:::     :::

เพิ่มพูนความมั่นใจก่อนศึกสำคัญ

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,083
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับ เชลซี ได้เป็นอย่างดี ยังทำให้ทีมขยับเข้าใกล้การคว้าท็อปโฟร์ของตารางมากขึ้นอีกด้วย

อย่างที่รู้ว่าสถานการณ์ในลีกของ "สิงห์บลูส์" ยังคงต้องเน้นต่อไปเพราะยังไม่ชัวร์ว่าจะได้ตั๋วไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นหน้า แม้ว่าจะมีเกมสำคัญในนัดชิงถ้วยทั้งเอฟเอ คัพและบอลยุโรป แต่ทีมก็ยังไม่อาจจะผ่อนคลายได้เลย

แต่ถึงแม้จะเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่เมื่อผลการแข่งขันไปในทิศทางบวกมันก็ช่วยทำให้ทีมมีความฮึกเหิมเพิ่มมาขึ้นอย่างไม่ต้องสังสัยเลย

ช่วงนี้บรรดาสาวกสิงโตน้ำเงินน่าจะเป็นแฟนบอลที่มีความสุขเหนือใครเลยจริงๆ


การจัดทีม

โธมัส ทูเคิ่ล ทำการปรับทีมพอสมควรเลยทีเดียวจากเกมล่าสุดที่เอาชนะ เรอัล มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในแนวรุกมีแค่ ติโม แวร์เนอร์ คนเดียวที่ยังได้ลงเล่น โดยส่ง คริสเตียน พูลิซิช และ ฮาคิม ซิเย็ค ลงเล่นแทน เมสัน เมาท์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์

ในขณะที่แดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทำหน้าที่ตค่อ แต่คู่ขาเปลี่ยนมาเป็น บิลลี่ กิลมอร์ ที่ลงเล่นแทน จอร์จินโญ่ ส่วนกองหลัง ติอาโก้ ซิลวา ได้พัก ส่วน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ขยับไปอยู่ตรงกลางร่วมกับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ส่วนวิลแบ็กขวา รีซ เจมส์ ลงสนาม ส่วนอีกฝั่ง มาร์กอส อลอนโซ่ ลงสนามแทน เบน ชิลเวลล์ 

แต่ผู้รักษาประตูยังเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ได้ยืนด่านสุดท้ายเหมือนเดิมนเกมสำคัญแบบนี้

ส่วนทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปรับทีมถึง 9 ตำแหน่งจากเกมล่าสุดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหลือแค่ เอแดร์ซอน กับ รูเบน ดิอาส สองคนเท่านั้นที่ได้ลงเล่นต่อ


เริ่มต้นแบบเกร็งๆ

เช่นเดียวกับเกมใหญ่หลายเกมที่ทั้งสองทีมออกสตาร์ทแบบเกร็งๆและไม่ได้เดินหน้าบุกอะไรมากมาย แต่เน้นการผ่านบอลไปมากันก่อน

โอกาสครั้งแรกต้องรอถึงนาทีที่ 8 จังหวะที่ เบนฌาแม็ง เมนดี้ ได้วิ่งมาสับไกตรงมุมเขตโทษด้านซ้ายบอลหลุดเสาสองออกไป หลังจากนั้นโอกาสได้ลุ้นก็ไม่ได้ถือว่ามีอะไรจะแจ้งนัก เป็นการยิงจากนอกกรอบซะเยอะ

ผ่านครึ่งชั่วโมงมานิดหน่อยเป็น เชลซี ที่มาส่งบอลสู่ก้นตาข่ายจังหวะที่ รีซ เจมส์ ได้สับไกตรงเส้นเขตโทษด้านขวาบอลพุ่งมาหน้าประตู ติโม แวร์เนอร์ ตวัดตามน้ำเสียบตาข่ายแต่ชัดเจนว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไป

ถือเป็นสัญญาณเตือนจากผู้มาเยือนที่ในช่วงต่อจากนั้นก็เดินหน้าครองบอลบุกได้มากขึ้นโดยเฉพาะจังหวะปั่นด้วยซ้ายนอกกรอบของ ฮาคิม ซิเย็ค แต่ เอแดร์ซอน ปัดออกหลังไปได้

        

ตามหลังก่อนพักครึ่ง

แต่หลังจากจังหวะยิงของ ซิเย็ค แค่นาทีเดียวเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ออกนำจากความผิดพลาดของ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่โดน กาเบรียล เชซุส ฉกบอลเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลาง เซร์คิโอ อเกวโร่ จับบอลลั่นไปนิดนึงแต่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่วิ่งมาพร้อมกันก็แปเข้าประตูไปเป็น 1-0

แน่นอนว่สาจังหวะนี้สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาแข้ง "สิงห์บลูส์" ที่คิดว่าควรจะเป็นจังหวะฟาวล์ ซึ่งสุดท้ายจากจังหวะนี้กองหลังทีมชาติเดนมาร์กเล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนเอา คูร์ท ซูม่า ลงมาแทน 

เท่านั้นไม่พอไม่กี่อึดใจ เชลซี ยังมาเสียจุดโทษเมื่อทาง บิลลี่ กิลมอร์ ไปทำฟาวล์ กาเบรียล เชซุส ในจังหวะที่พยายามยิงประตู แต่ เซร์คิโอ อเกวโร่ เล่นท่ายากไปยิง "ปาเนนก้า" แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ไม่หลงเลยรับไว้ได้สบายทำให้สกอร์ยังตามหลังแค่ลูกเดียวหลังจบ 45 นาที


ตามตีเสมอสำเร็จ

เกมในครึ่งหลังออกสตาร์ทไม่แตกต่างจากครึ่งแรกมากนัก แม้ว่าทั้งสองทีมจะมีโอกาสทำประตูกันมากขึ้น แต่จังหวะจบสกอร์ไม่ได้สร้างอันตรายหรือได้ลุ้นอะไรมากนัก

แต่เล่นไปเล่นมาเกมเริ่มอยู่ในการครอบครองของ เชลซี กระทั่งมาตามตีเสมอได้หลังผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกม คริสเตียน พูลิซิช ไหลบอลออกทางขวาให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า อยู่คนเดียวปาดเข้ากลาง ฮาคิม ซิเย็ค จับบอลดูเหมือนไม่ดีแต่ยังลอยอยู่ตรงหน้าก่อนกดด้วยซ้ายตรงเส้น 18 หลา เอแดร์ซอน พุ่งสุดตัวปัดปลายนิ้วแต่บอลยิงปลิ้นเข้าประตู

หลังตีเสมอไม่นาน โธมัส ทูเคิ่ล ขยับเปลี่ยนตัวเอา จอร์จินโญ่ ลงเล่นแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ นาทีที่ 68 ตามด้วย คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย แทน ฮาคิม ซิเย็ค นาทีที่ 76 ในขณะที่ทาง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็แก้เกมสองคนรวด ฟิล โฟเด้น แทน เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ อิลคาย กุนโดกัน แทน เฟร์ราน ตอร์เรส นาทีที่ 70 และ 71 ก่อนเปลี่ยนคนสุดท้ายเอา โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้ แทน เบนฌาแม็ง เมนดี้


ปิดเกมอย่างแข็งแกร่ง

หลังตีเสมอได้เกมดูเหมือนจะเริ่มเข้ามาอยู่ในการครอบครองของฝั่ง เชลซี ซึ่งบุกแบบได้น้ำได้เนื้อมากขึ้นกระทั่งมาส่งบอลสู่ก้นตาข้ายได้อีกครั้งนาทีที่ 80

คริสเตียน พูลิซิช พาบอลหาช่องก่อนไหลออกทางขวาให้ รีซ เจมส์ ตบมาหน้าประตู คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย สอดมายิงเสียบตาข่ายแต่จากภาพช้าอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปนิดเดียวจากวีเออาร์

เกมมาเดือดกันช่วงท้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองก็เดินหน้าลุยเช่นกัน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้หลุดเข้าเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะสับไก คูร์ท ซูม่า ตามมาบล็อคเอาไว้ได้หวุดหวิด


กระทั่งช่วงทดเจ็บเป็นฝั่ง เชลซี มาได้ประตูชัย คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ให้บอลมาที่ ติโม แวร์เนอร์ ในเขตโทษด้านขวาหาช่องเปิดเข้ากลาง ฮัดสัน-โอดอย เหมือนจะไม่ถึงแต่ มาร์กอส อลอนโซ่ กลับสอดมายิงด้วยขวาแม้โดนไม่เต็มแต่กลายเป็นจังหวะดีบอลลอยข้ามมือ เอแดร์ซอน ที่พยายามพุ่งสุดตัวเข้าไป กลายเป็นประตูชัยให้ทีมคว้าสามแต้มกลับบ้าน

สิ้นเสียงนกหวีดฝั่ง เชลซี ดีใจกันเต็มที่ ตรงข้ามกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ดูผิดหวังที่จบด้วยมือเปล่าทั้งที่มีโอกาสดี แต่สุดท้ายมันคือความพยายามของ "สิงห์บลูส์" ที่คว้าชัยชนะไปได้

เกมถัดไป

เชลซี จะกลับไปเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจในเกมถัดไป โดยจะทำศึก "ลอนดอน ดาร์บี้" เจอกับ อาร์เซน่อล ก่อนที่จะลงเล่นเกมชิงถ้วยเอฟเอ คัพกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันเสาร์


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด