญถึง 4 หนในเกมนี้ และนั่นก็นำมาซึ่งสองประตูที่ทีมทำได้ดีในเกมนี้ด้วย

นอกจากนี้ยังเก็บบอลถึง 13 ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งอีก 7 หน เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่รับแน่น สามารถเปลี่ยนเกมของทีมจากรับเป็นรุกได้อย่างดีเยี่ยม แบบนี้จะไม่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเกมได้ยังไง

มาเตโอ โควาซิช 7/10

แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนอย่างเพื่อนร่วมแดนกลางอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่ มาเตโอ โควาซิช ก็คอยเชื่อมเกมระหง่างแนวรับกับแนวรุกได้เป็นอย่างดี

ทุกครั้งที่มีโอกาส มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียจะพาบอลไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีการจ่ายบอลคืนหลังไป-มาให้เสียอารมณ์แต่อย่างใด และยังมีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้าถึง 92 เปอร์เซ็นต์เลย

ด้วยการเล่นนั้นทำให้ เชลซี เก็บบอลไว้กับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังวิ่งแบบไม่มีหมดอีกด้วย ความยอดเยี่ยมของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็มีเขานี่แหละเป็นส่วนหนึ่ง


ฮาคิม ซิเย็ค 9/10

ถ้าจะบอกว่านี่คือเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ ฮาคิม ซิเย็ค นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งกับ เชลซี ในฤดูกาลนี้ ก็คงไม่ใช่คำพูดที่มากเกินไปเลย

หลังจากความน่าผิดหวังจากเกมล่าสุดกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด นี่ถือเป็นการแก้ตัวของมิดฟิลด์ทีมชาติโมร็อกโกที่เล่นงานเกมรับของ แอต.มาดริด พร้อมส่งบอลผ่านบอล ยาน โอบัลค ไปได้ และควรจะได้มากกว่าหนึ่งประตูด้วย

ไค ฮาแวร์ตซ์ 7/10

ดูจะกลับมาเล่นด้วยความมุ่งมั่นและความมั่นใจอีกครั้งสำหรับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไม่ว่าเกมนี้จะเล่นเป็นหน้าต่ำหรือสลับขึ้นไปยืนกองหน้าก็ดูจะมีชีวิตชีวาอย่างดีทีเดียว

แม้ในภาพรวมจะไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ประตูขึ้นนำก็ถือว่ามีส่วนร่วมกับการให้บอล ทิโม แวร์เนอร์ ซึ่งทำให้เห็นถึงการประสานงานกับเพื่อนร่วมชาติที่แฟนบอลอยากเห็นกันเหลือเกิน

ทั้งการวิ่ง การทำทาง การป่วนแนวรับคู่แข่งถือว่าทำได้เป็นอย่าง นี่อาจจะเป็นกองหน้าในแบบที่ทีมต้องการและคนที่ โธมัส ทูเคิ่ล ตามหาอยู่


ทิโม แวร์เนอร์ 8/10

นับเป็นฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจทีเดียวสำหรับ ทิโม แวร์เนอร์ ที่ต้องบอกว่าเกมนี้ความเร็วของเขาเล่นงานเกมรับของ แอตเลติโก มาดริด ได้เป็นอย่างดีเลย

จังหวะที่แอสซิสต์ให้กับ ฮาคิม ซิเย็ค ถือเป็นการเล่นที่น่าชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะจังหวะที่บอลออกจากเท้าเรียกได้ว่าพอดีเหลือเกินทั้งน้ำหนักและเวลา เหลือแค่ให้เพื่อนส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้เท่านั้น

ต้นครึ่งหลังยังหวะโอกาสาหลุดไปยิงมุมแคบ น่าเสียดายติดมือ ยาน โอบลัค แต่ก็ต้องบอกว่าผ่านเกมนี้ความมั่นใจของดาวยิงชาวเยอรมันจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

คริสเตียน พูลิซิช 7/10

ลงมาแทนที่ ฮาคิม ซิเย็ค นาทีที่ 77 ซึ่งหากไม่นับจังหวะแอสซิสต์ให้ เอแมร์ซอน ยิงประตูปิดท้ายต้องบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเท่าไรนัก การเลี้ยงบอลก็โดนดักทางได้หมด แต่ก็ถือว่าได้แอสซิสต์ในเกมนี้ไป

        

คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย 6/10

อีกคนที่ถูกส่งลงเล่น โดยแทน ทิโม แวร์เนอร์ นาทีที่ 83 ของเกม แม้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรในเกม แต่ก็ช่วยเชื่อมเกมเล็กๆน้อยๆให้ คริสเตียน พูลิซิช ไปแอสซิสต์ประตูปิดท้าย

เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ 7/10

สัมผัสบอลครั้งแรกก็เป็นประตูปิดท้ายให้กับทีม ซึ่งยังไงก็ต้องปรบมือให้กับการจบสกอร์ประตูนี้ด้วยเพราะต้องบอกงว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนกัน

เบน ชิลเวลล์ 6/10

ถูกส่งลงมาเพียงเพื่อถ่วงเวลาให้จบๆไปเท่านั้น ก็เลยไม่ได้มีผลงานอะไรให้ต้องพูดถึง


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด