:::     :::

ท็อปโฟร์ในกำมือ

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,266
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สามแต้มเหนือ เวสต์แฮม ในเกมล่าสุดแม้อาจจะไม่ได้ทำให้ เชลซี การันตีพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในเวลานี้ แต่ทุกอย่างตอนนี้ก็อยู่ในกำมือของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

กับ 58 คะแนนจาก 33 เกม ขยับหนี "ขุนค้อน" ที่ก่อนหน้านี้มีแต้มเท่ากัน ทำให้ทีมขยับหนี 3 คะแนนพร้อมกับประตูได้-เสียที่บวกกว่าถึง 10 ประตู 

เรียกได้ว่าเป็นต่ออยู่หนึ่งเกมนั่นแหละ หรือทีมยังสามารถแพ้ได้ 1 เกมจากอีก 5 นัดที่เหลือเป็นอย่างน้อย ในกรณีที่คู่แข่งเองก็ต้องไม่พลาดเหมือนกัน

เพราะที่ต้องบอกว่าพลาดได้เพราะจากโปรแกรมที่เหลืออยู่โอกาสที่ทีมจะพลาดมีไม่น้อยเลยเพราะทีมต้องเจอทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) เจอ อาร์เซน่อล (เหย้า) และ เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า) ติดต่อกันซึ่งถือเป็นเกมที่ยาก


ส่วนอีกสองเกมจากเริ่มจากสุดสัปดาห์หน้าที่จะเจอ ฟูแล่ม (เหย้า) และ แอสตัน วิลล่า (เยือน) ในเกมสุดท้ายของฤดูกาลคงไม่พลาดที่จะชนะได้

ไหนจะมีเกมบอลถ้วยอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ต้องเจอกับของแข็งอย่าง เรอัล มาดริด เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่เลย และในกลางสัปดาห์หน้า ซึ่งแน่นอนว่ามาถึงในรอบตัดเชือกแล้วทีมคงใส่แหลกแบบไม่กั๊กแน่

ขณะที่อีกรายการอย่าง เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศที่จะเขอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ มาก่อนเกมสุดท้ายของฤดูกาลก็รอดูกันว่าสถานการณ์ตอนนั้นของทีมอยู่ในจุดไหนแล้ว และเช่นเดียวกับบอลยุโรป เกมชิงบอลถ้วยยังไงก็สู้แบบไม่ต้องมีอะไรมาห่วงทั้งสิ้น 


แม้ว่าตอนนั้นในลีกต้องลุ้นถึงเกมสุดท้ายยังไงก็ต้องใส่หมดนั่นแหละ

กลับมาที่เกมที่ลอนดอน สเตเดี้ยม ถือว่ามีหลายจุดที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือการดวลกันของ เดวิด มอยส์ กับ โธมัส ทูเคิ่ล ซึ่งนายใหญ่ชาวสกอตแลนด์ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวเต็งที่จะคว้าตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองจากการพาสโมสรขึ้นมาลุ้นถึงพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปีนี้

เช่นเดียวกับ ทูเคิ่ล ที่เข้ามาพร้อมกับเรียกความมั่นใจกับนักเตะให้กลับมาอีกครั้ง รวมถึงสถิติอันยอดเยี่ยมในการคุมทีมโดยเฉพาะในเกมรับที่เหนียวแน่นจริงๆ

        

ในรูปแบบการเล่นก็คล้ายคลึงกันกับระบบ "3 เซนเตอร์" แล้วมีวิง-แบ็กสองฝั่ง, มิดฟิลด์ตัวรับสองคน และมีแนวรุกสามคน

ไหนจะ เวสต์แฮม จะเป็นทีมที่เก็บแต้มในบ้านซีซั่นนี้เป็นอันสองของลีก มีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงทีมเดียวเท่านั้นที่มากกว่า ในขณะที่ เชลซี ยังไม่แพ้ใครนอกบ้านนับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล มาคุมทีม

แต่ปัจจัยที่สำคัญอย่างมากก็คือการเรื่องของอาการบาดเจ็บของฝั่ง "ขุนค้อน" ที่ต้องขาดทั้ง อารอน เครสส์เวลล์, เดแคลน ไรซ์ และ มิชาล อันโตนิโอ รวมถึง เคร็ก ดอว์สัน ที่ติดโทษแบน ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ประสิทธิภาพของทีมลดลงไปอย่างมาก

ในขณะที่ เชลซี ขาดแค่ มาเตโอ โควาซิช ซึ่งแทยไม่ส่งผล กองกลางตัวรับทั้ง จอร์จินโญ่ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คือตัวหลักที่ศักยภาพไม่เป็นรองแถมยังเหนือกว่าแถมเป็นการจับคู่ที่ลงตัวมากกว่าด้วย


นั่นคือความต่างที่ทำให้ในที่สุดแล้วชัยชนะตกเป็นของฝั่ง เชลซี ในที่สุดกับเส้นทางการแย่งท็อปโฟร์ของตาราง

อีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการกลับมาทำประตูอีกครั้งของ ติโม แวร์เนอร์ หลังจากที่ประตูล่าสุดในลีกที่ทีมได้ต้องย้อนไปในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์เลย

ถือเป็นการตอบแทนความเชื่อมั่นที่เจ้านายมีให้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนแอสซิสต์ให้ ฮาคิม ซิเย็ค พังประตูชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ในเกมตัดเชือกเอฟเอ คัพ


และถึงแม้จะห่างหายจากการทำประตูไปนาน แต่จนถึงตอนนี้กองหน้าทีมชาติเยอรมันคือคนที่มีส่วนร่วมกับประตูของทีมมากที่สุดในซีซั่นนี้ 20 ลูก โดยแบ่งเป็น 11 ประตูกับ 9 แอสซิสต์

แน่นอนมันคือการเรียกความมั่นใจให้สูงมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการเจอกับสุดยอดทีมของโลกอย่าง เรอัล มาดริด ในเกมยุโรป

อย่างที่บอกว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญสำหรับโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งกับ เชลซี นั้นยังมีลุ้นอยู่ในทุกเป้าหมายในซีซั่นนี้ ซึ่งทุกอย่างตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเขาเองทั้งหมดแล้ว

เริ่มจากคืนวันอังคารนี้เลย


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด