:::     :::

ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม

วันศุกร์ที่ 07 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,346
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ประตูของ ติโม แวร์เนอร์ และ เมสัน เมาท์ บวกกับรูปเกมที่เหนือกว่านำพาให้ เชลซี คว้าชัยเหนือ เรอัล มาดริด พร้อมลิ่วเข้ารอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกปีนี้ได้สำเร็จ

เรียกได้ว่าในการเจอกับทีมอย่าง "ราชันชุดขาว" โธมัส ทูเคิ่ล วางแผนได้เป็นอย่างดีและไม่ได้เล่นเพื่อดึงผลเสมอ แต่สู้เพื่อที่จะทำประตูตัดโอกาสผู้มาเยือนให้สิ้นไป

นอกจากคำชมในแนวรุกที่ทำได้อย่างน่าประทับใจ อีกคนที่จะไม่ชมไม่ได้เลยก็คือ เอดูอาร์ เมนดี้ ที่โชว์ซูเปอร์เซฟลูกยิงของ คาริม เบนเซม่า ไม่กี่อึดใจก่อนที่ทีมจะได้ประตูขึ้นนำ รวมถึงลูกโหม่งอีกครั้งหลังผ่านครึ่งชั่วโมงของเกมไป

ยังไม่นับจังหวะยิงไกลของทั้ง โทนี่ โครส และ ลูก้า โมดริช ที่รับเข้าซองอย่างไม่ตื่นสนามเลย

โดยรวมถือเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมของทาง เชลซี กับรูปแบบที่นายใหญ่ชาวเยอรมันบริหารจัดการและวางแผนทำให้ทีมมาอยู่ในจุดนี้

29 พฤษภาคม จะเป็นวันที่สุดสำคัญอีกครั้งหลังเหล่าบนรรดา "สิงห์บลูส์" โดยมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นคู่ต่อกร หวังว่าจะเป็นวีรกรรมอีกครั้งเหมือนเมื่อครั้งเกมที่มิวนิคได้

การจัดทีม

การส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ลงเล่นแทน คริสเตียน พูลิซิช คือการเปลี่ยนแปลงเดียวของ เชลซี ในเกมนี้จากนัดแรกที่สนามอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ พร้อมกับขยับ ติโม แวร์เนอร์ มาเล่นเกมรุกกับ เมสัน เมาท์ ส่วน ฮาแวร์ตซ์ เป็น "ฟอลส์ ไนน์"

ขณะที่ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่บาดเจ็บบริเวณใบหน้าจากเกมนัดแรกสวมหน้ากากลงบัญชาเกมรับ รวมถึงอีกสามแข้งอย่าง จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ที่ได้พักในเกมล่าสุดที่ชนะ ฟูแล่ม กลับมาลงสนามทั้งหมด

ส่วนทางฝั่ง เรอัล มาดริด มีเซอร์ไพรส์เล็กๆตรงที่ เอแด็น อาซาร์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเลย โดยเล่นในเกมรุกร่วมกับ คาริม เบนเซม่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ รวมถึง เซร์คิโอ รามอส สลัดอาการบาดเจ็บกลับมายืนเซนเตอร์

เริ่มครองเกม

แม้จะไม่ได้ครองบอลเยอะกว่าแบบชัดเจนอะไรมากมาย แต่ในการขึ้นเกมรุกของ เชลซี โดยเฉพาะทางริมเส้นทางซ้ายเล่นงาน นาโช่ เฟร์นันเดซ ได้อย่างต่อเนื่องเลย โดยทั้ง เมสัน เมาท์ และ ติโม แวร์เนอร์ ได้ทะลุเข้าเขตโทษสร้างความปั่นป่วนได้บ่อยครั้ง

เช่นเดียวกับเกมเลกแรก การต่อสู้กันในแดนกลางถือว่ายุทธศาสตร์สำคัญในเกมนี้ อย่างที่บอกว่าการขึ้นเกมทางริมเส้นทาง "สิงห์บลูส์" นั้นอันตรายและนำมาซึ่งการส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้ก่อนจังหวะที่ เมสัน เมาท์ ไหลบอลออกทางซ้ายให้ เบน ชิลเวลล์ ที่เติมขึ้นมาปาดเข้ากลาง ติโม แวร์เนอร์ แปด้วยขวาเน้นๆเข้าไป

แต่ว่าลูกได้ไม่ได้ประตูเพราะจากภาพช้ากองหน้าทีมชาติเยอรมันอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าทำให้สกอร์ยังไม่ขยับไปไหน

จุดเปลี่ยน

โอกาสลุ้นประตูสำคัญเป็นทางฝั่ง เรอัล มาดริด ที่ได้โอกาสก่อนในจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า ได้ปั่นด้วยขวาตรงหัวกะโหลก แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ พุ่งสุดเหยียดปัดบอลออกหลังไปได้อย่างฉิวเฉียด

เพียง 90 วินาทีให้หลังสกอร์ก็เกิดขึ้นแต่เป็นฝั่งของ เชลซี ที่ขึ้นนำในจังหวะที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไหลบอลให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ชิพบอลข้าม ติโบต์ กูร์กตัวส์ ไปชนคาน ติโม แวร์เนอร์ ที่พุ่งเข้าหาตั้งแต่แรกได้ยืนคนเดียวกระโดดโหม่งง่ายๆเข้าไป ชนิดที่นักเตะผู้มาเยือนยืนมองกันตั้งแต่แรกทำให้หมดโอกาสป้องกัน

จากไม่เสียประตูมาเป็นได้ประตูนอกจากจะสร้างกำลังใจให้กับทีมตัวเอง ยังเป็นการทำลายความมั่นใจของคู่แข่งอีกด้วย

ทาง เรอัล มาดริด ยังเน้นไปที่การครองบอลเพราะขอแค่ประตูเดียวทุกอย่างก็จะกลับมาเท่ากันและก็น่าตีเสมอได้จากจังหวะโหม่งของ คาริม เบนเซม่า อีกครั้ง แต่ก็โดน เอดูอาร์ เมนดี้ ปฏิเสธอีกครั้งเช่นกัน

ครึ่งหลัง

กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังเบรกไป 15 นาทีทางฝั่ง เชลซี น่าได้ประตูเพิ่ม เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลจากทางขวาเข้ากลางมาถึง ไค ฮาแวร์ตซ์ ได่โหม่งเต็มหัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ ไปเอื้อมไม่ถึงแล้วแต่บอลไปชนคานบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

อีกไม่กี่อึดใจต่อมาจากฟรีคิกทางซ้าย เบน ชิลเวลล์ เปิดเข้าเขตโทษ ติอาโก้ ซิลวา ได้โหม่งแต่บอลก็ข้ามคานออกไปอีก และก็อีกครั้งที่น่าได้ประตูเพิ่มจังหวะที่ ติโม แวร์เนอร์ ต่อบอลมาถึง เมสัน เมาท์ เข้าเขตโทษก่อนซัดเต็มข้อบอลข้ามคานอกไปอีก

หนึ่งชั่วโมงของเกมกับโอกาสอีกครั้งของฝั่งเจ้าบ้านที่ จอร์จินโญ่ ไหลบอลทะลุช่องอย่างง่ายดายมีทั้ง ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ตีคู่กันแต่ฝ่ายหลังเหลี่ยมและจังหวะดีกว่าได้ไปยิงแต่ไม่ดีพอไปติดขาของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ อีก

หลังจากนั้นมีสองจังหวะซ้อนๆจากทั้งสองฝั่ง เอแด็น อาซสาร์ ได้ยิงมุมแคบในเขตโทษด้านขวาติด เอดูอาร์ เมนดี้ ส่วนทาง "สิงห์บลูส์" ได้โอกาสทองอีกครั้งที่ ติโม แวร์เนอร์ ถวายพานให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้ยิงเน้นๆแน่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ออกมาปิดมุมเซฟไว้ได้เยี่ยมอีกครั้ง

ครึ่งทางของครึ่งหลังทาง เชลซี น่าได้ประตูเพิ่มจากลูกเตะมุมเป็น ติอาโก้ ซิลวา ได้โหม่งอีกทีบอลก็ยังหลุดกรอบไปอีก

ตอนจบที่ยอดเยี่ยม


เกมของทั้งสองทีมยังคงมีโอกาสเข้าทำกันหลายครั้ง โดยเฉพาะทางฝั่งเจ้าบ้านที่เฉียดไปเฉียดมาอยู่หลายหน แต่ เรอัล มาดริด ก็ยังรอดมาได้

นั่นเท่ากับว่าพวกเขายังคงมีความหวังและต้องการประตูเดียวเท่านั้นเพื่อที่จะกลับสู่เกมให้ได้

แต่หลังจากที่มีโอกาสหลายต่อหลายครั้งทาง เชลซี ก็มาได้ประตูที่ทำให้ เรอัล มาดริด ต้องถอดใจในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกมเมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไหลบอลให้ คริสเตียน พูลิซิช ในเขตโทษด้านขวาก่อนรอจังหวะแล้วไหลให้ เมสัน เมาท์ ที่พุ่งมาชาร์จตุงตาข่าย

เครดิตลูกนี้ต้องยกให้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ดึงจังหวะและรอให้เพื่อนสอดมาก่อนไหลให้นำมาซึ่งประตูตอกฝาโลง และ คริสเตียน พูลิซิช ก็ใจเย็นพอ ส่วน เมสัน เมาท์ ก็ฉับไว

เสียงปรับมือกึกก้องมาจากฝั่งของเจ้าบ้าน น่าเสียดายที่แฟนบอลไม่ได้อยู่ชื่นชมความสำเร็จของทีมในเกมนี้ เพราะต้องบอกว่ามันเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

สิ่งที่รออยู่


เกมถัดไปทีมจะได้เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในเกมพรีเมียร์ลีกคืนวันเสาร์นี้ โดยเจ้าบ้านจ่อที่จะได้แชมป์ไปครองแล้วด้วยคะแนนที่นำอยู่สุดไกล ในขณะที่ทาง เชลซี ยังต้องการชัยชนะเพื่อการันตีท็อปโฟร์

สิ่งที่มองเห็นนั่นก็คือการที่ทีมยังต้องเน้นทุกเกมที่เหลือ ส่วนฝั่ง "เรือใบ" ต้องใช้คำว่าสบายๆได้ สามารถเก็บตัวหลักให้ฟิตเต็มที่ก่อนเกมนัดสำคัญในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้

แต่ทาง โธมัส ทูเคิ่ล ออกมายืนยันแล้วว่าทีมจะเดินทางสู่อตาเติร์ก ในเมืองอิสตันบูลพร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะคว้าชัยชนะมาครองให้ได้


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด